มองราคาทองสัปดาห์นี้กรอบ1,900ถึง1,970 ดอลลาร์จับตาเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ฮั่วเซ่งเฮงประเมินแนวโน้มราคาทองคำสัปดาห์นี้ (3 – 17 พ.ย. 2566) คาด Sideways down หลังจากราคาลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง  สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. นอกจากนี้สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนพฤศจิกายน

สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่  1,920 ดอลลาร์ และ 1,900 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,950 ดอลลาร์ และแนวต้าน 1,970 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 32,900 บาท และ 32,700 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 33,300 บาท และ 33,500 บาท

ด้านปัจจัยหนุนตลาดทองคำ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยดึงทิศทางรคาทองคำคือแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ระดับสูงที่ยาวนานขึ้น

อย่างไรก็ตาม ประเด็นการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณของสหรัฐกลับมาอีกครั้งในสัปดาห์นี้ หลังจากก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐได้ลงนามในกฎหมายงบประมาณชั่วคราวระยะเวลา 45 วัน จนถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน นั่นก็คือ ภายในวันศุกร์นี้จะเป็นเส้นตายสุดท้ายที่สภาคองเกรสจำเป็นต้องผ่านร่างกฏมายงบประมาณดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐจะถูกปิดการดำเนินงาน หรือชัตดาวน์ ท่ามกลางความท้าทายของผู้แทนราษฎรสหรัฐคนใหม่ที่มีชื่อว่า “ไมค์ จอห์นสัน” ภายหลังที่นายไมค์ จอห์นสัน เข้ารับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่อย่างเป็นทางการ

สำหรับร่างกฎหมายแรกที่จะถูกหยิบยกมาพิจารณาคือ การให้การสนับสนุนอิสราเอล พร้อมให้สัญญาว่าสภาจะเริ่มจัดการวิกฤติหนี้อย่างทันที อย่างไรก็ตาม ความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่คือเส้นตายของวันที่ 17 พ.ย.ที่กำลังจะถึงนี้ ที่ต้องพยายามดันร่างกฎหมายงบประมาณให้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสให้ได้ แม้ว่านายไมค์ จอห์นสันยังถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานที่ยังน้อยประสบการณ์ของเขาก็ตาม

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานายไมค์ จอห์สันได้มีการนำเสนอการขยายงบประมาณแบ่งเป็นสองเฟสที่มีวันหมดอายุที่แตกต่างกันสำหรับหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ โดยฉบับหนึ่งวันที่ 19 ม.ค. และอีกฉบับในวันที่ 2 ก.พ. ซึ่งคาดว่าอาจมีการลงมติในวันอังคารนี้ โดยข้อเสนอดังกล่าวจะไม่รวมถึงการปรับลดหรือให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่อิสราเอลและยูเครน เนื่องจากอาจส่งผลต่อความขัดแย้งจากทั้งพรรคแดโมแครตและพรรครีพับลิกัน

ทั้งนี้สหรัฐกำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับความน่าเชื่อของสหรัฐที่ปรับตัวลดลง ซึ่งส่วนหนึ่งสาเหตุมาจากประวัติในอดีตของสหรัฐที่ผ่านมานั้น สหรัฐมักจะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในช่วงวินาทีสุดท้ายก่อนถึงเส้นตาย จากความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้เกิดความเสี่ยงที่สหรัฐจะซัดดาวน์หลายครั้ง รวมถึงหนี้สาธารณะของสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทะลุเพดานหนี้สหรัฐ จึงมีผลให้ฟิทซ์ เรตติ้งส์ ได้มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จาก AAA เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามูดี้ส์ได้ประกาศการปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐสู่ “เชิงลบ” จาก “มีเสถียรภาพ” โดยมูดี้ส์คาดว่า การขาดดุลการคลังของสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับสูงมาก และจะทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลงอย่างมาก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลต่อการลดสัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะเงินทุนสำรองลง และอาจมีผลต่อการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ถ้าพิจารณาสถิติที่ผ่านมาในช่วงที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐปิดตัวลงจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างไรบ้าง   จะพบว่าในช่วงเดือนต.ค.2556 ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงแรกของการปิดตัวลงของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ แต่ก็ได้ปรับตัวลดลงในเวลาต่อมา จนกลับไปปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อสิ้นสุดการปิดตัว ดังนั้นจึงไม่สามารถสรุปได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลบวกหรือผลลบต่อราคาทองคำ ในทำนองเดียวกันเดือนม.ค.2561 ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงระหว่างวันที่ 20-23 ม.ค. และเพิ่มขึ้นเฉพาะเมื่อการปิดตัวสิ้นสุดลง

ขณะที่เหตุการณ์ล่าสุดในวันที่ 22 ธ.ค.2561- 25 ม.ค.2562 ซึ่งมีการปิดตัวลงของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐเป็นระยะเวลากว่า 35 วัน ถือว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานั้น แต่ในช่วงนั้นราคาทองคำก็ได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำก่อนเทศกาลตรุษจีนเช่นกัน จึงไม่สามารถกล่าวได้ทั้งหมดว่าการที่สหรัฐเกิด Government shutdown  จะเป็นแรงหนุนทองคำได้ และในช่วงระยะเวลานั่นเองราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 34 ดอลลาร์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเกิด Government shutdown  จะส่งผลต่อราคาทองคำระยะสั้นและในกรอบที่จำกัด

สำหรับผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 13 – 17 พ.ย. 2566 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ ระบุว่า 14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 3 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 7 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 4 ราย หรือเทียบเป็น 29% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 328 ราย ในจำนวนนี้มี 156 ราย หรือเทียบเป็น 47% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 133 ราย หรือเทียบเป็น 41% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 39 ราย หรือเทียบเป็น 12% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ราคาทองคำ

ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 32,750 – 33,500 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 33,100 บาท ต่อบาททองคำ ลดลง 450 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 33,550 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1. สถานการณ์ในตะวันออกกลาง สัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ขณะที่สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้เข้าสู่เดือนที่สอง แต่ยังคงจำกัดอยู่ในฉนวนกาซา และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลุกลามออกนอกภูมิภาค

2. นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองถูกกดดันจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อจากมุมมองของผู้บริโภค, ดัชนีราคาผู้บริโภค, ดัชนีราคาผู้ผลิต, ยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม, ผลสำรวจภาคการผลิตของ FED สาขานิวยอร์ก และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของ FED สาขาฟิลาเดลเฟีย เดือน พฤศจิกายน 2566 รวมทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.