ก้าวไกล ข้องใจ คำวินิจฉัยศาลมองแก้112 ล้มล้าง ชี้ ยิ่งทำให้กระทบต่อสถาบัน
ที่ห้องประชุม 607 อาคารรัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย สส. พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย พรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง จากการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112
นายชัยธวัชกล่าวว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้มีเจตนา เซาะกร่อนบ่อนทำลาย หรือแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากชาติ กังวลว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเมืองไทยในระยะยาว ความสัมพันธ์อำนาจนิติบัญญัติกับศาลรัฐธรรมนูญ ความเข้าใจและการทำให้ความหมายต่อระบอบประชาธิปไตย และสถาบันพระมหากษัตริย์ สิ่งที่เคยกระทำได้ในอดีตอาจกลายเป็นการล้มล้างการปกครองได้ ที่เข้าใจหลักเกณฑ์ไม่ตรงกัน เพราะความคลุมเครือในการตีความทั้งข้อกฎหมายและเจตนา
คำวินิจฉัยอาจก่อให้เกิดปัญหาทางดุลยภาพระหว่างประชาธิปไตยกับสถาบัน อาจจะทำให้สังคมไทยสูญเสียโอกาส ในการใช้ระบบรัฐสภาเพื่อหาข้อยุติความขัดแย้ง หรือความคิดเห็นที่แตกต่างในสังคม คำวินิจฉัยอาจส่งผลกระทบให้ประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์กลายเป็นปมความขัดแย้ง ทางการเมืองไทยมากยิ่งขึ้น
นายชัยธวัชกล่าวว่า พรรคก้าวไกล ขอบคุณทุกกำลังใจ คำวินิจฉัยไม่ได้กระทบต่อพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่จะกระทบต่อความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ รวมถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคน ทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้และผลที่เกิดขึ้นในอนาคต เป็นเรื่องของพวกเราทุกคน ไม่ใช่ของพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องของอนาคตของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เมื่อถามว่า หลังจากนี้อาจจะมีคนไปยื่นเพื่อให้ยุบพรรคก้าวไกล นายชัยธวัชกล่าวว่า พรรคยังรอคำวินิจฉัยจากศาลโดยละเอียด ไม่สามารถประมาทได้ในทางกฎหมาย แม้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นที่สุดไม่สามารถโต้แย้งได้ แต่พรรคต้องเตรียมรองรับไว้ทุกสถานการณ์ เราไม่ได้กังวล ไม่ประมาท
ถามอีกว่า กังวลว่าจะซ้ำรอยกับพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ยังไปไม่ถึงตรงนั้น ขั้นตอนต่อไป จะรอเอกสารคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็มก่อน เพื่อรับมือทางกฎหมาย ที่อาจจะเกิดขึ้นก่อน
นายชัยธวัชยังชี้แจง กรณีคำพิพากษาศาลได้พูดถึงพฤติกรรมของคนในพรรค การลงเสนอชื่อแก้ไขมาตราดังกล่าว การประกันตัวผู้ถูกดำเนินคดี และคนที่โดนคดีว่า เรื่องนี้จะเป็นปัญหาที่เรามีความกังวลต่อคำวินิจฉัย การที่บอกว่ามี สส.พรรคก้าวไกล ประกันตัวให้กับผู้ที่ถูกดำเนินคดี112 นำมาเป็นองค์ประกอบ มีเจตนาในการล้มล้างการปกครองอาจมีปัญหาได้ แม้ทางกฎหมายให้สันนิษฐาน บุคคลไม่ว่าโดนข้อกล่าวหาอะไร ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเป็นผู้บริสุทธิ์ ที่อาจทำให้เกิดการขัดกันและการประกันตัวผู้ต้องหา ในอนาคต ถ้าใครไปประกันตัวจะถือว่ามีความผิดไปด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ในคำสั่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 หมายความว่าหลังจากนี้ พรรคก้าวไกลจะต้องห้ามพูดเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิงใช่หรือไม่ แต่จะพูดได้อย่างเดียวคือ การเพิ่มโทษในมาตราดังกล่าวใช่หรือไม่ ยังไม่นับรวมการแสดงความเห็นสื่อมวลชน นักวิชาการ คนทั่วไป จะถูกตีความว่าเจตนานำไปสู่การล้มล้าง ซ่อนเร้น การให้ยกเลิกมาตรา112 ถือเป็นการล้มล้างหรือไม่
เมื่อถามว่า สส.44 คนที่เคยมีการเสนอชื่อแก้ไขมาตรา112 อาจมีโทษร้ายแรง โดนตัดสิทธิ์การเมืองตลอดชีวิต นายชัยธวัชกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นแน่นอนว่า การดำเนินการใดๆหลังจากนี้ที่เกินสมควร จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์กลายเป็นนำไปสู่ปมปัญหาความขัดแย้ง ในการเมืองไทยมากยิ่งขึ้น พรรคก้าวไกลมีเจตนาที่จะยุติ ลดการนำประเด็นเรื่องสถาบันเข้ามาประเด็นความขัดแย้งในสังคมไทย เพื่อให้เกิดเสถียรภาพในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราไม่อยากทำให้มาตรา112 กลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในการทำลายซึ่งกันและกัน ไม่เปิดช่องให้ใครผูกขาดความจงรักภักดีไว้กับตัวเอง ขอยืนยัน พรรคไม่ได้มีเจตนาอย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ขณะที่นายพิธากล่าวว่า พรรคขอยืนยันเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่มีความตั้งใจที่จะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากความมั่นคงของชาติ มีความกังวล เรื่องขอบเขตอำนาจนิติบัญญัติกับศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องหลักนิติรัฐ นิติธรรม รวมถึงการสันนิษฐาน ผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์ มีสิทธิในการประกันตัว สิทธิในการรวมตัว ซึ่งถือเป็นเรื่องพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตนคนเดียว ไม่ใช่เรื่องของชะตากรรมก้าวไกลอย่างเดียว แต่เป็นเรื่อง อนาคตของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย น่าเสียดายว่าเรามีโอกาสหลุดออกจากความขัดแย้งที่มีคนนำสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อเข้ามาพูดคุย โดยใช้รัฐสภาที่ไม่มีใครสามารถผูกขาดความคิดได้
นายพิธายืนยันว่า แม้จะมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมา คิดว่า สส.ทั้ง 151 คน ที่ยังยิ้มแย้มกันอยู่ ยังอยู่กับพรรค คงไม่มีใครสละเรือ ส่วนกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไปยื่นกกต.ขอให้ยุบพรรค ขอรอดูรายละเอียดเนื้อหาก่อน
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.