ชีวิตสุดแกร่ง! "เวฟ เจ้าหญิงศัลยกรรม" ทุกความเจ็บปวดทำให้เติบโต
ย้อนเส้นทางชีวิตสุดแกร่ง "เวฟ เจ้าหญิงศัลยกรรม" เปลี่ยนทุกความเจ็บปวดเป็นแรงผลักดัน ประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจความงามตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ ล่าสุดจ่อเปิดมูลนิธิฯ ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการทำศัลยกรรม
"ตอนเป็นเด็ก อ้วนดำ คอเป็นเกล็ดเลย เอว 55 เขาเรียกกันว่ากะเทยควาย"
"พิเชษฐ์ ผดุงนานนท์" หรือ "เวฟ เจ้าแม่ศัลยกรรม" เจ้าของคลินิกเสริมความงาม "เวฟคลินิกเวชกรรม" ในจังหวัดนนทบุรี เน็ตไอดอลที่มีผู้ติดตามเป็นล้านๆ คนใน TikTok ที่เคยเป็นข่าวฮือฮาในโลกโซเชียล เมื่อปี 2557 หลังจากเผยภาพของเด็กชายอ้วนดำในอดีตมาเป็นสาวหน้าหวาน ผิวพรรณขาวสดใส และประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจเสริมความงามในเวลาต่อมา ขณะที่มีอายุเพียงแค่ 20 ต้นๆ บอกกับทีมข่าว Sanook Women ว่า วันนี้ธุรกิจของเธอไปได้สวยต่อเนื่อง เตรียมขยับขยายใหญ่โตกว่าเดิม และเตรียมเปิดมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำศัลยกรรม
"ต้องบอกก่อน ลูกค้าของเราที่มันมีเยอะทุกวันนี้ เพราะว่าหนึ่งเลย เราช่วยเหลือคน แล้วก็เขารักในตัวเรา ในการเปลี่ยนแปลงของเราจริงๆ คนที่ถูกดูถูก ไม่ว่าจะเป็นเด็กปั๊ม พนักงานร้านกาแฟ ที่ผ่านมา คนที่ถูกบูลลี่ต่างๆ ในโซเชียลอย่างนี้ ถ้าเวฟเห็นเวฟช่วยทันทีค่ะ ก็ช่วยคนไปเกือบพันแล้วค่ะพี่ ทำไมแอพพลิเคชั่นแต่งรูป ถึงสำคัญกับคนไทย แล้วทุกมือถือ เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของคนไทย จะต้องมีแอพฯ แต่งภาพ แต่งสีแต่งรูป เพราะเป็นว่า มนุษย์ยังมีการบูลลี่อยู่ ยังมีการดูถูก ยังมีการเหยียด ในเรื่องของผิว หน้าตา รูปร่าง คือคุณยังมีพฤติกรรมแบบนี้ต่อกันและกันอยู่ ถ้าหากคุณไม่หยุดการบูลลี่ ธุรกิจตรงนี้ก็ยังโตขึ้นอีก"
"ต่อไปนี้นะคะ เวฟจะเปิดมูลนิธิด้วย เวฟจะทำเป็นมูลนิธิแม่เวฟเจ้าหญิงศัลยกรรม ตอนนี้กำลังดำเนินการขออยู่ คนที่ทำศัลยกรรมแล้วจมูกทะลุ มูลนิธิเวฟนะคะ จะถอดให้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ดูแลทุกอย่างเหมือนลูกค้าทั่วไปเลยค่ะ ไม่ว่าคุณจะถูกทำร้าย หรือล่าสุดค่ะเป็นแฟนคลับเวฟเลยคนหนึ่ง ถูกทำร้ายมาจนดั้งหัก เวฟก็เลยตัดสินใจทำจมูกให้เขา เชื่อไหมว่า คนที่เวฟทำให้ไป ชีวิตดีขึ้นหมดเลย เราไม่รู้เหตุผลว่าอะไรมันมากที่สุด แต่เวฟเชื่อว่า พอคนเราหน้าตาดีขึ้น ความมั่นใจมันสูงขึ้น"
ในวัย 33 ปี เวฟ บอกว่า วันนี้มายืนอยู่จุดนี้ได้ รู้สึกภูมิใจมาก เมื่อมองย้อนกลับไปเส้นทางในอดีตมาจนถึงปัจจุบันไม่ง่าย "หนักหนาสาหัส" เรียกว่าเป็น "เส้นทางชีวิตสุดแกร่งก็ว่าได้"
"ชีวิตก็ลำบากมาตั้งแต่เด็กค่ะ เพราะว่าครอบครัวทางฝั่งพ่อ คือไม่ยอมรับในเพศสภาพของเวฟ ถึงขั้นรังเกียจ ความเป็นสาวประเภทสอง หรือทรานส์เจนเดอร์ ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน อยากพิสูจน์ให้เขายอมรับว่า เพศแบบนี้สามารถอยู่ในสังคมได้ แล้วก็สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ แล้วก็พูดกลับแม่ว่า วันหนึ่งหนูจะมารับแม่ เราจะมีบ้านของเรา"
"มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อโจ้ อยู่ที่วัด ฉันขอไปอยู่วัดเธอได้ไหม แล้วฉันก็จะช่วยงานวัดนู่นี่นั่น อะไรอย่างเนี้ย ไปคุยกับที่วัดแล้วก็ให้เราไปอยู่ห้องเก็บของที่วัดค่ะ วัดสะพานสูงบางซื่อ ค่ะ อาบน้ำ อาบห้องน้ำรวมของตลาด เพราะวัดเขาจะมีตลาดนะคะ ก็ใช้กระบวยเดียวกัน แปรงฟัน อาบน้ำ สระผม ก็ใช้ล้างก้นทุกอย่างกระบวยนั้นหมดเลย อยู่แบบนั้นจนเรียนจบ ปวช.เลยค่ะ"
เวฟ เล่าต่อว่า เธออดทนทำงานสารพัด หาเงินดูแลตัวเองมาโดยตลอด กัดฟันสู้ทุกสถานการณ์เลวร้าย เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย คือ พิสูจน์ให้ครอบครัวเห็นว่า ไม่ว่าจะเพศสภาพใดก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ทำทุกอย่างให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อให้แม่มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ขนาดไปรับจ้างแบกข้าวสาร ถูกบูลลี่ และรุมกระทืบ ยังไม่ท้อไม่ถอย
"มีช่วงหนึ่งที่เรารู้สึกว่า เราอยากได้ อะไรที่ไว้ดูแลตัวเอง แล้วก็เหลือเงินส่งให้แม่ด้วย เราก็ไปรับจ้างเสิร์ฟอาหารล้างจาน ลุ้นให้ลูกค้าสั่งพวกแกงส้ม พวกอะไรที่มันแบบกินแล้วเหลือ สาธุ สาธุ สาธุ ขอให้อย่ากินหมดเลยค่ะ อย่ากินหมดนะคะ อย่ากินหมดนะ พอลูกค้ากินเหลือปุ๊บพวกเราก็เก็บโต๊ะ แล้วเราก็จะเก็บกับข้าวมารวมๆ กัน แล้วเราก็นั่งกิน"
"หนูก็เก็บเงินได้ส่วนหนึ่งบ้างค่ะ ก็เลยมาเช่าห้องอยู่ เป็นสังกะสีอยู่กับพวกก่อสร้าง ก็อยู่กับแม่ มีหมอนใบนึง ผ้าห่มผินหนึ่ง อาหารที่กินในทุกๆ มื้อคือมาม่า แล้วเมื่อก่อนเซเว่นเขาจะมีเป็นผัก พวกแตงกวาผักหอม ที่ไว้ใส่กับพวกฟุตลอง อะไรอย่างนี้ค่ะ แม่จะเลือกให้เวฟได้กินเนื้อ แม่ก็จะกินน้ำกับผัก นี่คือเป็นภาพที่เวฟถอยไม่ได้"
"ตรงข้ามห้องเช่า จะเป็นโรงสี เวฟก็ไปรับจ้าง ยกแบกข้าวสาร กระสอบนึง 10 กิโลฯ 20 กิโลฯ รับแล้วก็โยน รับแล้วก็โยน ตัวใหญ่ กูยกได้ ก็เอาเลย ยกเลย และด้วยความเป็นกะเทยเนาะพี่เนาะ หนูก็แต่งหน้าจัดมากเลย คิ้วเข้มๆ อะไรอย่างเนี้ย แล้วผู้ชายก็ชอบแกล้งเรียกเราว่ากะเทยควาย พอเราโยนให้ผู้ชาย บางทีผู้ชายไม่รับแกล้งเรา"
"บางทีถีบเราลงไปที่กองข้าวสารก็มี โยนมาอย่างนี้ปุ๊บ หนูรับอย่างนี้หนูโดนถีบลงไปเลย พอหนูสู้ปุ๊บหนูโดนผู้ชายรุมกระทืบค่ะ ก็นอนกองสิคะ ทำอะไรไม่ได้ เราก็ตัวใหญ่เหมือนกัน แต่ว่ามันเยอะ มันหลายคน สิบกว่าคนอย่างเนี้ย บางทีมันเห็นแกล้งเราปุ๊บมันเริ่มสะใจ มันยิ่งแกล้ง บางทีหนูนนอนล้มไปแล้ว มันก็เอาข้าวสารกองทับๆ ใส่หนู"
เวฟ เล่าต่อว่า จุดเปลี่ยนที่ทำให้เด็กอ้วนดำ น้ำหนัก 128 กิโลกรัม กลายมาเป็น "เจ้าหญิงศัลยกรรม" เกิดขึ้นเมื่อไปสมัครงานหลังจากได้รับวุฒิ ปวช.การโรงแรม แต่ไม่มีใครรับเข้าทำงาน โดยให้เหตุผลว่า อ้วนดำสกปรก
"สะเทือนใจ มันรู้สึกเจ็บปวดมาก"
ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง แบบปฏิวัติครั้งใหญ่ ลดน้ำหนัก ดูแลผิวพรรณ ได้ทำงานที่สำนักงานกฏหมาย มีเงินนำมาทำศัลยกรรม จนสวยดูดีขึ้น จุดประกายความฝัน ก่อนประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจความงาม มาจนถึงปัจจุบัน ได้รับการกล่าวขานว่า "เจ้าหญิงศัลยกรรม" จากผู้ที่้เธอให้การช่วยเหลือเสริมความงาม จนมีโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิต
"หนูเรียนจบการโรงแรม หนูก็ไม่ได้คิดว่าหนูจะไปทำงานโรงแรม ได้วุฒิมา คิดว่าทำงานอะไรก็ได้ที่เขารับสมัครงาน หนูเคยสมัครงานร้านสะดวกซื้อ โอ้โหสะเทือนใจเลย เขาไม่รับหนู แล้วเขาพูดตรงนั้นน่ะ เขาคิดว่าหนูไม่ได้ยิน คือเคาน์เตอร์มันบัง และเราได้ยินว่า พูดกับพนักงานอีกคนหนึ่งว่า จะไปรับได้ยังไง อ้วนก็อ้วนดำก็ดำ คำเนี้นอยู่ในหัวหนูเสมอ เชื่อไหมหนูเดินออกมาจากร้านแล้วหนูบอกกับตัวเองว่า วันหนึ่งกูจะมาซื้อร้านมึงให้ได้ หนูคิดแบบนั้นเลยนะพี่ อ้วนดำนี่แหละจะทำให้ได้ ทุกวันนี้หนูก็ซื้อได้แล้วนะพี่ หนูบอกเลย แต่หนู ไม่ใช่สายฉัน ฉันไม่เอาดีกว่า"
ในการพูดคุยครั้งนี้ เวฟ บอกว่า การถูกกดดันทั้งทางครอบครัว และทางสังคม ในอดีตทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด แต่อีกมุมหนึ่งก็อยากขอบคุณทุกความเจ็บปวด ที่ทำให้เธอเติบโต กลายมาเป็นดาว TikTok เจ้าของคลินิกความงามชื่อดังในปัจจุบัน
"วันนี้อยากกลับไปขอบคุณ ผู้จัดการของร้านนั้นเลย ที่ไม่รับหนูเข้าทำงาน บางคนอาจจะเศร้ากับมันว่า เขาไม่รับเราเข้าทำงาน แต่หนูมองเปลี่ยน หนูมองว่า ขอบคุณที่ให้พลังบวกฉัน ถ้าไม่มีคุณวันนั้นก็ไม่มีฉันวันนี้ วันที่คุณไม่รับฉันเข้าทำงานวันนั้นน่ะ มันทำให้ฉันอยากปรับปรุงตัวเอง หลังจากวันนั้นน่ะ หนูซื้อครีม หนูผอมลงแบบวึบๆ วึบๆ เลย ผิวเราเริ่มดีขึ้น"
"พอมันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างชัดเจนหนูก็เลยโพสต์รูปตัวเองลงโซเชียล มีรูปบีฟอร์ อาฟเตอร์ หนูเป็นอะไรที่แตกตื่นมาก ชาวต่างชาติ ออสเตรเลียกับเยอรมัน และก็ญี่ปุ่นด้วยนะพี่ มาสัมภาษณ์ชีวิตเรา เขาก็ไปถ่ายยันที่วัดเลย ว่าชีวิตเราโอ๊ยยูเป็นแบบว่า สุดยอดเลย เป็นยอดมนุษย์ สำหรับการเป็นไอดอลของคนอะไรอย่างเนี้ย นั่นคือจุดเริ่มต้นของธุรกิจในทุกๆ วันนี้ค่ะ"
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.