รีวิว “ASUS Zenbook 14 OLED” UX3405MA เบาและฉลาด เริ่มต้น 42,990 บาท

กลับมาพบกับรีวิว Gadget จาก Sanook Hitech อีกครั้ง ในรอบนี้ใครมองหาคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่าบางเบาและน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งในตลาดกับ ASUS Zenbook 14 OLED ปี 2024 ในรอบนี้เรามาเจาะลึกกับคอมพิวเตอร์ที่มี AI อยู่ภายในรุ่นนี้กันดีกว่าครับ

รายละเอียดสเปกของ ASUS Zenbook 14 OLED (UX3405MA-PP735WS)

  • ขนาด :  31.24 x 22.01 x 1.49 ~ 1.49 เซนติเมตร     
  • หนัก : 1.2 กิโลกรัม       
  • มาตรฐานความแกร่ง US MIL-STD 810H military-grade 
  • หน้าจอ  : 13.3 นิ้ว แบบ AMOLED ความละเอียด 2.8K (2880 x 1800) สัดส่วน 16:10 
  • ชิปเซ็ตประมวลผล : Intel® Core™ Ultra 9 Processor 185H 2.3 GHz (24MB Cache, up to 5.1 GHz, 16 cores, 22 Threads)
  • ระบบ NPU : Intel® AI Boost NPU
  • ชิปประมวลผลกราฟิก : Intel® Arc™ Graphics
  • RAM : แบบ  32GB LPDDR5 (OnBoard) 
  • ความจุ : 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD
  • กล้องหน้า : Full HD Camera       
  • ตัวเชื่อมต่อ (Port)        
    • 2 x USB 3.2 รุ่น 1 Type-C รองรับการแสดงผล/การป้อนไฟ/Thunderbolt 4
    • 2x USB 4.0 Gen 3 Type-C support display / power delivery
    • 1x 3.5mm Combo Audio Jack
  • ลักษณะ Keyboard : Backlit Chiclet Keyboard พร้อมไฟเรืองแสง
  • กล้อง Webcam : ความละเอียด HD+    
  • เชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 AX (Wi-Fi 6E) + Bluetooth 5.3
  • ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้าผ่าน Iris Scanner 
  • ลำโพง : 2 จุด, รองรับ Dolby ATMOS Smart Amplifier ปรับจูนโดย Harman/Kardon  
  • ไมโครโฟน : 2 ตัว  + AI Noise Cancellation     
  • ระบบปฏิบัติการ : Windows 11    
  • แบตเตอรี่ขนาด 75 Wh  (4 Cell)
  • ที่ชาร์จแบบ : ทั้งแบบ Power Delivery USB-C กำลัง 65W  
  • สีเครื่อง : น้ำเงิน Ponder Blue | เงิน Foggy Silver

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ ASUS Zenbook 14 OLED

สำหรับหน้าตาของ Zenbook 14 OLED ยังเหมือนกับรุ่นปีที่แล้วในด้านภายนอก โดยรอบนี้มีสีสันให้เลือกทั้ง Foggy Silver และ สี Ponder Blue ที่รีวิวให้ดูต่อไปนี้ โดยด้านหน้าจะมีการตกแต่งด้วยเส้นที่มีการวาดเป็นตัว A ที่โดดเด่น และมุมซ้ายด้านล่างมีการติดคำว่า ASUS Zenbook

รอบตัวเครื่องจะเป็นสีน้ำเงินที่ด้าน และดูแล้วแข็งแรงแต่ก็อาจจะเป็นรอยได้ง่ายถ้าเก็บไม่ระวัง ทั้งซ้ายและขวามีช่องเสียบ USB-C มาให้รวมกัน 3 ช่อง แต่ต่างกันที่ไฟสถานะ, ช่องเสียบหูฟัง อยู่ด้านขวา ส่วนฝั่งซ้ายจะมีช่องระบายอากาศด้านข้าง

บานพับเป็นสีเงินสามารถกางได้ 180 องศา สามารถให้จอนอนราบกับพื้นได้ 

เช่นเดียวกับด้านหน้า เปิดง่ายมากเว้นร่องให้นิ้วสอดแล้วยกจอได้เลย 

ใต้เครื่องมีลำโพงที่จับมือกับ Harman / Kardon ในการพัฒนาเสียงและมีช่องระบายความร้อนที่เหมาะสม พร้อมกับยางกันลื่น

เปิดฝาเครื่องกัน

คุณจะพบกับหน้าจอ OLED ขนาด 13.3 นิ้ว ไม่รองรับ Touch Screen นะครับ แต่สีสันคมชัดเช่นเคย

ด้านบนมีกล้องพร้อมกับระบบสแกนใบหน้า หรือ Iris Scanner

พร้อมกับปุ่ม Keyboard ที่ยกขึ้นมา 4 องศา ถ้าปรับองศาที่เหมาะสม พร้อมไฟเรืองแสงและมีระบบสแกนนิ้วมือที่ปุ่มเปิดเครื่อง แต่มีจุดสังเกตคือ Power กับ Delete มองว่าสลับที่กันอาจจะทำให้ไม่มีการลั่นไปกดปิดง่ายเหมือนรุ่นก่อน แต่เวลาเปิดเครื่องอย่าเผลอกดผิดนะครับ 

เช่นเคยการตอบสนองของ Keyboard ยังคงทำได้ดี แต่ตัวเครื่องจะยกขึ้นเองเมื่อมีระยะที่เหมาะสม เมื่อสัมผัสทีปุ่มพิมพ์ ทำได้ดีคล่องตัวไม่ปวดข้อมือง่ายๆ และยังมีปุ่มเตือนการปิดไมค์ แต่สำหรับปุ่มปิดกล่องที่ไม่มีมาให้เพราะว่ารอบนี้จะเป็นการเลื่อนปิดแทน รุ่นนี้มีปุ่ม Numpad ที่ Touchpad ด้วย

น้ำหนัก / การพกพา

สำหรับ ASUS Zenbook 14 OLED มีน้ำหนักที่ 1.2 กิโลกรัม ยังถือว่า ไม่หนักมากและรุ่นนี้ก็ออกแบบได้แข็งแรงเพราะผ่านมาตรฐาน US MIL-STD 810H military-grade standard ด้วยนะและป้องกันแบคทีเรียได้ด้วยสบายใจเวลาใช้แน่นอน

การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง

การแสดงผลของหน้าจอ OLED ให้สีสันคมชัดและมีค่าแสดงผล DCI-P3 VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500 ผ่ายการรับรองจาก PANTONE แสดงสีได้สูงสุ 1.07 พันล้านสี คมชุดและดูหนังและทำกราฟิกเรียกว่าสบายๆ

ส่วนระบบเสียงที่ไว้ลำโพงข้างเครื่องให้เสียงที่ดีและมีการปรับแต่งจูนเสียงจาก Harman / Kardon ช่วยให้คุณภาพของเสียงดีขึ้นและยังมี Smart AMP ติดตั้งมาด้วย 

ประสิทธิภาพ / การเชื่อมต่อ

 



ด้วยการเปลี่ยนแปลงของขุมพลัง Intel Core Ultra 7 ใหม่ทำให้ตัวเครื่องรองรับการใช้งานเรื่องต่างๆ ได้อย่างดี รวมถึงการประมวลผลกราฟิก และแก้ไขวิดีโอได้เล็กน้อย ถ้าเล่นเกมรุ่นนี้อาจจะยังไม่เหมาะเท่าไหร่

ส่วนการเชื่อมยังรองรับ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3 รุ่นใหม่ล่าสุดทำให้สามารถตอบโจทย์ในการใช้งานในชีวิตประจำวัน แม้ว่ายังไม่รองรับ Wi-Fi 7 ก็ตาม

ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย

ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home Edition ที่ไม่ได้ตกแต่งสักเท่าไหร่ แต่ะสำหรับเวอร์ชั่นของ Windows 11 ใหม่นี้ก็เน้นความปลอดภัยและสามารถใช้งานได้คล่องตัว และมีแถม Office 2021 Home & Student แล้วไม่ต้องหาซื้อเพิ่มเว้นแต่อยากได้พื้นที่จาก One Drive ครับ

ฟีเจอร์ภายในของเครื่องจะมีทั้งการปรับแต่จาก MyASUS ประกอบด้วย

  • ปรับแต่งตั้งค่าหน้าจอ, ระบบเสียงได้เบื้องต้น 
  • การตรวจสอบปัญหาเบื้องต้นของเครื่อง รวมถึงการขึ้น Blue Screen     
  • อัปเดต Software ภายในเครื่อง     
  • AppDeal สำหรับคนที่อยากได้ของถูกและเสียตังค์น้อย ASUS ก็จัดมาให้     
  • ติดต่อกับ Call Center ผ่านเครื่องได้     
  • โปรแกรมจัดการแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนาน หรือต้องการถนอมแบตเตอรี่     
  • Link to MyASUS เชื่อมต่อกับมือถือในการรับส่งไฟล์ต่างๆ และเช็คสถานะมือถือบางอย่างได้

ระบบความปลอดภัยของ ASUS Zenbook 14 OLED 2024 นี้จะนำระบบสแกนใบหน้าหรือ Iris Scanner กลับมา และตัดระบบสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power ออกไป ซึ่งการสแกนถือว่าทำได้ดีอยู่

แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ

รอบนี้ ASUS Zenbook 14 OLED 2024 ได้แบตเตอรี่ไซล์ใหม่คือ 75Wh ถือว่าใหญ่กว่าเดิม โดยมีการเคลมว่าใช้งานได้ยาวนานถึง 15 ชั่วโมง จากที่ทีม Sanook Hitech ลองใช้งานแบบจริงจังทั้งการแก้ไขเอกสาร ทำงานกราฟิก และอื่นๆ พบว่าแบตเตอรี่สามารถใช้ได้แตะ 9 ชั่วโมงได้สบายๆ เลยครับ

ส่วนระบบชาร์จไฟกำลัง 65W ยังคงมีมาให้ 65W แต่ว่าคุณสามารถใช้ที่ชาร์จอื่นมาใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ได้ แต่แนะนำในช่วง 45 - 65W เป็นขั้นต่ำ แต่ถ้าจะดี 65W ขึ้นไปดีกว่าเพราะระหว่างชาร์จไฟไปและใช้ไฟไปมีช่วงที่กินไฟมากถึง 71W กันเลยทีเดียว แต่ไม่ต้องห่วง มันมีระบบ Quick Charge สามารถชาร์จไฟเต็ม 60% ในเวลา 49 นาที

สรุปหลังจากทดลองใช้งาน “ASUS Zenbook 14 OLED” (UX3405MA-PP735WS) สักระยะหนึ่ง

เรียกว่าเป็นอีกคอมพิวเตอร์รุ่นหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูง คุ้มค่าทุกจุดที่คุณต้องการ โดยในเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ASUS จัดเต็มเพราะมีกาติดตั้ง Neural Engine ใหม่ล่าสุดกับขุมพลัง Intel Core Ultra รุ่นล่าสุด เห็นแบบนี้แล้ว ก็เพิ่มความน่าสนใจไม่น้อย และตัวเครื่องเบาพกพาง่ายมากขึ้น

ราคาอย่างเป็นทางการของ ASUS Zenbook 14 OLED 2024

สำหรับ “ASUS Zenbook 14 OLED” (UX3405MA-PP735WS) รุ่นนี้มาพร้อมกับราคาอยู่ที่ 42,990 บาท พร้อมกับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปี และประกันตัวเครื่องแบบ International อีก 3 ปี เรียกว่าอุ่นใจได้เลยสำหรับการครอบครอง Notebook เครื่องนี้

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.