7 วิธีเก็บเครื่องนอนให้หอมสดชื่น ไม่เหม็นอับ

ไม่ว่าคุณจะใช้เครื่องนอนตามฤดูกาลหรือเก็บผ้าห่มและผ้านวมไว้สำหรับแขก การเก็บรักษาให้สดชื่นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะระหว่างการเก็บรักษาอาจทำให้ผ้าห่มและผ้านวมมีกลิ่นอับหรือเหม็นอับชื้น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณอาจมีอยู่ในบ้านอยู่แล้ว ช่วยป้องกันการเกิดกลิ่นเหล่านั้น ดังนั้นผ้านวมและผ้าห่มที่เพิ่งซักใหม่ของคุณจะได้กลิ่นสดชื่น ไม่ว่าคุณจะเก็บไว้นานแค่ไหน และต่อไปนี้คือวิธีเก็บเครื่องนอนให้มีกลิ่นหอมสดชื่น

วิธีเก็บเครื่องนอนให้มีกลิ่นหอมสดชื่น

1.ใช้แผ่นอบผ้า

แผ่นอบผ้าช่วยให้ผ้าห่มและผ้านวมที่ซักใหม่ๆ มีกลิ่นหอมสดชื่น ดังนั้นเพื่อให้กลิ่นนั้นอยู่ได้นาน ให้ใช้แผ่นอบผ้าสดๆ ใหม่ๆ ใส่แผ่นอบผ้าที่มีกลิ่นหอมระหว่างพับผ้าห่มและผ้านวมเมื่อคุณเก็บรักษาไว้ กลิ่นของแผ่นอบผ้าจะซึมผ่านผ้าห่มและผ้านวมที่เก็บไว้ เพื่อให้มีกลิ่นหอมสดชื่น

2.ใช้สบู่ก้อน

อีกวิธีหนึ่งที่จะเพิ่มกลิ่นหอมให้กับผ้าห่มขณะเก็บรักษาคือการใช้สบู่ ก้อนสบู่ที่มีกลิ่นแรงที่คุณชื่นชอบเพื่อให้ผ้าห่มของคุณมีกลิ่นหอม ห่อสบู่ที่มีกลิ่นหอม 1 ถึง 2 ก้อนด้วยกระดาษทิชชู จากนั้นวางสบู่ไว้ในภาชนะเก็บของ ถุง หรือตู้เสื้อผ้าเพื่อขจัดกลิ่นอับชื้น เมื่อสบู่ไม่มีกลิ่นแรง ให้เปลี่ยนสบู่ก้อนใหม่ วิธีนี้ง่ายและประหยัด แถมยังได้กลิ่นหอมจากสบู่ที่คุณชื่นชอบอีกด้วย

3.ดูดซับกลิ่นด้วยเบกกิ้งโซดา

เบกกิ้งโซดาสามารถช่วยดูดซับกลิ่นจากผ้าห่มและผ้านวมที่เก็บไว้ได้เช่นเดียวกับที่ช่วยให้ตู้เย็นของคุณมีกลิ่นหอมสดชื่น เพียงแค่เจาะรูที่ด้านบนของกล่องเบกกิ้งโซดาและวางไว้ในตู้เสื้อผ้าหรือตู้เก็บของอื่น ๆ เพื่อดูดซับกลิ่นที่ไม่ต้องการ ควรเปลี่ยนกล่องเบกกิ้งโซดาใหม่ทุก 3-4 เดือน วิธีนี้ง่าย ประหยัด และได้ผลดี ช่วยให้ผ้าห่มและผ้านวมของคุณมีกลิ่นหอมสดชื่นแม้จะเก็บไว้นานแค่ไหนก็ตาม

4.เพิ่มช่องระบายอากาศให้พื้นที่เก็บเครื่องนอน

พื้นที่เก็บของที่ปิดแน่นสนิทอาจเพิ่มโอกาสในการเกิดกลิ่น หากผ้าห่มของคุณอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่มีประตูปิดสนิท ลองเพิ่มช่องระบายอากาศเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามาในพื้นที่ ติดตั้งประตูบานเกล็ดบนตู้เก็บของเพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของอากาศภายในตู้ เสื้อผ้า อากาศบริสุทธิ์ที่เคลื่อนผ่านตู้เก็บของช่วยป้องกันกลิ่นได้ อย่าเก็บผ้าห่มและผ้านวมในถุงพลาสติกหรือภาชนะเก็บของ การขาดการไหลเวียนของอากาศอาจทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นและอาจทำให้เนื้อผ้าเสียหาย

ดังนั้นหากคุณต้องการเก็บรักษาผ้าห่มและผ้านวมให้สดชื่นและมีกลิ่นหอม ควรเลือกเก็บในที่ที่แห้ง เย็น และมีอากาศถ่ายเทสะดวก

5.สเปรย์ปรับอากาศผ้า

สเปรย์ปรับอากาศผ้าเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ในการเพิ่มความหอมให้กับผ้าห่มและผ้านวมที่เก็บรักษาไว้ เพียงแค่ฉีดสเปรย์ปรับอากาศผ้าลงบนผ้าห่มและผ้านวมที่แห้งสนิทก่อนเก็บ กลิ่นหอมจากสเปรย์ปรับอากาศผ้าจะช่วยปกปิดกลิ่นอับชื้นและทำให้ผ้าห่มและผ้านวมมีกลิ่นหอมสดชื่น

อย่างไรก็ตาม ควรเลือกสเปรย์ปรับอากาศผ้าที่ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และควรฉีดสเปรย์ปรับอากาศผ้าในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากเกินไป เพราะอาจทำให้ผ้าห่มและผ้านวมมีกลิ่นฉุนได้

6.เบกกิ้งโซดา

อีกวิธีหนึ่งในการเก็บรักษาให้ผ้าห่มมีกลิ่นหอมสดชื่นคือการใช้เบกกิ้งโซดา ซึ่งมีราคาไม่แพงและหาซื้อได้ง่าย เพียงเทเบกกิ้งโซดาลงในภาชนะที่มีฝาปิดพลาสติกและเจาะรูที่ด้านบน วางภาชนะในตู้เก็บของเพื่อดูดซับกลิ่น เบกกิ้งโซดาเป็นสารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นได้ดี จึงสามารถช่วยขจัดกลิ่นอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์จากผ้าห่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เบกกิ้งโซดายังช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้ผ้าห่มมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย

7.เก็บผ้าห่มอย่างถูกวิธี

  • ซักผ้าห่มก่อนเก็บเพื่อขจัดกลิ่นต่างๆ เหงื่อ สิ่งสกปรก คราบ และเศษขยะอื่นๆ ที่อาจติดอยู่ในผ้าห่มอาจทำให้ผ้าห่มมีกลิ่นเหม็น โดยเฉพาะเมื่อพับและเก็บไว้ในที่จัดเก็บแบบปิด
  • เก็บผ้าห่มและผ้านวมที่แห้งสนิทเท่านั้น ความชื้นทำให้เกิดเชื้อราและกลิ่น เก็บผ้าห่มและผ้านวมในที่แห้งของบ้าน
  • เก็บผ้าห่มและผ้านวมในถุงกันมอด

การเก็บผ้าห่มอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผ้าห่มมีกลิ่นหอมสดชื่นและป้องกันการเกิดเชื้อราและแบคทีเรียได้อีกด้วย

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.