เปิดตัว Samsung Galaxy S23 FE, Galaxy Tab S9 FE, Galaxy Buds FE และ Galaxy SmartTag2 แล้ว
ซัมซุงเปิดตัวต้อนรับสมาชิกใหม่ FE Series ทั้ง Galaxy S23 FE, Galaxy Tab S9 FE ,S9 FE+ และ Galaxy Buds FE โดยแต่ละรุ่นโดดเด่นด้วยดีไซน์และความทนทานพร้อมทั้งประสิทธิภาพการใช้งานขั้นสูง ความสามารถของกล้องและระบบเสียงที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และอื่นๆ อีกมากมาย รุ่นนี้จึงเป็น FE Series ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา เหมาะมากสำหรับที่จะเป็นก้าวแรกสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับประสบการณ์ของ Galaxy ระดับพรีเมียม และยังไม่พอซัมซุงเปิดตัว Galaxy SmartTag2 ซึ่ง SmartTag ให้การติดตามสิ่งของมีค่าต่างๆ ได้ด้วยวิธีการใหม่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ซัมซุงมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมระดับโลกให้ทุกคนได้สัมผัสผ่านประสบการณ์บนมือถือที่ยอดเยี่ยมและเข้ากันกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง และ FE Series รุ่นใหม่ของเราอัดแน่นด้วยความสามารถระดับพรีเมียมที่ทุกคนจะชื่นชอบ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ กาแล็คซี่ได้ปล่อยความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งจากตัวของอุปกรณ์เองและยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบอีโคซิสเต็มที่เชื่อมต่อถึงกัน”
ทีเอ็ม โรห์ ประธานธุรกิจโมบายล์ เอ็กซีพีเรียนซ์ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าว
Galaxy S23 FE: ดีไซน์อันโดดเด่นของ Galaxy S Series กล้องถ่ายภาพระดับโปรและประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ลื่นไหล ออกแบบมาเพื่อยกระดับชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน
Galaxy S23 FE ยังคงรักษาการดีไซน์อันโดดเด่นของ S Series ด้วยกล้องแบบลอยตัว (Floating Camera) และผิววัสดุ สุดพรีเมียมที่ได้รับการปกป้องด้วยมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 เพื่อให้หน้าจอดูทันสมัยยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังใช้วัสดุทั้งในส่วนของตัวเครื่องและบรรจุภัณฑ์ที่มาจากการรีไซเคิล ทำให้ได้ทั้งความทนทานและยังคงความสวยงามที่มาพร้อมกับความยั่งยืน Galaxy S23 FE มากับสีใหม่ที่สดใสช่วยให้ผู้ใช้ได้เลือกสีที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้
มาทำให้ทุกช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตประจำวันได้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งบน Galaxy S23 FE ด้วยฟีเจอร์กล้องระดับมือโปร ที่ช่วยให้เก็บภาพถ่ายและวิดีโอที่น่าประทับใจ เห็นรายละเอียดที่คมชัดด้วยกล้องหลักความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล ซูมแบบออพติคัล 3 เท่า และซูมแบบดิจิตอลสูงสุด 30 เท่า หรือเมื่อถ่ายท่ามกลางความมืดด้วยฟีเจอร์ Nightography บน Galaxy S23 FE ยังช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่และภาพบุคคลได้คมชัดสีสันที่สมจริง นอกจากนี้ยังมีระบบลดการสั่นไหวแบบดิจิทัลขั้นสูงสำหรับการถ่ายวีดีโอ (VDIS) และช่วยให้ถ่ายวีดีโอได้นิ่งถึงแม้ว่าจะถ่ายขณะกำลังเดิน หรือใช้กล้องหลังที่มีระบบช่วยลดการสั่นไหวแบบออพติคัล (OIS) ช่วยในการถ่ายวิดีโอต่างๆได้
เมื่อต้องการสร้างสรรค์คอนเทนต์สุดปังพร้อมให้เพื่อนๆได้แชร์ออกไปได้ชมกัน Galaxy S23 FE ก็ทำหน้าที่เป็นสตูดิโอที่สามารถพกพาได้ ทั้งการควบคุมกล้องในโหมด Pro ช่วยให้เลือกปรับตั้งค่าความไวชัตเตอร์ รูรับแสง ค่า ISO และอื่นๆ ได้เองตามความต้องการ นอกจากนี้ยังถ่ายช็อตสวยๆ ในรูปแบบของตัวเองได้ด้วยแอปฯ Camera Assistantและเลือกได้ว่าจะใช้ฟีเจอร์อัตโนมัติแบบไหนเพื่อประสบการณ์การถ่ายภาพแบบเฉพาะตัวได้อย่างเต็มที่ นอกจากอิสระในการสร้างสรรค์และการปรับแต่งตามความต้องการแล้ว Galaxy S23 FE มีเครื่องมือแก้ไขภาพที่ใช้ระบบ AI มาเพื่อช่วยยกระดับผลงานสร้างสรรค์ได้อีกด้วย
สำหรับการเล่นเกมและสตรีมมิ่งแล้ว หน่วยประมวลผลที่ทรงพลังของ Galaxy S23 FE ทำให้ทุกความเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างรวดเร็วและนุ่มนวลด้วยระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ที่คอยควบคุมความร้อนและรักษาประสิทธิภาพไว้อย่างต่อเนื่อง แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ให้ระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น สามารถปรับการทำงาน เพื่อประหยัดพลังงานได้เอง และชาร์จถึงระดับ 50% ได้ในเวลาเพียง 30 นาทีโดยใช้หัวชาร์จ 25 Wทั้งหมดนี้แสดงผล บนหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.4 นิ้ว ที่ทั้งสว่างและแสดงผลได้อย่างไหลลื่นเหนือระดับ นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยี Vision Booster ใน Galaxy S23 FE ยังตรวจจับสภาพแสงที่สว่างจ้าได้โดยอัตโนมัติ จึงคงความสดใสของหน้าจอได้ตามสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกันกับอุปกรณ์ระดับแฟล็กชิพรุ่นต่างๆ
Galaxy S23 FE Series วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 22,900 บาท ในสีสันโดดเด่นทันสมัย มีให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ Mint, Cream, Graphite และ Purple นอกจากนี้ซัมซุงยังมีสีพิเศษอย่าง Indigo และ Tangerine สำหรับสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ samsung.com เท่านั้น
Galaxy Tab S9 FE และ S9 FE+ เต็มตากับหน้าจอขนาดใหญ่ ทนทานด้วยมาตรฐาน IP68 และเปิดโลกความคิดสร้างสรรค์และการทำงานให้เป็นไปได้มากยิ่งขึ้นด้วย S Pen
เมื่อใดก็ตามที่แรงบันดาลใจมาถึง Galaxy Tab S9 FE และ S9 FE+ ก็พร้อมให้ได้เพลิดเพลินไปกับความบันเทิงที่โดนใจและปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์หรือการทำงานอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ Galaxy Tab S Series ด้วยอุปกรณ์พกพาอันทรงพลังที่มีให้เลือกได้ถึง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ผู้ประกอบการ นักเรียน นักศึกษาที่ต้องใช้งานหลากหลายฟีเจอร์ และรวมไปถึงศิลปินหรือเกมเมอร์ ฯลฯ ทุกคนสามารถทำในสิ่งที่รักพร้อมกับทำงานที่ต้องทำให้เสร็จได้ด้วยอุปกรณ์ที่เร็วแรงขึ้นและยิ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เมื่อเทียบกับ FE Series รุ่นก่อน
การตอบสนองที่ดีและได้ดื่มด่ำกับความสมจริงในการรับชมรวมถึงการสร้างสรรค์สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ในสวนสาธารณะ บนหน้าจอขนาด 10.9 นิ้ว ของ Galaxy Tab S9 FE และ 12.4 นิ้วจอง Tab S9 FE+ มีการปรับอัตรารีเฟรชเรทหน้าจอให้เหมาะสมได้อัตโนมัติจนถึงระดับสูงสุดที่ 90Hz เมื่อต้องอยู่กลางแจ้งก็สามารถใช้งานได้ด้วย Vision Booster ที่ช่วยทำให้มองเห็นการแสดงผลบนหน้าจอได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นในสภาพแวดล้อมกลางแจ้งด้วยการปรับสีและคอนทราสต์ให้เหมาะสมกับทุกสภาพแสงโดยเฉพาะในพื้นที่มืดของหน้าจอ
ทั้ง Tab S9 FE และ Tab S9 FE+ ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับ IP68 เช่นเดียวกับ Galaxy Tab S9 Series ใหม่ล่าสุด จึงให้ความทนทานที่ดีเยี่ยมใช้งานได้อย่างไร้กังวลทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ด้วยแบตเตอรี่ของ Tab S9 FE+ ใช้งานได้ยาวนาน
โดยสามารถรับชมวิดีโอยาวต่อเนื่องสูงสุดถึง 20 ชั่วโมง จากการชาร์จเพียงครั้งเดียว ไม่ทำให้ต้องติดกับสายชาร์จตลอดเวลาทั้งตลอดการทำงานหรือเล่นได้อย่างเพลิดเพลินกันยาวๆ
การสร้างสรรค์ไอเดียและจดบันทึกต่างๆ กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ด้วย S Pen มาตรฐาน IP68 ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Galaxy Tab S9 Series นอกจากนี้ Tab S9 FE และ Tab S9 FE+ ยังมาพร้อมกับเครื่องมือและแอปพลิเคชั่นสร้างสรรค์หลากหลายตัวที่เป็นแอปฯ โปรดของแฟนๆ เช่น Goodnotes , LumaFusion , Clip Studio Paint และอื่นๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังเก็บบันทึกข้อมูลต่างๆ ทั้งจากห้องเรียน, ภาพสเก็ตช์, วิดีโอ ฯลฯ ได้อย่างง่ายด้วยเนื้อที่จัดเก็บที่ความจุขึ้นถึง 2 เท่าและยังสามารถอัพเกรดให้ความจุมาถึง 1TB ได้ด้วย microSD
Galaxy Tab S9 FE Series วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 16,990 บาท ในโทนสีแฟชั่นที่มีให้เลือกถึง 3 สีด้วยกัน ได้แก่ Mint, Gray และ Lavender
Galaxy Buds FE: คุณภาพเสียงที่เหนือชั้น ANC ทรงพลัง และดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ พร้อมขยับขยายประสบการณ์เสียงที่ดีเยี่ยมสู่ผู้ใช้ในวงกว้างมากขึ้น
Galaxy Buds FE นำประสบการณ์เสียงชั้นนำของซัมซุงสู่ผู้ใช้มากขึ้น เสียงเบสอันทรงพลังให้เสียงที่ทุ้มลึกเต็มอารมณ์ช่วยให้ได้เพลิดเพลินกับดนตรีในแบบที่ศิลปินตั้งใจ ในขณะที่ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) และระบบเสียงรอบข้างช่วยให้ได้ยินในสิ่งที่รักได้มากขึ้นและตัดทอนสิ่งที่ไม่ชอบให้ลดน้อยลง
นอกจากนี้ยังมีสามารถตรวจจับคลื่นเสียงเฉพาะบุคคลด้วยระบบไมโครโฟน 3 ตัวที่มีระบบ AI พร้อมด้วย Deep Neural Network – DNN ที่จะช่วยแยกเสียงของผู้ใช้งานออกจากเสียงรบกวนรอบข้างที่ไม่ต้องการเพื่อการโทรที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
Galaxy Buds FE โดดเด่นด้วยระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดใน Buds Series โดยตัวหูฟังสามารถใช้เปิดฟังได้นานถึง 8.5 ชั่วโมง และรวมระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 30 ชั่วโมงในการใช้ร่วมกับเคสชาร์จหูฟัง แม้แต่ใช้งานในโหมด ANC ก็สามารถใช้เปิดฟังได้นานถึง 6 ชั่วโมงจากตัวหูฟัง และรวมระยะเวลาสูงสุดถึง 21 ชั่วโมงในการใช้ร่วมกับเคสชาร์จ Galaxy Buds FE ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบที่มีดีไซน์อันโดดเด่นและถูกตามหลักสรีศาสตร์ จึงให้ความสะดวกสะบายจนสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
นอกจากนี้ยังปรับให้มีความพอดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้แต่ละบุคคลได้ด้วยจุกหูฟังที่มีให้เลือกใช้ถึง 3 ขนาดและก้านกระชับหูแบบ Wingtip อีก 2 ขนาด
Galaxy Buds FE วางจำหน่ายในราคา 3,390 บาท มาด้วยกัน 2 สี ที่สวยโดดเด่น ได้แก่ Graphite และ White วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ตุลาคม 2566 ผ่านช่องทางออนไลน์ บนเว็บไซต์ samsung.com และ Samsung Official Store บน Shopee และ Lazada หรือหน้าร้านที่ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ
และพิเศษสุดๆ! สำหรับ Galaxy Buds FE ลดทันที 30% เมื่อซื้อพร้อมมือถือซัมซุงที่ร่วมรายการ (S23 series/S23FE/Fold5/Flip5/S22 series/TAB S series/A54/A34) เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. – 5 พ.ย. 2566
Galaxy SmartTag2 : ให้การติดตามของมีค่าทำได้ด้วยวิธีที่ฉลาดล้ำยิ่งกว่า
ซัมซุงเปิดตัว Galaxy SmartTag2 ใหม่ ที่ช่วยให้สามารถติดตามสิ่งของมีค่าต่างๆ ได้ด้วยวิธีการใหม่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมโดยได้พัฒนาขึ้นทั้งในด้านการออกแบบและการใช้งานยังช่วยสร้างสรรค์บริบทการใช้งานให้กับอุปกรณ์นี้ได้มากมายยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยโหมดใหม่ล่าสุด โหมดของหาย (Lost Mode) ที่ช่วยให้ใครก็ตามที่พบสิ่งของที่ติด Galaxy SmartTag2 เอาไว้สามารถใช้สมาร์ทโฟนของตนเองสแกนที่แท็กนั้น และจะเห็นข้อความของเจ้าของพร้อมด้วยข้อมูลติดต่อและแอป SmartThings Find ก็ได้รับการอัปเกรดขึ้นด้วยเช่นกัน Galaxy SmartTag2 สามารถใช้งานได้นานกว่าที่เคยกับโหมดประหยัดพลังงานแบบใหม่ ที่อยู่ได้นานสูงสุดถึง 500 วัน ซึ่งนานกว่า Galaxy SmartTag รุ่นก่อนๆ กว่า 2 เท่า
ยิ่งไปกว่านั้น Galaxy SmartTag2 มาพร้อมดีไซน์สวยทันสมัย เข้ากับสภาพแวดล้อมได้มากขึ้นและมอบการใช้งานในหลากหลายบริบทยิ่งกว่าเดิม ด้วยขนาดใหม่ที่เล็กกระทัดรัดและดีไซน์รูปวงแหวนที่ทั้งทนทานและยืดหยุ่นในการใช้งาน Galaxy SmartTag2 ยังทำงานร่วมกันกับ SmartThings Station ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SmartThings Find โดยเป็นเครื่องสแกนหาอุปกรณ์แบบประจำที่อยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของส่วนตัว เช่น รีโมททีวี กระเป๋าสตางค์ กุญแจ ตลอดจนอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต นาฬิกา และหูฟัง ผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงก็จะได้รับการแจ้งเตือนด้วยเช่นกันเมื่อปลอกคอที่ติดแท็กเอาไว้เคลื่อนที่ห่างออกจาก SmartThings Station มากเกินไป ซึ่งมีส่วนในการคุมเจ้าเพื่อนขนปุกปุยให้อยู่ในระยะใกล้ๆ บ้านได้อย่างสะดวกสบาย
Galaxy SmartTag2 จำหน่ายในราคา 990 บาท และมี Promotion ซื้อ 2 ชิ้นในราคา 1,490 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2566
ระบบอีโคซิสเต็มของกาแล็คซี่ที่เชื่อมต่อถึงกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร้รอยต่อ
อุปกรณ์จาก FE Series ทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ของการเชื่อมต่อถึงกันด้วยระบบอีโคซิสเต็มของกาแล็คซี่อย่างเต็มพลังได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยประสิทธิภาพด้านการใช้งานที่ง่ายด้วย Multi Control[xvi] ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถลากและวางคอนเทนต์ระหว่างอุปกรณ์กาแล็คซี่ต่างเครื่องได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะคัดลอกและวางคอนเทนต์ หรือลากและวางระหว่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เมื่อเกิดความคิดสร้างสรรค์หรือไอเดียใหม่ๆ ผุดขึ้นมาก็สามารถโอนวิดีโอหรือภาพจากสมาร์ทโฟนไปยังแท็บเล็ตได้ด้วย Quick Share เพื่อนำไปแก้ไขต่อได้ง่ายยิ่งขึ้น
เมื่อถึงเวลาสำหรับความบันเทิงที่จะได้ดื่มด่ำกับความสมจริง Galaxy Buds FE ก็เป็นเพื่อนคู่หูที่สมบูรณ์แบบ โดยที่ Auto Switch จะสลับเสียงอัตโนมัติระหว่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตและแม้แต่นาฬิกาและการรับชมทีวีก็ทำได้อย่างชาญฉลาดตามการใช้งานของผู้ใช้โดยไม่ต้องคอยสลับปรับเปลี่ยนเอง
นอกจากนี้ SmartThings Find ยังช่วยให้ติดตามค้นหา Buds ที่ถูกวางไว้ไม่เป็นที่ และยังให้ส่งเสียงแจ้งเตือนได้หากมันอาจจะถูกลืมทิ้งเอาไว้
อุปกรณ์ทั้งหมดเหล่านี้ ตลอดจนความสามารถในการเชื่อมต่อถึงกันถือเป็นความมุ่งมั่นของซัมซุง ในการมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว การที่ Galaxy S23 FE และ Galaxy Tab S9 FE Series มี Samsung Knox ให้การปกป้องอยู่เบื้องหลัง จึงทำให้ข้อมูลส่วนตัวได้รับการจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัวด้วยค่าตั้งต้นของอุปกรณ์
สร้างสรรค์ขึ้นอย่างใส่ใจเพื่อโลกของเรา
ด้วยอุปกรณ์ FE รุ่นใหม่ล่าสุด ซัมซุงได้พัฒนาความมุ่งมั่นต่อสิ่งแวดล้อมโดยการขยับขยายการใช้นวัตกรรมใหม่ล่าสุดตามจุดมุ่งหมายทั้งระบบอีโคซิสเต็ม
Galaxy S23 FE มีการใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างหลากหลาย ซึ่งพบได้ทั้งในส่วนประกอบภายในและภายนอกของตัวเครื่องทั้งอลูมิเนียมและแก้วรีไซเคิลจากเศษวัสดุที่เหลือทิ้งจากขั้นตอนผลิต และพลาสติกรีไซเคิลจากอวนประมงที่ถูกทิ้งเป็นขยะและถังน้ำและขวด PET ที่ผ่านการใช้งานแล้ว
Galaxy Tab S9 FE ก็มีส่วนประกอบจากวัสดุรีไซเคิลด้วยเช่นกัน โดยมีส่วนประกอบภายในและภายนอกบางชิ้นที่ใช้อลูมิเนียมรีไซเคิลจากเศษวัสดุเหลือทิ้งจากขั้นตอนผลิตและพลาสติกรีไซเคิลจากวัสดุที่ผ่านการใช้งานแล้ว
Galaxy S23 FE และ Galaxy Tab S9 FE Series ใหม่ได้รับการออกแบบเพื่อให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยรองรับการอัพเกรดระบบปฏิบัติการถึง 4 รุ่นและการอัพเดทความปลอดภัยถึง 5 ปี นอกจากนี้ผู้ใช้ยังอาจยืดอายุการใช้งานให้ยิ่งยืนยาวขึ้นได้ด้วยโปรแกรมต่างๆ เช่น Samsung Care+ประกันจอแตก และ อุบัติเหตุ
การสนับสนุนผลกระทบเชิงบวกที่ดีต่อโลกไม่ได้หยุดอยู่ที่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเท่านั้น Galaxy Buds FE ก็มีการนำเอาพลาสติกรีไซเคิลที่ได้จากอวนประมงที่ถูกทิ้งเป็นขยะและถังน้ำที่ผ่านการใช้งานแล้วมาผสานใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยเช่นกัน
การวางจำหน่าย
Galaxy S23 FE จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ส่วน Galaxy Tab S9 FE Series และ Buds FE เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.