5 สิ่งที่ต้องพิจารณา เมื่อคิดจะจริงจังกับใครสักคน

จุดหนึ่งที่ทำให้เราเริ่มรู้ตัวเองว่ากำลัง “มีความรัก” มักจะเป็นจุดที่มีศัพท์สมัยใหม่นิยามออกมาเป็นคำว่า “คลั่งรัก” เราจะรู้สึกตื่นเต้น กระชุ่มกระชวย และสามารถนั่งยิ้มคนเดียวไปได้ทั้งวัน อย่างไรก็ดี ก่อนที่เราจะใช้ความรักสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมา เรามักจะต้องมีการเรียนรู้และทำความรู้จักกันไปสักพักก่อน เมื่อถึงเวลาอันสมควร ต้นรักก็จะเบ่งบานได้ตามกาลเวลา ช่วงเวลาระหว่างศึกษาดูใจ มีสิ่งที่เราต้องนำมาพิจารณาว่าถ้าเราคิดจะจริงจังกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ มีอะไรบ้างที่เราต้องรีบเคลียร์ข้อกังขาให้กระจ่างชัด

มันเป็นความรักจริง ๆ หรือแค่เพราะเหงาแล้วอยากมีใครเฉย ๆ

บางทีคนเราก็แยกไม่ออกนะว่าความสัมพันธ์ที่กำลังเริ่มต้นอยู่นี้ เป็นเพราะเรารักเขาหรือเธอจริง ๆ หรือมันเป็นแค่ความเหงาที่ทำให้เราอยากมีใครสักคนแก้เหงามากกว่า ดังนั้น ก่อนที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครจริงจัง ควรถามและคิดทบทวนกับตัวเองให้มั่นใจก่อนว่ามันเป็นความรักไม่ใช่ความเหงา อย่าเพิ่งให้อารมณ์เหงาเข้ามามีบทบาทมากจนลืมไปว่าเขาหรือเธอคนนี้คือคนที่เราต้องใช้เวลาร่วมด้วย และเขาหรือเธอก็มีความรู้สึกและหัวใจ เราจึงควรจะโฟกัสที่ตัวตนและความรู้สึกที่มีต่อเขาหรือเธอ ว่ามันเป็นความรัก ความรู้สึกดีจริง ๆ นึกถึงใจของอีกฝ่ายด้วยว่าจะเป็นอย่างไรถ้าเขาหรือเธอจริงจังกับเรา แต่ท้ายที่สุดเราไม่ได้จริงจังด้วย จนเป็นได้เพียงแค่คนแก้เหงาเท่านั้น

สามารถรับตัวตนของเขาหรือเธอได้มากแค่ไหน

คนเราทุกคนมีอดีต และมีตัวตนของใครของมัน ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องชื่นชอบหรือเข้าใจในตัวตนของอีกฝ่ายลึกซึ้งขนาดนั้นก็ได้ในช่วงแรก แต่ให้คำนึงถึงสิ่งที่แตกต่างกันของทั้งสองฝ่าย จากนั้นพิจารณาว่าเราสามารถใช้เวลายอมรับความแตกต่าง หรือยอมรับตัวตนที่เขาหรือเธอเป็นได้หรือไม่ ต้องเปิดใจคุยโดยห้ามใช้อารมณ์ช่วงโปรโมชันมาร่วมพิจารณาเด็ดขาด ประเภทที่ว่าแค่เป็นเธอเท่านั้น อะไรฉันก็รับได้หมด อย่าหาทำ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปส่วนใหญ่มักจะรู้สึกหมดความอดทนขึ้นมา ชอบคนแบบไหนให้เข้าหาคนแบบนั้นแต่แรก อย่าพยายามไปเปลี่ยนตัวตนของคนอื่นแล้วคาดหวังว่าเขาหรือเธอจะต้องเป็นดั่งใจที่เราต้องการ ลองนึกว่าเป็นตัวเราโดนบ้างก็คงอึดอัดเหลือทนเหมือนกัน

เราจะสื่อสารกันให้เข้าใจได้อย่างไร

ปัจจัยหนึ่งที่มักทำให้เกิดปัญหาระหว่างคู่รักเสมอ คือปัญหาด้านการสื่อสาร ทั้งประเภทของคนที่ปากไม่ตรงกับใจ และอีกประเภทก็คนที่ไม่พอใจอะไรก็เงียบ ไม่พูด เก็บเอาไว้ในจนมันกลายเป็นระเบิดลูกย่อม ๆ รอวันทำงาน ทว่าสิ่งที่ควรทำมากที่สุดในความสัมพันธ์ก็คือ การสื่อสารนี่แหละ เพราะในที่สุดแล้วคงไม่มีใครที่จะมารู้ใจเราได้ทุกเรื่อง และตัวเราเองก็ไม่สามารถรู้ใจอีกฝ่ายได้เช่นกัน การสื่อสารพูดคุยกันให้เข้าใจจึงเป็นทางออกที่ชัดเจนที่สุด เมื่อมีปัญหาระหว่างคนสองคน ก็ควรจะเคลียร์กันให้จบที่คนสองคน อย่าเพิ่งนำไปบ่นให้เพื่อนฟัง เรียนรู้และค่อย ๆ แก้ไขกันไปอย่างช้า ๆ บอกออกไปว่าต้องการอะไร หรือคาดหวังอะไร อย่าปล่อยให้ต้องเดาเอาเอง และอย่าปล่อยให้มันคาราคาซัง

ความรักที่ดี เราต้องไม่เหนื่อยกันใช่ไหม

เราจะไม่รู้สึกเหนื่อย แถมยังสบายใจมาก ๆ ด้วย ถ้าเรามีความรักที่ดี ความรักที่เราไม่ต้องพยายามเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ต้องพยายามจะเป็นใคร และไม่ต้องพยายามสร้างตัวตนที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาจนสูญเสียความเป็นตัวเองที่เป็นอยู่ด้วย แม้ว่าการสร้างความประทับใจ มันจะเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำกันเวลาที่เริ่มรู้จักหรือเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับใครสักคน แต่ถ้าทั้งหมดมันเป็น การสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ มันก็ไม่ต่างอะไรจากการหลอกลวง ที่สำคัญ คนที่แย่ก็คือตัวเราเองที่ต้องมีตัวตนแบบฝืนธรรมชาติของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะทำกันได้ไม่นานด้วย พอเวลาผ่านไป เราก็จะ โป๊ะแตกแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาในสักวัน และแน่นอนว่ามันต้องเกิดปัญหาตามมา

เพื่อนของกันและกันสำคัญแค่ไหน

อย่ามองข้ามการทำความรู้จักแก๊งเพื่อนของกันและกัน เพราะเพื่อนมีอิทธิพลทางใจต่อผู้คน บ่อยครั้งที่ความสัมพันธ์ของคนสองคนไปได้สวยเพราะมีแก๊งเพื่อนสนับสนุน และบางครั้งคนเราก็ตัดสินเลิกรากันเพราะคำพูดเตือนใจจากเพื่อนเช่นกัน ยังไม่นับรวมการยุแยงรายทางก่อนเลิกอีก เพื่อนล้วนมีบทบาทในความสัมพันธ์ของคู่รักหลายคู่ นอกจากนี้ แก๊งเพื่อนของกันและกันยังอาจช่วยให้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ในความสัมพันธ์ได้ชัดเจนขึ้น อย่างการพาเขาหรือเธอมาเจอกลุ่มเพื่อนเพื่อให้เพื่อนช่วยดูนิสัยและดูว่าสามารถเข้ากับแก๊งเพื่อนของเราได้หรือไม่ รวมถึงการที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของกันและกัน เราสามารถไปไหนมาไหนกับแก๊งเพื่อนของเขาและเธออย่างเต็มที่และไม่เขินอาย