“ภูมิธรรม เวชยชัย”จ่อชงแก้กฎหมาย 4 ฉบับ ธ.ค.นี้หวังปลดล็อคการค้า
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ “พาณิชย์ยุคใหม่ การค้าไทยเชื่อมโลก ”ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ว่า ขอแสดงความยินดีและชมเชยที่หอการค้าไทยมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาตลอด 90 ปี โดยภาคเอกชนมีประสบการณ์และเป็นหัวใจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจและเป็นหัวหอกในการเดินหน้าโดยรัฐจะเป็นผู้สนับสนุนและเอื้ออำนวยให้ไปถึงจุดหมาย
กระทรวงพาณิชย์ มีภารกิจในการส่งเสริมการค้า พัฒนาผู้ประกอบการและดูแลผู้บริโภค ซึ่งจะประสบความสำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน พาณิชย์ยุคใหม่ ที่จะเชื่อมโลกในวันนี้ จำเป็นต้องมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนของไทยในเวทีโลก รวมทั้ง ต้องคำนึงกติกาการค้าของโลกยุคใหม่ซึ่งให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม การพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วย green economy
ทั้งนี้การจะขับเคลื่อนให้การค้าพาณิชย์ของประเทศไทยเชื่อมกับโลกได้จำเป็นต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดเพราะวันนี้โลกได้เปลี่ยนแปลงไปมากระเบียบเศรษฐกิจและการค้าเปลี่ยนไปมาก บทบาทการค้ายุคใหม่เราต้องขับเคลื่อนด้วยความเร็ว ความรู้ควบคู่ไปกับการสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นในโลก เป็นสมดุลที่ให้เกิดความยั่งยืนที่จะทำให้เกิดความสมานฉันท์ยุติธรรม และต้องการความร่วมมือจากทุกคน
สิ่งใดที่เป็นอุปสรรคทางการค้ารัฐบาลทั้งกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ รัฐบาลก็พร้อมจะแก้ไขปรับปรุง เพื่อเอื้ออำนวยและลดอุปสรรคทางธุรกิจ เราจะต้องกล้าคิดนอกกรอบ ในแบบเดิมๆ โดยภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้จะสามารถประกาศแก้ไขกฎหมายและพระราชบัญญัติได้อย่างน้อย 4 ฉบับ ให้ผ่าน ครม. เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการทำการค้ารวมถึงแก้ไขกฎระเบียบต่างๆของกระทรวงให้ได้มากที่สุด
สำหรับแนวทางในการขับเคลื่อนพาณิชย์ยุคใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ ประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ การเพิ่มขีดความสามารถของ ประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบธุรกิจ นักวิจัย และผู้บริหาร เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา การตัดสินใจลงทุน และการตัดสินใจทางธุรกิจ)การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ผ่านการพัฒนากฎระเบียบและขั้นตอนต่าง ๆ ให้ทันสมัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ การสร้างความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าและคู่ลงทุน และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการค้าและการลงทุนในภูมิภาคและตลาดโลก ผ่านการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและระดับโลก การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าและบริการของไทย
นอกจากนี้จะเร่งผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จาก FTA รวมทั้ง การปรับตัวเพื่อรองรับ และส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยในมาตรฐานความยั่งยืนที่เป็นกรอบกติกาใหม่ของโลก ปัจจุบันประเทศไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) อยู่แล้วทั้งหมดจำนวน 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศ เร่งเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้าใหม่เพิ่มเติม โดยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนมูลค่าการค้ากับคู่ภาคี FTA ให้มากขึ้นจากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 61% ให้เพิ่มเป็น 80% ในปี 2570
ส่วนการเดินทางเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี เป็นการเรียกความเชื่อมั่นโดยเฉพาะการเดินทางไปยังประเทศใหญ่และประเทศที่เป็นเป้าหมายสำคัญของไทย อยากให้ข้าราชการทุกภาคส่วนโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศไม่ใช้ธรรมเนียมปฏิบัติเดิมๆ แต่จะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่นำไปสู่ลู่ทางการค้าและประโยชน์ให้เอกชนไปสานต่อได้อย่างต่อเนื่อง
และเมื่อนายกรัฐมนตรีทำแล้ว กระทรวงพาณิชย์จะเดินตาม ถือเป็นการเก็บเกี่ยวตามการเดินทางของนายกรัฐมนตรีเพื่อไม่ให้เสียไม่เปล่า สามารถปล่อยให้นายกรัฐมนตรีทำงานคนเดียวได้จะต้องทำงานสนับสนุนกัน เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมให้ได้มากที่สุด โดยการสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการจะเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเพื่อสานความสัมพันธ์ที่มั่นคงขึ้นในอนาคต
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.