อัปเดตสถานการณ์ พรีเมียร์ลีก และลีกแถวหน้ายุโรป ก่อนเข้าเบรคทีมชาติ

แม้อาจขัดใจบางแฟนบอลที่ "ไม่อิน" กับคิวทีมชาติอยู่สักหน่อย แต่เบรคทีมชาติงวดนี้ก็ถือว่าสำคัญยิ่ง เมื่อคงจะมีชาติบางรายที่ยืนยันการได้ตั๋วเข้ารอบสุดท้าย ยูโร 2024 ในเดือนนี้ และ/หรือ ฝั่งอเมริกาใต้ ที่รอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2026 เคลื่อนมาถึงเกมที่ 3 กับ 4

และก่อนจะปรับโหมดสู่บอลทีมชาติ ก็ลองมองย้อนกันหน่อย กับสถานการณ์ที่เป็นไปของทั้ง พรีเมียร์ลีก และบรรดาลีกแถวหน้าของยุโรป ซึ่งเข้าสู่เดือนที่ 3 ของฤดูกาลใหม่ไปทั้งหมดแล้ว

พรีเมียร์ลีก : 8 นัด

  • ท็อป 5 พรีเมียร์ลีก 2023/24

    1. สเปอร์ส - ชนะ 6 เสมอ 2 แต้ม 20

    2. อาร์เซน่อล - ชนะ 6 เสมอ 2 แต้ม 20

    3. แมนฯ ซิตี้ - ชนะ 6 แพ้ 2 แต้ม 18

    4. ลิเวอร์พูล - ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1 แต้ม 17

    5. แอสตัน วิลล่า - ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 2 แต้ม 16
  • ท้ายตาราง พรีเมียร์ลีก 2023/24

    16. เอฟเวอร์ตัน - ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 5 แต้ม 7

    17. ลูตัน ทาวน์ - ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 6 แต้ม 4

    18. เบิร์นลี่ย์ - ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 6 แต้ม 4

    19. บอร์นมัธ - เสมอ 3 แพ้ 5 แต้ม 3

    20. เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด - เสมอ 1 แพ้ 7 แต้ม 1

ดุเดือดเลือดพล่านและมีประเด็นให้พูดถึงในทุกสัปดาห์ โดยสำหรับวีคล่าสุก่อนเบรคทีมชาติ แม้เรื่องวุ่นของ VAR เจ้าปัญหาจะสร่างซาลงไปแล้ว แต่หลายเรื่องก็เป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้าง

ความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ อาร์เซน่อล สามารถปลดแอกกำราบ "โบกี้ทีม" อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงได้แล้ว ภายหลังผูกปีแพ้เรือใบมาอย่างยาวนานถึง 6 ปีซ้อน 12 เกมติดต่อกันใน พรีเมียร์ลีก -- แม้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะอ้างว่าทีมของเขาแพ้อย่างโชคร้าย ด้วยเพราะลูกยิงแฉลบเท่านั้นก็ตาม

ชัดเจนว่า อาร์เซน่อล ลงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกสัดส่วน ด้วย 8 นัดผ่านไปยังคงไร้พ่าย และเวลาเดียวกัน แชมป์เก่าอย่าง แมนฯ ซิตี้ ก็หลุดแพ้แล้วถึง 2 นัด และยังเป็นการแพ้ 2 เกมซ้อนด้วย คือ 1-2 วูล์ฟแฮมป์ตัน และ 0-1 อาร์เซน่อล

จึงน่าจับตาอย่างยิ่งว่า แมนฯ ซิตี้ จะฮึดขึ้นอย่างไรกับคิวถัดๆ ไปที่รออยู่ ซึ่ง 5-6 เกมถัดไปก็เป็น "คิวโหด" ของทัพเรือเสียด้วย อย่างการต้องเจอกับ ไบรท์ตัน, แมนฯ ยูไนเต็ด, บอร์นมัธ, เชลซี, ลิเวอร์พูล และ สเปอร์ส ตามลำดับ

สำหรับ สเปอร์ส ก็เป็นอีกทีมที่ "ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ" โดยไม่มีใครคิดถึง แฮร์รี่ เคน อีกต่อไปแล้ว เมื่อ อันเก้ ปอสเตโคกลู สร้างความต่อเนื่องได้ด้วยการชนะถึง 6 จาก 8 เกมแรก ส่วนอีก 2 เกมที่แต้มหลุด ก็เป็นผลเสมอเท่านั้น ไม่ถึงแพ้

ใช่ที่ชัยชนะ 3 เกมหลัง สเปอร์ส ล้วนแต่ "ออกเฉือน" ทั้งหมด - 2-1 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, 2-1 ลิเวอร์พูล, 1-0 ลูตัน ทาวน์ ที่หมายความถึงแต่ละเกมไม่ใช่ง่าย แต่ชนะก็คือชนะ และยังไม่ถึงเวลาจะพูดถึงกันว่า สเปอร์ส จะแผ่วลงตอนไหนเมื่อไหร่

ฝั่งท้ายตาราง เอฟเวอร์ตัน เริ่มมือขึ้น ชนะ 2 จาก 3 เกมหลัง จนขยับขึ้นอันดับ 16 แต่สำหรับ 3 น้องใหม่ เบิร์นลี่ย์, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ ลูตัน ทาวน์ จัดว่า "น่าเป็นห่วง" ด้วยคุณภาพโดยรวมซึ่งยังดู "มือไม่ถึง" คลาสพรีเมียร์ลีก

ทำนายไว้เนิ่นๆ ณ ตรงนี้ว่า ทั้ง 3 มีโอกาสกอดคอร่วงตกชั้นกลับลงไป

ส่วนจะถูกต้องไหม อีก 6-7 เดือนมาดูกันอีกที

FBL-ENG-PR-ARSENAL-MAN CITYลา ลีกา : 9 นัด

  • ท็อป 5 ลา ลีกา 2023/24

    1. เรอัล มาดริด - ชนะ 8 แพ้ 1 แต้ม 24

    2. คิโรน่า - ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 1 แต้ม 22

    3. บาร์เซโลน่า - ชนะ 6 เสมอ 3 แต้ม 21

    4. แอตฯ มาดริด (8 นัด) - ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 1 แต้ม 19

    5. แอธฯ บิลเบา - ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 2 แต้ม 17
  • ท้ายตาราง ลา ลีกา 2023/24

    16. บียาร์เรอัล - ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 5 แต้ม 8

    17. อลาเบส - ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 5 แต้ม 8

    18. เซลต้า บีโก้ - ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 5 แต้ม 6

    19. กรานาด้า - ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 5 แต้ม 6

    20. อัลเมเรีย - เสมอ 3 แพ้ 6 แต้ม 3

แรงดีไม่มีตก คุ้มค่ายิงกว่าแฟลตปลาทอง คือนิยามของ จู๊ด เบลลิงแฮม ที่ก็ยังคงเป็นดาวเด่นของ เรอัล มาดริด 2023/24 อยู่นั่นเอง เมื่อมิดฟิลด์วัย 20 กดแล้วถึง 8 ประตูในลีก และ 10 ลูกจาก 10 เกมที่เล่นให้ทีมชุดขาวในทุกรายการ

ฟอร์มกระฉูดของ เบลลิงแฮม เมื่อบวกกับความแข็งแกร่งที่มีอยู่เดิมของ เรอัล มาดริด แล้ว ก็ทำให้พวกเขายกเพดานบินขึ้นไปสู่ตำแหน่งจ่าฝูง ลา ลีกา เรียบร้อย โดยเฉพาะจากชัยชนะเหนือ "ช้างที่อยู่บนยอดไม้" คิโรน่า 3-0 เมื่อสิ้นเดือน ก.ย. ที่ยังตามมาด้วยการถลุง โอซาซูน่า 4-0 ก่อนเบรคทีมชาติ

ก็นั่นแหละ คิโรน่า เมื่อเจอของแข็งเข้าหน่อยก็ไปไม่เป็น จึงน่าเป็นห่วงในระยะยาวว่าเมื่อต้องเจอเกมแบบนี้มากเข้า อันดับของพวกเขาจะหลุดลงๆ ไปเรื่อยๆ

ฝั่ง บาร์เซโลน่า ติดเสมอมากไปนิด ออกเจ๊าแล้ว 3 จาก 9 เกมแรก ซึ่งหมายถึงบางอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง เพียงแต่ บาร์ซ่า ก็เป็นทีมเดียวที่ไร้พ่ายในลีกกระทิงจนถึงตอนนี้ และแต้มตามหลัง เรอัล มาดริด อยู่แค่ 3 คะแนนเท่านั้น

Jude Bellingham, Federico Valverdeกัลโช่ เซเรีย อา : 8 นัด

  • ท็อป 5 เซเรีย อา 2023/24

    1. เอซี มิลาน - ชนะ 7 แพ้ 1 แต้ม 21

    2. อินเตอร์ - ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 1 แต้ม 19

    3. ยูเวนตุส - ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1 แต้ม 17

    4. ฟิออเรนติน่า - ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1 แต้ม 17

    5. นาโปลี - ชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 2 แต้ม 14
  • ท้ายตาราง เซเรีย อา 2023/24

    16. เวโรน่า - ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 4 แต้ม 8

    17. อูดิเนเซ่ - เสมอ 5 แพ้ 3 แต้ม 5

    18. เอ็มโปลี - ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 6 แต้ม 4

    19. ซาแลร์นิตาน่า - เสมอ 3 แพ้ 5 แต้ม 3

    20. กายารี่ - เสมอ 2 แพ้ 6 แต้ม 2

ชัดเจนว่าแชมป์เก่า นาโปลี หลุดจากมาตรฐานทีมแชมป์ไปเยอะ เมื่อเจอการเปลี่ยนแปลงสำคัญอย่างตัวกุนซือ จาก ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ เป็น รูดี้ การ์เซีย อดีตนายใหญ่โรม่า จนชนะได้แค่ 4 จาก 8 เกมแรก

การถดถอยของ นาโปลี เช่นเดียวกับ "หลุดเยอะ" ของทั้ง ลาซิโอ - โรม่า ก็ทำให้ดูเหมือนว่า การแข่งขันซีซั่นนี้ได้กลับมาเป็นของ "สองทีมมิลาน" อย่าง เอซี - อินเตอร์ อีกครั้ง

ประเด็นสำคัญสุดอยู่ที่ช่วงก่อนพักเบรคทีมชาตินี่พอดี กับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนท้ายเกม เจนัว vs เอซี มิลาน

 

  • น.87 คริสเตียน พูลิซิช ตวัดยิง 1-0

    น.90+9 ไมค์ เมนยอง โดนใบแดง

    น.90+10 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ถอยมาเป็นประตูแทน

    น.90+11 เจนัว ยิงฟรีคิกชนคาน

    น.90+13 โจเซป มาร์ติเนซ ประตูเจ้าถิ่น โดนแดงบ้าง

    น.90+14 ชิรูด์ เซฟสำคัญก่อนที่ เจนัว จะได้ยิงในจุดอันตราย

    น.90+15 ผู้ตัดสินเป่าจบเกม มิลาน ชนะ 1-0

3 แต้มสุดระทึก และความพิเศษใส่ไข่ของ ชิรูด์ ช่วยให้ มิลาน ก้าวขึ้นไปเป็นจ่าฝูงลีกเลี่ยน แซงหน้า อินเตอร์ มิลาน ขึ้นไป 2 แต้ม เมื่อทีมงูใหญ่แพ้ 1 เสมอ 1 ในระยะสามเกมหลัง

สำหรับท้ายตาราง ภาพเริ่มชัดขึ้นว่า กายารี่ จะเป็นทีมแรกที่ตกชั้น เมื่อจนป่านนี้ยังชนะใครไม่เป็น และมีแค่ 2 แต้มในมือเท่านั้นเอง

อ่อ ส่วนทีมรองบ๊วย ซาแลร์นิตาน่า ล่าสุดเด้งกุนซือ เปาโล ซูซ่า พ้นเก้าอี้ และคว้าเอาอดีตดาวยิงคนดัง ฟิลิปโป้ อินซากี้ เข้ามาทำทีมแทนแล้ว

Genoa CFC v AC Milan - Serie A TIMบุนเดสลีกา : 7 นัด

  • ท็อป 5 บุนเดสลีกา 2023/24

    1. เลเวอร์คูเซ่น - ชนะ 6 เสมอ 1 แต้ม 19

    2. สตุ๊ตการ์ท - ชนะ 6 แพ้ 1 แต้ม 18

    3. บาเยิร์น มิวนิค - ชนะ 5 เสมอ 2 แต้ม 17

    4. ดอร์ทมุนด์ - ชนะ 5 เสมอ 2 แต้ม 17

    5. ฮอฟเฟ่นไฮม์ - ชนะ 5 แพ้ 2 แต้ม 15
  • ท้ายตาราง บุนเดสลีกา 2023/24

    14. แวร์เดอร์ เบรเมน - ชนะ 2 แพ้ 5 แต้ม 6

    15. เอาก์สบวร์ก - ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 4 แต้ม 5

    16. โบคุ่ม - เสมอ 4 แพ้ 3 แต้ม 4

    17. ไมนซ์ - เสมอ 2 แพ้ 5 แต้ม 2

    18. โคโลญ - เสมอ 1 แพ้ 6 แต้ม 1

มาจากไหนไม่มีใครรู้ และมาได้ไงก็ยิ่งไม่มีใครรู้ - ม้าขาว สตุ๊ตการ์ท กับการยืนรองจ่าฝูงด้วยชัยชนะ 6 จาก 7 เกมแรก และมี แซร์อู กีราสซี่ หัวหอกกินีเชื้อสายฝรั่งเศส เป็นดาวซัลโว...ยิงแล้ว 13 ประตู!

ที่จริง ซีซั่นก่อน สตุ๊ตการ์ท อยู่ในสถานะ "เจียนอยู่เจียนตาย" จะร่วงมิร่วงแหล่ เข้าป้ายอันดับ 16 ด้วยชนะแค่ 7 เกมตลอดซีซั่น จนต้องเพลย์ออฟหนีตาย และชนะ ฮัมบูร์ก สกอร์รวม 6-1

แต่มาซีซั่นนี้ ม้าขาวของกุนซือ เซบาสเตียน เฮอเนส ไม่รู้ได้ยาดีอะไร ถึงได้เฉิดฉายถึงขั้นรองจ่าฝูงแบบนี้

แต่ที่ดีกว่า สตุ๊ตการ์ท อีกก็คือ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ของกุนซือหนุ่มไฟแรง ชาบี อลอนโซ่ ที่ 7 เกมผ่านไปยังไร้พ่าย ชนะ 6 เสมอ 1 และยิงได้เฉลี่ย 3.2 ประตูต่อเกม

อย่างไรก็ตาม ก็เป็นคำถามว่า ทั้ง เลเวอร์คูเซ่น และ สตุ๊ตการ์ท จะแผ่วไปตอนไหน และเมื่อไหร่ที่ บาเยิร์น มิวนิค (หรือ ดอร์ทมุนด์) จะจ้ำพรวดแซงขึ้นไป เมื่อแม้จะออกสตาร์ทหนืดๆ หน่อย แต่ บาเยิร์น ของ โธมัส ทูเคิ่ล ก็ตามหลังทั้ง 2 คู่แข่งอยู่แค่เอื้อม รวมถึงยังไม่แพ้ใครเช่นกัน

สำหรับ แฮร์รี่ เคน จัดว่าแจ่มเลยเมื่อกดแล้ว 8 ประตูจาก 7 เกมบุนเดสลีกา และ 9 ประตูจาก 10 นัดรวมทุกถ้วย

Serhou Guirassyลีก เอิง : 8 นัด

  • ท็อป 5 ลีก เอิง 2023/24

    1. โมนาโก - ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1 แต้ม 17

    2. นีซ - ชนะ 4 เสมอ 4 แต้ม 16

    3. ปารีส แซงต์-แชร์กแมง - ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 1 แต้ม 15

    4. แบรสต์ - ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 1 แต้ม 15

    5. แร็งส์ - ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 3 แต้ม 13
  • ท้ายตาราง ลีก เอิง 2023/24

    14. ล็องส์ - ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 4 แต้ม 8

    15. เม็ตซ์ - ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 4 แต้ม 8

    16. ลอริยองต์ - ชนะ 1 เสมอ 4 แพ้ 3 แต้ม 7

    17. โอลิมปิก ลียง - เสมอ 3 แพ้ 5 แต้ม 3

    18. แกลร์กมงต์ ฟุต - เสมอ 2 แพ้ 5 แต้ม 2

บอลน้ำหอมซีซั่นนี้ เท่าที่ผ่านมา 8 เกม ไฮไลท์อยู่ที่ 3 ส่วน

1. ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยุคใหม่ของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ดูยังตั้งหลักปักฐานไม่ได้ ต้องปรับจูนกันพอสมควร โดยที่ 8 เกมแรกเพิ่งชนะได้แค่ครึ่งเดียว (4 นัด) โดยไม่มีความสม่ำเสมอ อันรวมถึงที่ออกไปโดน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ยิงยับ 4-1 ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย

2. การช่วงชิงตำแหน่งจ่าฝูง กลายเป็นของ โมนาโก กับ นีซ ทีมอันดับ 6 และ 9 ซีซั่นก่อน ตามลำดับ โดยที่ นีซ เป็นทีมเดียวซึ่งยังไร้พ่าย และตามหลัง โมนาโก แต้มเดียวถ้วน

และ 3. โอลิมปิก ลียง ยังคงไม่ฟื้น จาก "ลียงลงเป็นยิง" ในอดีต ตอนนี้คงเป็น "ลียงลงเป็นโดน" ป่านนี้ยังชนะไม่เป็น เสมอ 3 แพ้ 5 ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินที่ตำแหน่งรองบ๊วย โดยกุนซือใหม่ ฟาบิโอ กรอสโซ่ ที่เข้ามาแทน โลร็องต์ บล็องก์ ก็ยังไม่อาจพลิกชะตาทีมได้แต่อย่างใด ล่าสุดเสมอ ลอริยองต์ 3-3 ทั้งที่นำห่าง 3-1 ตั้งแต่หมดครึ่งแรก

Kylian Mbappe อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ : 11 นัด

  • ท็อป 5 แชมเปี้ยนชิพ 2023/24

    1. เลสเตอร์ - ชนะ 10 แพ้ 1 แต้ม 30

    2. อิปสวิช - ชนะ 9 เสมอ 1 แพ้ 1 แต้ม 28

    3. เปรสตัน - ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 3 แต้ม 20

    4. ซันเดอร์แลนด์ - ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 4 แต้ม 19

    5. ลีดส์ - ชนะ 5 เสมอ 4 แพ้ 2 แต้ม 19

    6. เบอร์มิงแฮม - ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 3 แต้ม 18
  • ท้ายตาราง แชมเปี้ยนชิพ 2023/24

    20. วัตฟอร์ด - ชนะ 2 เสมอ 4 แพ้ 5 แต้ม 10

    21. สโต๊ค - ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 7 แต้ม 10

    22. ควีนส์พาร์ค - ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 7 แต้ม 8

    23. ร็อตเตอร์แฮม - ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 7 แต้ม 6

    24. เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ - เสมอ 3 แพ้ 8 แต้ม 3

อาจเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ ที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ยุคใหม่ของ เอ็นโซ มาเรสก้า ทำผลงานได้ดีขนาดนี้ แต่ก็จะไม่เซอร์ไพรส์แล้วหากว่าในท้ายที่สุด เลสเตอร์ จะตีตั๋วคืนสู่ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างรวดเร็วในเพียงปีเดียว

นั่นเพราะหลังจากผ่านไป 11 เกม เลสเตอร์ ทิ้งระยะเหนืออันดับ 3 (เปรสตัน) ไกลลิบถึง 10 คะแนนเต็ม!

ทัพจิ้งจอก เดินหน้าชนะถึง 10 จาก 11 เกมแรก และเข้าเบรคชนะมาแล้ว 6 เกมรวด ด้วยคุณภาพทีมที่ดูเหนือกว่าใคร และ มาเรสก้า หาจุดลงตัวให้กับทีมของเขาได้โดยไม่ต้องใช้เวลาเนิ่นนาน โดยดาวรุ่งอย่าง เคซี่ย์ แม็คเคเทียร์ ปีกเด็กวัย 21 ยังสร้างผลงานดีต่อเนื่อง ยิงแล้ว 5 ประตูในทุกถ้วย และยังมีทั้ง เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ และ เจมี่ วาร์ดี้ ที่ก็กดแล้ว 5 ประตูเช่นกัน

รุกดี รับยังเด่น ด้วยการที่ เลสเตอร์ เพิ่งเสียแค่ 6 ประตูเท่านั้น น้อยสุดในลีก

ส่วนถัดจาก เลสเตอร์ แล้ว อิปสวิช ทาวน์ ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา ก็มาดีอย่างเหนือความคาดหมาย ชนะ 9 จาก 11 เกมแรก จนตามหลัง เลสเตอร์ 2 แต้ม และเช่นกัน ทิ้งห่างเบอร์ 3 เปรสตัน ไกลถึง 8 คะแนนทีเดียว

สำหรับท้ายตาราง เด่นๆ มาเลยว่า เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ไม่น่ารอดพ้นการตกชั้นกลับสู่ ลีก วัน เร็วจี๋หลังเพิ่งเลื่อนขึ้นมา เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในแทบทุกภาคส่วน ตั้งแต่ฟอร์มการเล่น, กุนซือที่เพิ่งเปลี่ยน (ซิสโก้ มูนยอซ โดนเด้ง) และแม้แต่เจ้าของสโมสร เดชพล จันศิริ ที่ฟิวส์ขาด ประกาศไม่อัดเงินหนุนทีมอีกต่อไป หลังโดนแฟนบอลวิจารณ์หนักในช่วงที่ผ่านมา

มรสุมที่รุมเร้าเจ้านกเค้าแมว ทำให้หลังจาก 11 นัดผ่านไป พวกเขาเป็นทีมเดียวที่ยัง "ชนะใครไม่เป็น" และมีในมือเพียง 3 แต้มเท่านั้น นับวันจะยิ่งโดนทีมโซนปลอดภัยทิ้งระยะห่างขึ้นเรื่อยๆ

Kiernan Dewsbury-Hall โปรลีก ซาอุฯ : 9 นัด

  • ท็อป 5 โปรลีก 2023/24

    1. อัล-ฮิลาล - ชนะ 7 เสมอ 2 แต้ม 23

    2. อัล-ทาวูน - ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 1 แต้ม 22

    3. อัล-นาสเซอร์ - ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 2 แต้ม 19

    4. อัล-อิตติฮัด - ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 2 แต้ม 19

    5. อัล-อาห์ลี - ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 2 แต้ม 19
  • ท้ายตาราง โปรลีก 2023/24

    14. อัล-โอ๊คดูด - ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 6 แต้ม 7

    15. อับฮา - ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 6 แต้ม 7

    16. อัล-ไท - ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 6 แต้ม 7

    17. อัล-ราเอ็ด - ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 6 แต้ม 5

    18. อัล-ฮาเซ็ม - เสมอ 3 แพ้ 6 แต้ม 3

ยืนระยะได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับ อัล-ฮิลาล ต้นสังกัดของ เนย์มาร์, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช, รูเบน เนเวส, มัลคอม, คาลิดู คูลิบาลี่, เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช และ ยาสซีน บูนู ที่ถึงตรงนี้ยังคงเป็นทีมเดียวที่ "ไร้พ่าย" และชนะ 7 จาก 9 เกมแรก

แต่ท่ามกลางฟอร์มดีมีมาตรฐานของ มิโตรวิช หรือ มัลคอม (ในขณะที่ เนย์มาร์ ยังไม่มีสกอร์ในลีกเลย) ดาวเด่นของ อัล-ฮิลาล กลับเป็นคนในอย่าง ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี ที่กดแล้ว 6 ประตูในลีก และอีก 2 เม็ดในบอลถ้วย ขณะที่ เนเวส ก็ไม่เลวเลยด้วยการทำแอสซิสต์ 4 ครั้ง

ด้าน อัล-นาสเซอร์ ที่อยู่ในการจับตา ด้วยเป็นทีมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ซาดิโอ มาเน่ ฮึดขึ้นอย่างชัดเจน พลิกจากที่แพ้ 2 เกมแรกมาชนะ 6 นัดรวด ก่อนที่ล่าสุดจะพลาดเล็กๆ โดนทีมอันดับ 15 อับฮา ไล่ตีเสมอ 2-2 ทดเจ็บ 90+2

อัล-นาสเซอร์ คงต้องเร่งเครื่องขึ้นกว่านี้เพื่อไล่ชิงจ่าฝูงกับ อัล-ฮิลาล เพียงแต่เกมรุกของพวกเขาก็ดูลงตัวดีแล้ว โรนัลโด้ ร้อนแรงด้วยการกดไป 10 ประตูในลีก และ 17 ลูกจาก 17 นัดรวมทุกถ้วย ขณะที่ มาเน่ ก็ยิงแล้ว 6 ลูกในลีก บวกอีก 1 เม็ดในบอลถ้วย

Cristiano Ronaldo

  • ติดตามผลบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทุกคู่ที่นี่ https://www.sanook.com/sport/program/

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.