รู้จักแมรี่ โวลสโตนคราฟต์ ผู้หญิงที่ทำให้ ‘นิการากัว’ มงลง!

แมรี่ โวลสโตนคราฟ เกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ.1759 เธอเป็นนักคิด นักเขียนและนักปรัชญาชาวอังกฤษ ที่กล้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง 'ความเท่าเทียมและการเลือกปฏิบัติทางเพศ' ในยุคศตวรรษที่ 18 ผ่านทางผลงานของเธอ และแม้ว่าในยุคนั้นคนจะยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวในเรื่องสิทธิสตรีเด่นชัดมากนัก รวมไปถึงมีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่การเคลื่อนไหวของเธอก็ถือว่าเป็น ต้นแบบของ ‘เฟมินิสต์’ รุ่นบุกเบิกอย่างแท้จริง

 

แม้เธอจะชอบแนวคิดของ 'รุสโซ' ที่ให้ความสำคัญกับประชาธิปไตย เสรีภาพและความเท่าเทียม แต่เธอก็เคยออกมากังขากับความคิดเห็นของ ‘รุสโซ’ ในเรื่องของบทบาทสตรี ว่าทำไมความเท่าเทียมและเสรีภาพของปัจเจกบุคคลจึงไม่ครอบคลุมสตรี และมองว่าการกดขี่ที่ทุกคนพูดถึง อย่างเช่นในการเมืองซึ่งถูกบอกว่า ทุกคนควรจะปลดตัวเองให้เป็นอิสระจากผู้กดขี่อย่างเช่นกษัตริย์ ควรจะรวมถึงการกดขี่ของสามีที่บ้านด้วยเช่นกันหรือไม่? ซึ่งทำให้ผู้คนในสมัยนั้นออกมาดูถูกและไม่ชอบแนวคิดของเธอเป็นอย่างมาก

 

ภูมิหลัง ตัวตนของ 'เฟมินิสต์ยุคบุคเบิก'

 

เมื่อย้อนไปดูประวัติช่วงแรกของแมรี่นั้น เธอเป็นลูกคนที่ 2 จากพี่น้องจำนวน 7 คน และแม้ว่าครอบครัวของเธอจะไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใด และใช้ชีวิตที่สบายๆ ในตอนเป็นเด็ก แต่ต่อมาเมื่อพ่อของเธอลงทุนผิดพลาดจึงขาดความมั่นคงทางการเงิน เมื่อสถานการณ์การเงินย่ำแย่จนขีดสุด เธอได้เห็นพ่อของเธอทุบตีแม่ด้วยความโกรธและเมา .. สิ่งที่แม่รี่ทำคือ เธอมีความกล้าหาญพอที่จะนอนนอกประตูห้องนอนแม่เพื่อปกป้องไม่ให้พ่อมาทำร้าย ในขณะเดียวกันเธอก็ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตของน้องสาว โดยเตรียมการให้หลบหนีจากสามีที่ชอบใช้ความรุนแรงและลูกเนื่องจากทุกข์ทรมานด้วยภาวะซึมเศร้าหลังคลอด

 

ชีวิตของเธอแสดงให้เห็นตลอดเวลาว่าเธอพร้อมที่จะท้าทายบรรทัดฐานสังคม และท้าทายผู้มีอำนาจ ซึ่งในชีวิตของเธอนั้นก็คือ ‘ผู้ชาย’ ที่ทำร้ายเธอและครอบครัว

 

 

นอกจากนี้การตัดสินใจที่ท้าทายบรรทัดฐานของสังคมและทำให้เราได้เห็นแนวคิดของเธอเผยแพร่สู่สาธารณะมากขึ้นก็คือ การที่แมรี่ตัดสินใจจะเป็นนักเขียน ซึ่งเป็นสิ่งที่สุดโต่งมากในยุคนั้น ว่ากันว่าผู้หญิงในยุคดังกล่าวถูกจำกัดการทำงานเพียงไม่กี่อย่าง และไม่รวมถึงการเป็นนักเขียนเป็นแน้แท้ และแม้แต่ผู้ชายเองก็ไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองด้วยการเป็นนักเขียนได้ด้วยซ้ำ แต่แม่รี่ก็ทำ ..

เธอตั้งใจเขียนงาน เรียนภาษาฝรั่งเศสและเยอรมันเพื่อแปลงานไปพร้อมกัน โดยหนังสือที่เธอเขียนนั้นมีอยู่หลายเล่มที่สำคัญ แต่เล่มที่ทำให้เธอโด่งดังคือ Vindication of the Rights of Men ซึ่งเธอเขียนออกมาเพื่อที่จะโจมตีแนวคิดของสภาฝรั่งเศสระบุให้ผู้หญิงควรได้รับการศึกษาแต่เพียงเรื่องในบ้านเท่านั้น  นอกจากนี้เธอยังระบุชัดว่าเธอนั้นเชื่อในความก้าวหน้า และเยาะเย้ยผู้ที่เอาแต่พึ่งพาประเพณี

งานเขียนของแมรี่ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การศึกษาเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการพัฒนาการศึกษาของผู้หญิง นอกจากนี้ยังสอนให้เด็กรู้จักจรรยาบรรณ รู้จักเหตุผล และมองว่าผู้หญิงที่มีการศึกษาดีจะเป็นภรรยาและแม่ที่ดี และมีส่วนช่วยเหลือประเทศชาติได้ในท้ายที่สุด

 

 

ชีวิตของแมรี่ กับชีวิตและความคิดก้าวหน้า

 

ในช่วงชีวิตของแมรี่ เธอได้ตัดสินใจหลายประการที่สะท้อนความคิดก้าวหน้า แม้จะเป็นผู้หญิงที่เกิดและอยู่ในสังคมที่ไม่ก้าวหน้าและไม่ยอมรับเรื่องความเท่าเทียมและหลากหลายอย่างเข้มข้น

 

ยกตัวอย่างเช่นการที่เธอตัดสินใจเลือกจะไปใช้ชีวิตอยู่กับ แฟนนี่ บลัด เพื่อนรักของเธอ และวางแผนจะใช้ชีวิตร่วมกัน แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกัน พวกเธอสองคนวางแผนจะใช้ชีวิตร่วมกัน เช่าห้องอยู่ร่วมกันและสนับสนุนกันทางความรู้สึกและการเงิน พวกเธอสองคนถึงขั้นที่ว่าก่อตั้งโรงเรียนร่วมกัน อย่างไรก็ตามในภายหลัง บลัดป่วยและทำงานไม่ไหว เธอได้แต่งงานไปกับสามีที่พาไปอยู่ที่ประเทศโปรตุเกส และเสียชีวิตลง ซึ่งในช่วงเวลาที่บลัดเจ็บป่วย แมรี่ทิ้งโรงเรียนมาดูแลเธอ เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อบลัดเสียชีวิต แมรี่จึงสูญเสียทั้งเพื่อนที่ดีที่สุดและโรงเรียนของเธอ

 

นอกจากนี้ในช่วงที่เธอเขียนงาน แม่รี่ยังมีควาสัมพันธ์กับศิลปินอีกคนหนึ่ง และสิ่งที่เธอตัดสินใจทำคือ เธอเสนอให้ตัวเองเข้าไปอยู่กับศิลปินคนนั้นและภรรยาของเขา อย่างไรก็ตามศิลปินคนดังกล่าวปฏิเสธของเสนอของเธอและตัดขาดจากเธอในที่สุด

 

ชีวิตรักของแมรี่นั้น ค่อนข้างจะตกตะลึงสำหรับคนยุคก่อน ต่อมาเมื่อเธอมีลูกกับกิลเบิร์ต อิมเลย์ นักเดินทางผจญภัยชาวอเมริกัน เธอก็ไม่ได้แต่งงาน อย่างไรก็ตามเมื่อเธอมีลูก เธอได้เลิกนิสัยต่อต้านสังคมของตัวเอง แต่นั่นทำให้กิลเบิร์ตทิ้งเธอไป จนทำให้เธอเคยคิดจะฆ่าตัวตาย

 

เมื่อเธอแต่งงานใหม่กับ วิลเลียม ก็อดวิน และมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน และเป็นคนที่สองของแมรี่ .. หลังจากที่แมรี่จากไปอย่างกะทันหัน วิลเลียมได้ตีพิมพ์ข้อเขียนของเขาที่มีต่อแมรี่ ซึ่งทำให้คนที่อ่านดูถูกและเหยียดความคิดของแมรี่และตัวแมรี่เองมานานนับหลายศตวรรษ .. นอกจากนี้ยังมีข้อเขียนบางประการที่โจมตีเธอ โดยบอกว่า การติดเชื้อทางช่องคลอดหลังจากต้องคลอดบุตรสาวของตัวเองเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจน ถึงความแตกต่างด้านเพศ และชี้ให้เห็นว่านี่คือชะตากรรมของผู้หญิงและโรคที่พวกเธอ (ซึ่งเป็นผู้หญิง) ต้องได้รับเท่านั้น!

 

 

แมรี่ตายในปี 1797 หลังจากนั้นกว่าร้อยๆ ปี ความคิดเฟมินิสต์ และการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศบนโลกใบนี้จึงก้าวหน้าขึ้น ดังเช่น สปีชของ มิสยูนิเวิร์ส 2023 ที่บอกว่า

‘ ฉันจะเลือก แมรี วอลล์สโตนคราฟต์ (Mary Wollstonecraft) เพราะเธอช่วยเปิดพื้นที่ทางสังคมและให้โอกาสผู้หญิงหลายคน และสิ่งที่ฉันจะทำ ฉันอยากลดช่องว่างด้านรายได้ (ระหว่างผู้ชายและผู้หญิง) เพื่อให้ผู้หญิงสามารถทำงานได้ในสถานที่ใดก็ได้ที่พวกเขาเลือก เพราะไม่มีข้อจำกัดสำหรับผู้หญิง … (สิ่งที่แมรี่ทำ) นั่นคือเมื่อปี 1750 ตอนนี้ปี 2023 แล้ว เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง’

 

 

และนี่คือบุคคลที่ มิสนิการากัวเลือกและส่งให้เธอได้คว้ามงกุฎมาครอง  .. แมรี่ โวลสโตนคราฟต์ ผู้บุกเบิกความเท่าเทียมทางเพศในยุคที่ไม่มีใครนึกถึง 'สิทธิสตรี' 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.