“ชัยวัฒน์”จี้ กลต. ตรวจสอบ CPAXT-CPALL ชี้ มีปัญหาธรรมาภิบาล

นาย ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้ความเห็นต่อกรณีที่บริษัท CPAXT และ CPALL ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัท Axtra Growth Plus (AGP) เพื่อเข้าร่วมลงทุนในโครงการ Happitat at The Forestias ซึ่งนำมาสู่การตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์และข้อกังขาในประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนและธรรมาภิบาลของผู้บริหารอย่างกว้างขวาง 

 

 


นายชัยวัฒน์ระบุว่ากรณีดังกล่าวเป็นที่ชัดเจนต่อสายตานักลงทุนว่าดีลนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับคนใกล้ตัวของผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมถึงมีข้อกังขาที่อาจเกี่ยวโยงถึงการใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายใน (Insider Trading) อันเป็นการเอาเปรียบนักลงทุนรายอื่นที่ไม่รู้ข้อมูลดังกล่าวหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ผู้บริหารระดับสูงซึ่งมีบทบาทสำคัญในเครือ CPALL และ CPAXT ได้บังเอิญขายหุ้น CPALL มูลค่ากว่า 50 ล้านบาทเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ก่อนการรายงานดีลลงทุนดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์เป็นเวลาราว 10 วัน

 

 


ก่อศักดิ์มีประวัติเคยถูกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เปรียบเทียบปรับจากความผิดฐานอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้น MAKRO ก่อนที่จะมีดีล CPALL เข้าซื้อหุ้น MAKRO จึงไม่แปลกที่แวดวงนักลงทุนจะออกมาวิจารณ์ถึงการขายหุ้นโดยบังเอิญครั้งนี้ ซึ่งราคาปิดล่าสุด ณ วันที่ 17 ธันวาคม 2567 ได้ร่วงไปกว่า 10% เทียบกับราคาขายเฉลี่ยของก่อศักดิ์

ชัยวัฒน์กล่าวต่อไปว่าการจัดตั้งบริษัท AGP ทุนจดทะเบียน 8,390 ล้านบาท โดย CPAXT ถือหุ้น 95% และ Magnolia Quality Development (MQDC) ถือหุ้นอีก 5% ซึ่ง MQDC มี ทิพพาภรณ์ อริยวารมย์ บุตรสาวของ ธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทางอ้อมผ่านบริษัทดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โครงการ Happitat ภายใต้โครงการ Forestia ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มูลค่าการพัฒนาโดยรวมในระยะยาวสูงถึง 125,000 ล้านบาท 

 


โดยที่นักวิเคราะห์มองความเสี่ยงทางการเงินและคาดว่าโครงการนี้จะขาดทุนระหว่าง 200-300 ล้านบาทในช่วงปี 2568-2569 และอาจใช้เวลาถึงปี 2572 กว่าจะถึงจุดคุ้มทุน ความเกี่ยวข้องดังกล่าวจึงทำให้ถูกตั้งคำถามและมองได้ว่าเป็นการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ MQDC หรือไม่ 

 


นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า ตลาดทุนไทยได้เผชิญปัญหาวิกฤตศรัทธาและการเอาเปรียบนักลงทุนรายย่อยมาโดยตลอด ดังนั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและสาธารณชน คณะกรรมการและสำนักงาน กลต. จึงควรดำเนินการเชิงรุกต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องให้มากกว่านี้ เพื่อคลี่คลายข้อกังขาต่อสาธารณชนและฟื้นความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทยกลับมา

 


ในเรื่องธรรมาภิบาล กลต. จำเป็นต้องเข้าไปกำกับดูแลให้อำนาจการตัดสินใจในดีลลักษณะดังกล่าว ควรเป็นการโหวตตัดสินใจโดยผู้ถือหุ้นที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ รวมทั้งเรื่องการตรวจสอบและเปิดเผยข้อเท็จจริง ว่ามีการใช้ข้อมูลภายในเอาเปรียบนักลงทุนรายอื่นหรือไม่

นายชัยวัฒน์ยังกล่าวต่อไปว่าในยุคที่สังคมให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และความรับผิดชอบของบริษัทมหาชน การแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในด้านธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการตัดสินใจดีลที่ถูกมองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนของ CPALL และ CPAXT จะเป็นก้าวสำคัญในการรักษาความเชื่อมั่นจากสาธารณชนและนักลงทุนทั้งในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งนี้ CPALL และ CPAXT ได้คะแนนธรรมาภิบาล CG Score ระดับ 5 (สูงสุด) และ ESG Rating AAA และ AA คะแนนดังกล่าวสะท้อนการมีธรรมาภิบาลของบริษัทในตลาดทุนไทยอย่างไร

 


“อยากให้ กลต. ลองสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อ CG Score โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย หรือ ESG Rating โดยตลาดหลักทรัพย์ ดูว่าเป็นได้รับความเชื่อถือจากนักลงทุนเพียงใดและเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนหรือไม่ ทำโพลสำรวจออนไลน์ง่ายๆ ก็ได้ จะได้รู้ว่าควรปรับปรุงการประเมินหรือไม่อย่างไร” นายชัยวัฒน์กล่าว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.