ศาลสั่งจำคุก”ตั๊น-จิตภัสร์”กับพวกแกนนำกปปส.ชุดเล็กคดีขับไล่ยิ่งลักษณ์

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2566 ที่ห้องพิจารณา801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี กปปส.(ชุดเล็ก)ร่วมกันกบฏ ก่อการร้าย หมายเลขดำอ.2732/2562   ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ4 เป็นโจทก์ฟ้องนายนัสเซอร์ ยีหมะ,นายอุทัย ยอดมณี,นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา น.ส.จิตภัสร์ หรือตั๊น กฤดากร ,นายพานสุวรรณ ณ แก้ว,นายประกอบกิจ อินทร์ทอง และนายกิตติศักดิ์ ปรกติ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7ในความผิด ฐาน ร่วมกันมั่วสุม เป็นกบฏสมคบกันใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ฯ

อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 16 ต.ค.2562 สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย.2556-1พ.ค.2557 จำเลยกับพวกซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มคณะกรรมกาประชาชน เพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข( กปปส.) โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จำเลย ที่ศาลพิพากษาลงโทษได้ร่วมกันกับพวกจำเลยคดีนี้ มั่วสุม เป็นกบฏสมคบกันใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ต่อต้านการบริหารราชการแผ่นดินและขับไล่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่ง ยุยง ปลุกระดม ให้ประชาชนกระด้างกระเดื่อง
พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว 

วันนี้กลุ่มจำเลยทยอยเดินทางมาศาล รวมถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางมาให้กำลังใจ

ศาลพิจารณาพยานหลักฐานคู่ความทั้งสองที่เบิกความตรงกันเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนเเปลงการปกครองทำให้เกิดความเเตกเเยกในบ้านเมืองพฤติการณ์ไม่ใช่การทำกบฎให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 7 ในข้อหากบฎฯ ส่วนข้อหาเกี่ยวกับการชุมนุมข้อหาอื่น ๆ อาทิเช่น  ทำให้เกิดความวุ่นวายและทรัพย์สินเสียหาย ยุยงให้มีการหยุดงาน รวมถึงขัดขวางการเลือกตั้ง ศาลลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละรายแตกต่างกัน 

พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 นายนัสเซอร์ ยีหมะ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตราที่ 117 วรรคสอง , 215 วรรคหนึ่งฐานเข้า มีส่วนให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลและฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปกระทำการให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้บทลงโทษที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ฐานเข้ามีส่วน ให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลจำคุก6 เดือนและปรับ 20,000 บาท

พิพากษาจำเลยที่4 น.ส.จิตภัสร์ หรือตั๊น กฤดากร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 117 วรรคหนึ่ง, 215 วรรคหนึ่งฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลและฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ สิบคนขึ้นไป กระทำการให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดอกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลจำคุก 9 เดือน และปรับ 40,000 บาทไม่ปรากฏว่าจำเลยที่4เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน

พิพากษาว่า นายอุทัย ยอดมณี,นายนิติธร ล้ำเหลือจำเลยที่2-3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2),117วรรคหนึ่ง, 215 วรรคหนึ่ง 216, 358 ,362 ประกอบ 365 (2)  พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรและได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ. 2550 มาตรา 36,152 การกระทำของจำเลยที่ 6 และจำเลยที่3 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรม ต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามป.อ.91 กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่ จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักรจำคุกคนละ2ปี และปรับคนละ 100,000 บาทฐานขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้ง จำคุกคนละ 1 ปีปรับคนละ 20,000 บาท ฐานร่วมกันทำให้เสียซับจำคุกคนละ 1 ปีปรับ 20,000 บาท ฐานร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปจำคุกคนละ1 ปีปรับคนละ 20,000 บาท ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการ หยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลและฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำการให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้บทลงโทษที่มีบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลจำคุกคนละ9 เดือนปรับคนละ 40,000 บาทรวมห้ากระทงจำคุกคนละ5 ปี9 เดือนปรับคนละ 200,000 บาท

พิพากษาว่า นายพานสุวรรณ ณ แก้ว,นายประกอบกิจ อินทร์ทอง จำเลยที่ 5 และจำเลยที่6มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2), 117 วรรคหนึ่ง ,215 วรรคหนึ่ง, 216, 358 ,362 ประกอบ 365 (2) กรานกระทำของจำเลยที่5และที่6 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันจึงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามป.อ .91 ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาเพื่อก่อให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่ จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรจำคุก2ปีปรับ 100,000 บาทฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์สินจำคุกคนละ1ปีปรับคนละ 20,000 บาท ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลและฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการให้ เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบททำให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลจำคุกคนละ9เดือนปรับ 40,000 บาทรวมจำคุกคนละ4ปี9เดือนปรับคนละ 180,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่2-6 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนส่วนจำเลยที่1 เคยได้รับโทษจำคุกมีกำหนด6 เดือนมาก่อน 

จำเลยทั้งหมดกระทำความผิดสืบเนื่องจากมีข้อมูลถึงการกระทำที่ไม่ชอบของนักการเมืองจำเลยทั้งหมดจึงมีเจตนารมย์และเป็นการแสดงออกเพื่อต่อสู้ให้เกิดความชอบธรรมตามหลักนิติรัฐนิติธรรมเป็นสำคัญ มิใช่เป็นการกระทำเพื่อตนเองจำเลยทั้งหมดมอบตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วยความกล้าหาญไม่เคยมี พฤติการณ์หลบหนีเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด2ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56(2) สำหรับจำเลยที่1 และมาตรา 56(1) ข้อหาและคำขออื่นให้ยกฟ้องนายกิตติศักดิ์ ปรกติจำเลยที่7 เนื่องจากเป็นการขึ้นปราศรัยโดยให้ความเห็นทางรัฐธรรมนูญในการเรียกสิทธิ

ภายหลังการฟังคำพิพากษานายนัสเซอร์ ยีหมะ จำเลยที่1 ในคดี ได้เปิดเผยว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาว่าจะไม่รอลงอาญาตนเพราะเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จากนั้นตนและทนายได้เข้าไปปรึกษาข้อกฎหมายกับทางศาล ว่าคดีอื่นที่ตนเคยโดนโทษจำคุก 6 เดือนมาก่อนแต่ว่าเวลาผ่ายไปนานกว่า 5 ปีแล้ว ตามกฎหมายในส่วนของตนจึงสามารถรอลงอาญาได้ แต่ต้องเสียค่าปรับ 20,000 บาทแทนเเละยื่นร้องต่อศาล

ต่อมาศาลได้ตรวจสอบเท็จจริงเเล้วพบข้อผิดหลงจึงเเก้ไขคำพิพากษาเป็นว่าให้รอลงอาญา เเละอ่านให้จำเลยที่ 1 ฟัง โดยน.ส.จิตภัสร์ได้เดินทางกลับทันที 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อหรือไม่ น.ส.จิตภัสร์ไม่ได้ตอบเเต่พยักหน้า
 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.