คุยกับ “ริว วชิรวิชญ์” เรื่องความพ่ายแพ้ คำตำหนิ ผ่านพ้นจนเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง

“ริว-วชิรวิชญ์ วัฒนภักดีไพศาล” หรือ “ไตรฉัตร” จากละครมาตาลดา ละครมาแรงเรตติ้งดีทางช่อง 33 HD ริวกำลังเป็นอีกหนึ่งนักแสดงหนุ่มที่น่าจับตามอง ส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้เรื่องบุคลิกภาพภายนอก แต่อีกด้านหนึ่งคือฝีมือการแสดงที่หลายคนบอกตรงกันว่ามีพัฒนาการขึ้นจากงานละครก่อนหน้านี้

จากละครมาตาลดาริวถ่ายทอดบทบาทไตรฉัตรที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุจริง เพราะปัจจุบันเขามีอายุเพียง 22 ปี สำหรับริวเส้นทางวงการบันเทิงทุกวันนี้ถือเป็นเส้นทางหลักที่เขาเริ่มต้นออกเดินทางมาได้สักระยะหนึ่ง และยังคงสั่งสมประสบการณ์เพื่อเป้าหมายที่ตนเองตั้งใจ

Sanook Men ชวนริวย้อนกลับไปคุยถึงเรื่องราวตั้งแต่ตอนเป็นนักกีฬาเทเบิลเทนนิสเยาวชนทีมชาติ กระทั่งการมาเป็นพระเอกที่หลายๆ คนรู้จักเขามากขึ้น

“ปิงปอง” คือพรหมลิขิต

 

ริวเป็นเด็กผู้ชายทั่วไปเรียนหนังสือ ชอบทำกิจกรรม เล่นเกม และติดละคร คุณพ่อซึ่งเป็นอดีตนักปิงปอง (แต่ไม่เคยบอกลูกชาย) จึงพยายามมองหากิจกรรมใหม่ๆ ให้ลูกลองทำ ทั้งฟุตบอล ว่ายน้ำ เทควันโด กระทั่งมาหยุดที่ปิงปอง เพราะความไม่อยากแพ้ผลักดันให้จากที่ตีปิงปองเล่นบนโต๊ะกินข้าวกับพ่อไปสู่การเป็นนักกีฬาปิงปองเยาวชนทีมชาติไทย

“จริงๆ ไม่ได้คิดจริงจังเลยนะพี่ เริ่มจากความชอบก่อน ไม่คิดว่าจะชอบขนาดนี้ มันเหมือนพรหมลิขิตมากกว่า พอกลับไปย้อนดู เราแค่บังเอิญไปเจอไม้ปิงปอง แล้วก็ตีเล่นกับลูกเพื่อนพ่อ แล้วเราก็บอกป๊าว่าพาไปดูไม้ปิงปองหน่อย ป๊าก็พาไปซื้อ มาตีเล่นบนโต๊ะกินข้าว แล้วก็พาไปเข้าสโมสร มารู้ทีหลังว่าตั้งแต่รุ่นอากง รุ่นป๊าริว เขาเป็นนักปิงปองมาก่อนริวด้วย แต่เขาไม่เคยบอก”

แพ้ พลาด นำไปสู่การมองเห็นตัวเอง

การก้าวเข้ามาเป็นนักกีฬาปิงปองทำให้ริวมีชีวิตช่วงวัยรุ่นแตกต่างจากเพื่อนวัยใกล้เคียงกัน เด็กที่เริ่มเล่นปิงปองเพราะรู้สึกสนุก ต้องเลิกเรียนตอนเที่ยงไปซ้อมปิงปองถึงสี่ทุ่ม เสาร์ อาทิตย์อดเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ ไม่ใช่เจ้าตัวไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเอง แต่เพราะเลือกแล้วจึงต้องยอมรับ ซึ่งมองย้อนไปกลับรู้สึกเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่า

“เราตั้งคำถามทุกครั้งที่เหนื่อย แต่ก็ผ่านมาได้ เพราะสุดท้ายเราเลือกไปแล้ว เราไม่อยากแพ้คนอื่น มันเป็นการซ้อมเพื่อแก้จุดอ่อน เราก็ไม่เข้าใจ ด้วยความเป็นเด็กก็อยากเล่น แต่พอย้อนกลับไปมันก็คุ้มค่ากับการที่แลกมาแล้วมีชื่อในวงการปิงปอง”

ไม่เพียงแต่จะทำให้ริวข้ามช่วงชีวิตร่วมกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน แต่เพราะการเป็นนักกีฬายังทำให้เขาเดินทางเข้าสู่เส้นทางการแข่งขันต้องเจอทั้งแพ้ ชนะ คำชม ข้อตำหนิอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในวันนั้นริวเป็นเพียงวัยรุ่นที่วุฒิภาวะทางอารมณ์อาจยังไม่แข็งแรง การรับมือกับสิ่งเหล่านั้นต้องทำอย่างไรเขาจึงสามารถยอมรับ และบอกกับตัวเองได้ว่าถึงเขาแพ้ แต่เขาก็ยังมีข้อดี

“ริวเคยบอกกับที่บ้านว่าริวรู้สึกว่าตัวเองเก่งมากที่ไม่เป็นโรคซึมเศร้าไปเสียก่อน เพราะมันหลายอย่าง ริวรู้สึกว่าเด็กอย่างริวไม่ควรต้องเจอเรื่องหนักขนาดนี้ ทั้งเรื่องเล่นกีฬา ปัญหาที่บ้าน เราก็ชมตัวเองเพราะท้ายที่สุดตอนดาวน์มากๆ เครียด ร้องไห้ เราก็มองเห็นข้อดีของตัวเอง ถ้าเราไม่ชมตัวเอง เราจะให้คนอื่นชมเราก็ไม่ได้ พยายามมองข้อดีในตัวเรา ถึงเราแพ้ แต่ว่าเรามีข้อดีอย่างอื่น ยอมรับว่าสิ่งที่พลาดหรือแพ้ไปก็แก้กันใหม่ ริวชอบคุยกับตัวเองว่าริวเป็นอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร รู้สึกยังไง แต่ทั้งหมดนี้ริวว่ามันคือการเอาตัวรอดนะ เหมือนดึงตัวเองขึ้นมาไม่อยากให้ตัวเองจมปลักกับเรื่องแย่ๆ ก็เลยมองว่านอกจากเรื่องลบๆ แล้ว มีอะไรที่ดีๆ อีกบ้างในชีวิต แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ก็เจ็บอยู่เหมือนกัน”

ชีวิตต้องเบนเข็ม เพราะถูก “แบน”

ด้วยความหน้าตาดีทำให้ริวที่ตอนนั้นอายุเพียง 13 ปี ถูกจัดอยู่ในรายชื่อนักกีฬาหล่อบอกต่อด้วย และนั่นทำให้ริวกลายเป็นที่รู้จักของโลกโซเชียลและคนทั่วไปตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าวงการบันเทิง แต่ต่อมาชีวิตการเป็นนักกีฬาปิงปองของริวต้องหยุดลงเนื่องจากถูกทางสมาคมฯ แบนเป็นเวลา 3 ปี ชีวิตของหนุ่มนักกีฬาหน้าตาดีจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง

“พอถูกแบนก็ว่าง เลยมีความคิดอยากช่วยพ่อแม่หาเงินจ่ายค่าเทอมเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นริวรู้จักพี่คนหนึ่งที่เขารู้จักกับป้าตือ ตอนนั้นเขาก็พาริวไปพบป้าตือ ตอนนั้นป้าตือบอกให้ริวไปลดน้ำหนัก 5 กิโลเพื่อมาเดินแบบ ซึ่งใช้เวลาอยู่ 2 อาทิตย์ แต่พอกลับไปเจอป้าตือใหม่ ป้าตือก็บอกให้ไปลดน้ำหนักอีก 5 กิโล ซึ่งริวก็ทำได้ แล้วริวก็ได้เดินแบบ และเริ่มไปแคสงานกับช่อง 3”

นอกจากการเป็นนักแสดงแล้วเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะจำริวในบทบาทการเป็นศิลปินบอยแบนด์ 9x9 Nine By Nine โปรเจคพิเศษรวมศิลปิน 9 คน แต่ไม่ว่าจะเป็นริวในบทบาทใดก็ตามเพราะการเป็นนักกีฬามาก่อนจึงทำให้เขาพกพาเอาคุณสมบัติจำเป็นหลายๆ ข้อของนักกีฬามาทำงานในวงการบันเทิงด้วยเสมอ

“เอาจริงๆ เคยถามตัวเองเหมือนกันว่าจะมีคำตอบอะไรให้กับคำถามนี้ได้บ้าง ถ้าเวลาผ่านไป ก็คงวินัยการทำงานก็ต้องมีอยู่แล้วเพราะมันเป็นหน้าที่เรา คงความอดทนด้วย เพราะตอนเด็กๆ ริวเจอสังคมปิงปอง มันคล้ายๆ กับเปลี่ยนอาชีพ แต่ว่าอันนี้จะกว้างกว่า เจอคนเยอะกว่า ต้องหลายๆ อย่าง ริวว่าปิงปองเป็นสเต็ปที่ทำให้เรารู้จักที่จะเป็นตัวเราว่ามันต้องเจอนู่นเจอนี่ เพราะเราซ้อมมาแล้วกับการเจอคน แต่ปิงปองเจอคนน้อยกว่าวงการบันเทิง ซึ่งเราก็ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่”

ทุกวันนี้ริวให้ความสำคัญกับการเป็นนักแสดงเต็มร้อย และพร้อมพัฒนาตนเองทั้งเรื่องบุคลิกภาพ และทักษะความสามารถด้านการแสดง นั่นเป็นเพราะเขามีเป้าหมายไกลออกไป เพียงแต่ตอนนี้ขออุบเอาไว้เป็นความลับก่อน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้รอติดตามผลงานของหนุ่มริวได้ทั้งละคร นายแบบ รับรองว่ามีมาให้ได้เห็นกันแบบจุกๆ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.