เหนือ 1,400! ตลาดหุ้นไทยปิดพุ่ง 29.13 จุด คลายกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีตลาดหุ้นไทย วันนี้ (15 พ.ย.) ปิดตลาดที่ 1,415.17 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 29.13 จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.10% มูลค่าการซื้อขาย 63,738.22 ล้านบาท ระหว่างวันขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1,416.89 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,400.26 จุด สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 279.82 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิ 118.02 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 3,558.85 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 3,956.70 ล้านบาท 

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้น สาเหตุหลักประเมินว่ามาจากการที่สหรัฐรายงานเงินเฟ้อ เดือน ต.ค. ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ ช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายกับภาวะดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งนักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 99% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยนโยบายระดับเดิมในการประชุมกลางเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสะท้อนว่าการดำเนินนโยบายเข้มงวดได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆ เช่น US bond yield ปรับลง Dollar Index อ่อนค่า และเงินบาทกลับมาแข็งค่า 

ประกอบกับรัฐบาลได้เตรียมออกกองทุน TESG ที่เน้นลงทุนหุ้นไทยเป็นหลัก แม้วงเงินจะไม่ได้เยอะมาก เพราะสามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท/คน แต่อย่างน้อยลดระยะเวลาถือครองน้อยกว่า SSF (SSF 10 ปี-TESG 8 ปี) จึงมีความคาดหวังต่อเม็ดเงินที่จะเข้ามามากขึ้น 

โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคืนนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.1%MoM หากต่ำกว่าคาดการณ์ จะยิ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น

สำหรับแนวโน้มวันพรุ่งนี้ (16 พ.ย.) ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,405-1,425 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,081.56 ล้านบาท ปิดที่ 151.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,316.80 ล้านบาท ปิดที่ 57.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,124.49 ล้านบาท ปิดที่ 218.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,948.75 ล้านบาท ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,648.75 ล้านบาท ปิดที่ 98.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง