'ศรีสุวรรณ'ร้องป.ป.ช.สอบ#ตั๋วเพื่อไทยฝ่าฝืนรธน.ผิดจริยธรรมหรือไม่
นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน เข้ายื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเข้าไปก่ายหรือแทรกแซงการการแต่งตั้งนายตำรวจระดับผู้กำกับหรือไม่กรณีพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยปมสส.ขำตำแหน่งผู้กำกับใหม่ เป็นเรื่องที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 186 วรรคสอง เข้าข่ายการฝ่าฝืนจริยธรรม ส่วน สส.ที่มีการขอตำแหน่งไปยังนายกฯ จะเข้าข่ายความผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (3) เข้าข่ายผิดจริยธรรรมด้วย
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ตอนที่นายเศรษฐา หาเสียงเลือกตั้ง ยืนยันว่าจะไม่มีการทุจริตและการใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซงโยกย้ายข้าราชการ เพื่อสร้างระบบอุปถัมภ์อีก แต่มาวันนี้ความจริงถูกเปิดเผยว่ามีพฤติการณ์ไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจจริง ซึ่ง ป.ป.ช.สามารถที่จะเรียกนายกฯ มาสอบรื่องนี้ ว่า สส.คนใดบ้างของพรรคเพื่อไทย ที่เสนอให้มีการโยกย้ายผู้กำกับ ซึ่งหาก ป.ป.ช. ได้รายชื่อของ สส.เหล่านั้นมา เขาก็จะมีความผิดเดียวกับนายกฯ
ส่วนที่นายกฯ ออกมาชี้แจงว่าไม่มีเจตนาและไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายมองว่า เหมือนเป็นการแก้ตัวแต่คำพูดที่ออกมาเป็นประจักษ์พยานที่ชัดเจน ซึ่งนักการเมือง นักวิชาการ หลายคนก็พูดตรงกันว่าเป็นเหมือนใบเสร็จที่ไม่สามารถลบล้างสิ่งที่พูดไปแล้วได้ ที่ผ่านมานายกฯ ก็ชอบพูดอย่างทำอย่างในลักษณะนี้หลายครั้งทำให้ความน่าเชื่อถือของผู้นำประเทศหายไป
ด้าน นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล รองโฆษก ป.ป.ช. กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ที่ ป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบ โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ปรากฏตามสื่อว่าเข้าเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ และต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ซึ่งเรามีกรอบเวลาดำเนินการอยู่ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่สาธารณะให้ความสนใจ ก็จะจัดลำดับขึ้นมาดำเนินการ
ส่วนคลิปที่นายกฯ พูดในที่ประชุม สส.เพื่อไทย สามารถนำมาประกอบการพิจารณาได้หรือไม่ นายภูเทพ กล่าวว่า ต้องรวบรวมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นปรากฏตามสื่อ จากผู้หวังดีส่งให้ หรือข้อมูลที่นายศรีสุวรรณส่งมาให้วันนี้ ก็จะนำมาประกอบทั้งหมด แต่ก็อยู่ภายใต้การดำเนินการของ ป.ป.ช. และเราก็สามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้
สำหรับบทลงโทษสูงสุดกรณี สส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปก้าวก่ายการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ นายภูเทพ กล่าวว่ามี 2 ส่วน ถ้าเป็นเรื่องฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมอย่างร้ายแรง ก็จะเป็นการพ้นจากตำแหน่งและถูกตัดสิทธิ์ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการแทรกแซงข้าราชการฝ่ายประจำที่มีการแต่งตั้ง ก็ถือว่าเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ก็ต้องดูว่าเข้าเงื่อนไขใด
เมื่อถามว่าตามกฎหมายผิดทั้งคนขอและคนให้ใช่หรือไม่ นายภูเทพ กล่าวว่า ถ้าครบเงื่อนไขทั้งหมด
เมื่อถามย้ำว่า อะไรจะเป็นพยานหลักฐานที่บ่งชี้ความผิดได้ เพราะตอนนี้มันปรากฏแค่คำพูด ที่สามารถโต้และแก้ข้อกล่าวหาได้ นายภูเทพ กล่าวว่า ก็เป็นหน้าที่ของป.ป.ช. ที่ต้องดำเนินการ ว่าเรื่องที่ปรากฏออกมาตามสื่อมีที่มาที่ไปอย่างไร ก็ต้องสอบสวนย้อนไป และขอข้อมูลไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเรื่องการแต่งตั้งระดับผู้กำกับก็ได้ ต้องหาข้อเท็จจริงทั้งหมด 360 องศา ไม่ได้รับฟังแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เมื่อถามว่า ป.ป.ช.กดดันหรือหนักใจหรือไม่ ที่ต้องสอบบุคคลสำคัญซึ่งเป็นถึงนายกฯ นายภูเทพ กล่าวว่า มันเป็นงานประจำของ ป.ป.ช.อยู่แล้ว ทำมาตั้งแต่ปี 2542 ตรวจสอบนายกฯ มาตั้งหลายคน รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ ก็เป็นงานปกติของ ป.ป.ช.
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.