นวัตกรรมใหม่ AI ทำนายอายุ ช่วยมนุษย์ย้อนวัยได้!

สุดล้ำ! เปิดนวัตกรรมใหม่ AI ช่วยทางการแพทย์ ชะลอความแก่ มนุษย์ย้อนวัยได้ ? ทำให้แก่ยากขึ้น ตายช้าลงได้จริงไหม มารู้คำตอบพร้อมกันกับ “หมอเดียร์-ธรณัส กระต่ายทอง” แพทย์ผู้เชียวชาญด้านการชะลอวัย ในรายการ WOODY FM

AI กับการชะลอวัยความแก่ วงการ AI จะเข้ามาช่วยอะไรบ้าง ?

หมอเดียร์ : ต้องบอกว่า AI จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยของมนุษย์ แล้วก็ในทางการแพทย์ คือมาเป็นผู้ช่วยแพทย์ ในแง่ของการวางเรื่องของสุขภาพ ล่าสุดมีการทำ AI ขึ้นมาในหลายๆบริษัท ยกตัวอย่างเช่นในประเทศเกาหลีก็เอา AI มาใช้ในการการแพทย์ เช่น AI ที่ช่วยในการตรวจคนไข้ในขณะที่ส่องกล้อง สมมุติว่าคุณหมอระบบทางเดินอาหาร เราส่องกล้องเราจะดูด้วยตาคนเดียว แต่พอเอา AI มาช่วย ก็จะเหมือนมีคุณหมออีกท่านหนึ่งยืนอยู่ด้วย แล้วก็เป็นเรียลไทม์ มอนิเตอร์เลยว่าสิ่งที่เราเข้าไปเห็นในลำไส้มันเป็นอะไรมีติ่งเนื้อไหม มันจะสแกนให้เราก่อนเลย

ทำให้เราหยุดดูไปพร้อมกับ AI ซึ่งเสมือนเป็นหมอที่มีชุดข้อมูลเยอะกว่าเรา ตอนนี้ในหลายๆโรงพยาบาลใหญ่ๆ ในต่างประเทศก็เอา AI มาใช้ในแผนกต่างๆ อย่างเช่น แผนกรังสีรักษา แล้วก็แผนกรังสีวินิจฉัย การตรวจ MRI หรือว่า CT อย่างที่เรารู้กันจะเป็นคุณหมออ่านในอดีต แต่ในปัจจุบันในต่างประเทศเขาใช้ AI อ่านก่อน แล้วแม่นยำมาก เพราะว่า AI ไม่มีคำว่าไบแอส ไม่มีคำว่า เอ๊ะ! ใช่ ไม่ใช่ คือใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ปัจจุบันเรามีชุดตรวจที่ทันสมัยมาก สามารถตรวจในเรื่องของอายุทางชีวภาพได้ หมายความว่าเราสามารถตรวจว่าร่างกายเราอายุจริงๆ เท่าไหร่

สมมุติว่าปีนี้ผมอายุ 30 ปี แต่อายุทางชีวภาพอาจจะ 18 ปี เพราะว่าสุขภาพร่างกายดี ?

หมอเดียร์ : ใช่ครับ

แต่ AI เกี่ยวข้องยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ?

หมอเดียร์ : คือการประเมินสมัยก่อนเราจะใช้วิธีหลายๆ วิธี ใช้สูตรคำนวนเจาะเลือดไปแล้วก็คำนวนออกมา หรือว่าใช้การตรวจเรื่องของ PCR เรื่องของ เทโรเมียร์ ถ้าใครยาวก็อายุยืน แต่ถ้าเทโรเมียร์ใครสั้นก็อายุไม่ค่อยยืนเท่าไหร่ ก็จะเป็นตัวประเมินได้ว่าอายุตอนนี้เท่าไหร่ แต่ว่าปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีล่าสุดในการตรวจ เขาเรียกว่าใช้เครื่อง Next generation ในการที่จะตรวจ CPR ออกมา

แล้วก็มารันในเรื่องของสาย DNA ซึ่งในสายนี้จะประกอบด้วยตัวเมทิลเลชั่น อธิบายง่ายๆ คล้ายๆวงปีของไม้ มันจะแม่นยำมากในการบอกว่าอายุเรา เรียกปัจจุบันแม่นยำที่สุดแล้วในการบอกอายุจริงๆ เราเท่าไหร่ ทีนี้ในการเมทิลเลชั่นเวลาเอามาตรวจ มันจะตรวจเหมือนวงปีเสร็จ มันจะใช้ชุดข้อมูลใหญ่คือ Big Data มาวิเคราะห์โดยใช้ AI เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ แล้วสรุปออกมาว่า

ข้อที่ 1. เราอายุทางชีวภาพเป็นเท่าไหร่แบบจริงๆเลย Reality จริงๆ  ข้อที่ 2. เรามีอัตตาเร่งของความแก่เป็นเท่าไหร่ ถ้าเรามีอัตตาเร่งความแก่เท่ากับหนึ่ง ก็คือธรรมดาหนึ่งปีเรามี 365 วัน แต่ถ้าสมมุติผมตรวจได้ 0.8 มันแปลว่าหนึ่งปีของคนที่ได้ 0.8 นี้ ปีเขายาวขึ้น เท่ากับ 511 วัน แสดงว่าเขามีโอกาสที่จะแก่หรือตายช้าลง แต่ใครที่อัตตาเร่งเร็วขึ้น คือ 1.1-1.2 อย่างเช่น 1.1 เขาบอกว่าในเจ็ดปีข้างหน้าอัตตาตายในประชากรอยู่ที่ 50-60% แปลว่าในเจ็ดปีข้างหน้า AI ทำนายแล้วว่า 60% นี้จะตาย อีก 40% จะอยู่รอด แปลว่ามันสามารถบอกถึงอัตตาเร่งได้ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เอา AI มาใช้ในการประมวลผลแล้วก็ตรวจ

ตอนนี้คนกำลังให้ความสำคัญมากเกี่ยวกับเรื่องการย้อนวัยมากกว่าชะลอวัย มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องการย้อนวัยที่คนยังไม่รู้ ?

หมอเดียร์ : จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องของสารที่เขาค้นพบกัน โดยการวิจัยของฮาร์วาร์ด ดร.เดวิด ซินแคลร์ และ ดร.ชาร์ลส์ เบลเนอร์ ซึ่งสองคนนี้ถือเป็นเจ้าพ่อ เป็นปรมาจารย์ในเรื่องของการย้อนวัย เรื่องของการค้นพบสาร NAD แล้วก็ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่ง ดร.เดวิด ซินแคลร์ ก็จะใช้สารตัวตั้งต้นเป็น NMN ก็คือ Nicotinamide Mononucleotide ซึ่งเขาเอาไปทดลองในหนูและในสัตว์ทดลอง แล้วก็ให้กินเข้าไปก็เกิดกระบวนการย้อนกลับทางชีวภาพ ส่วน ดร.ชาร์ลส์ เบลเนอร์ ก็จะทำการทดลอง โดยใช้สารชื่อว่า NR เป็น Nicotinamide riboside เอามาทดลองเหมือนกัน แล้วก็พบว่าทั้งสองสารนี้ มันสามารถสร้าง NAD ในร่างกายขึ้นมา หรือว่าที่เรียกว่าแนทกันตอนนี้ สร้างในร่างกายให้ปริมาณสูงขึ้น ซึ่งทำให้เกิดกระบวนการย้อนกลับไปทางชีวภาพเกิดขึ้น

ดังนั้นต่อไปนี้ทั้งสองคนที่เดิมเคยทำงานด้วยกัน แล้วก็แยกค่ายกันไปทำบริษัทไบโอเทคโนโลยีในสหรัฐ แล้วเขาก็คาดการณ์ว่าต่อไป เขาพยายามที่จะทำยาซึ่งตอนนี้บริษัทยาในต่างประเทศกำลังสนใจมากในเรื่องนี้เพื่อที่จะทำยาออกมาที่กินทุกวัน แล้วทำให้เกิดกระบวนการย้อนกลับทางชีวภาพหรือว่าไม่แก่ แต่ราคาจะเท่ากับสตาร์บัคส์เพียง 1 แก้ว เพราะว่ามันต้องกินไปตลอดชีวิต เพื่อทำลายคำว่าแก่ มันจะทำให้ขยายเรื่องของช่วงอายุ

NAD กับ NAD+ ทำไมคนถึงฉีดกัน มันเวิร์คจริงไหม ?

หมอเดียร์ : งานศึกษาวิจัยบอกเลยว่าทำยังไงก็ได้ให้ระดับ NAD สูงขึ้น มันก็เลยมีที่มาที่ไปว่าอันแรกก็คือเป็นแบบกินใช่ไหม ที่ผมเล่าให้ฟังว่า ดร.ชาร์ลส์ เบลเนอร์ ก็ให้กินในรูปแบบของ NR  ดร.เดวิด ซินแคลร์ ก็แนะนำว่ากิน NMN ซึ่งตัวของ ดร.เดวิด ซินแคลร์ เองก็กิน NMN

ซึ่ง NMN จะกลายเป็น NAD ?

หมอเดียร์ : สองโมเลกุลจะกลายเป็น NAD ในร่างกาย ทีนี่กลับมาที่ว่าเรื่องฉีด ก็เป็นคำถามที่ถามกันมาเยอะเหมือนกัน แม้กระทั่งในต่างประเทศว่าฉีดเข้าไปมันจะได้ผลไหม มันก็โอเคคือการเติมเข้าไปในร่างกายเลย แล้วร่างกายสามารถที่จะดูดซึมแล้วเอาไปใช้เลย อย่าลืมว่าการที่เรากินเข้าไปเช่น NMN เขาบอกว่าแบบที่กินเข้าไปปัจจุบันนี้ เชื่อว่าส่วนหนึ่งที่เราได้นะ แต่ส่วนใหญ่เลยหายไประหว่างทาง ก็คือกินเข้าไปลงไปที่ลำไส้เรา จะถูกแบคทีเรียในลำไส้เอาไปใช้ เพราะฉะนั้นก็จะเหลือ NMN บางส่วนที่เข้าสู่ร่างกายเข้าสู่กระแสเลือด แล้วก็เอาไปสร้างเป็น NAD ได้

แต่ทีนี่การที่ฉีดแน่นอน มันไม่สะดวกแต่ว่ามันได้ผลตรงที่ว่ามันทำให้ระดับ NAD ขึ้นสูงในร่างกาย แล้วก็ทำให้ NAD ขึ้นไปสูงคงระดับในระดับเซลไปอีกในระยะหนึ่งเลย ทีนี่งานศึกษาวิจัยที่เป็นเบอร์หนึ่งของโลกก็คือที่ Halsinki เขาทดสอบในการทำเรื่องของการฉีด NAD เข้าไป แล้วก็ทำ Skin biopsy คือตัดชิ้นเนื้อที่ผิวหนังเอาไปตรวจ เพราะว่าเรายังไม่สามารถตรวจจากในกระแสเลือดได้ เวลาให้ NAD ไปจะถูกดูดซึมแล้วก็เข้าเซลล์เลย ฉะนั้นระดับในกระแสเลือดจะหายไปไม่เหลือ ก็เลยไปดูที่เซลล์ผิวหนัง

ซึ่งแปลว่าเซลล์เอาไปใช้จาก NAD ที่ฉีดเข้าไป ดังนั้นในต่างประเทศก็ถือเป็นวิธีหนึ่งในการเพิ่มระดับ NAD ในร่างกายได้ แต่ว่าความสะดวกบางทีมันไม่สะดวก แต่ในแง่ของประสิทธิภาพ ในแง่ของผลกระทบต่อร่างกายบางทีมันเห็นผล ดังนั้น ณ ปัจจุบันบางคนที่ได้ไปสดชื่นขึ้น บางคนนอนดีขึ้น บางคนรู้สึกว่ามีพลังงานมากขึ้น บางคนก็เรียกว่าน้ำหนักลดลง เพราะว่ามันช่วยในการเผาผลาญพลังงานมากขึ้น มันมีหลายอย่างที่มันเข้ามาในเรื่องของการฉีด แต่ว่าก็ไม่ได้ว่าสนับสนุนเรื่องของการฉีด การที่เราจะทำกระบวนการย้อนกลับหรือย้อนวัยทางชีวภาพจริงๆ แล้วมันต้องอาศัยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอ

สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.

คลิกชมย้อนหลัง :  https://www.youtube.com/watch?v=ugXDatdXEgY&ab_channel=WOODY