มติป.ป.ช.รับสอบ"บิ๊กต่อ"ปมส่วยเว็บพนัน สอบเพิ่ม"บิ๊กโจ๊ก"ฟอกเงิน
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติรับพิจารณาคำร้องกรณีกล่าวหา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กับพวก เรียกรับเงินหรือทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์และธุรกิจผิดกฎหมายอื่น จำนวน 18 ประเภท
“คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง” นายสาโรจน์ กล่าว
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งหมดเป็นองค์คณะไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กับพวกรวม 8 คน หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังมีมติให้คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกรณีกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. กับพวก เรียกรับผลประโยชน์จากเว็บพนันออนไลน์ สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องกัน และรับทรัพย์สินเกินกว่า 3,0000 บาท เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วให้นำเสนอที่ประชุมฯ พิจารณาอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนมีมติรับคำร้องของป.ป.ช. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ต่อมาภายหลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงินและร่วมกันฉ้อโกงพี่อ้อย น.ส.จตุพร อุบลเลิศ 71ล้านบาท ซึ่งทนายตั้มมีความสนิทสนมกับพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เป็นผู้เปิดโปงขบวนการส่วยที่เกี่ยวพันกับบิ๊กตำรวจและเส้นทางการเงินจนนำไปสู่การรับคำร้องดังกล่าว
แฟ้มภาพเก่าประกอบเนื้อหาข่าว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.