รีวิว Taylor Swift: Eras Tour Movie เต็มอิ่มทุกเพลงฮิต เต็มเหนี่ยวทุกอารมณ์อย่างแท้จริง

Taylor Swift สุดยอดของซูเปอร์สตาร์แห่งทศวรรษนี้ ในคอนเสิร์ตรวมทุกเพลงฮิตจากทุกยุคของเธอ Taylor Swift: Eras Tour ในจอภาพยนตร์ พร้อมให้คุณได้พิสูจน์ความกระหึ่มในบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับคอนเสิร์ตที่สุดในไทยแล้ววันนี้

เราทุกคนล้วนอกหักจากการที่ Taylor Swift ไม่จัดคอนเสิร์ต The Eras ที่แฟนๆ ชาวไทยเฝ้ารอมานานแสนนานในไทย บางคนซื้อบัตรที่สิงคโปร์หรือญี่ปุ่นได้ เราดีใจด้วย แต่ใครที่กำลังทรัพย์ไม่พอ หรือโชคไม่เข้าข้าง ก็ไม่เป็นไร ชาวไทยและแฟนๆ อีกหลายประเทศในเอเชียยังโชคดีอยู่บ้างที่มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศและประสบการณ์ที่ใกล้เคียงคอนเสิร์ตจริงที่สุด ณ ขณะนี้ นั่นคือ การชมคอนเสิร์ตในโรงภาพยนตร์ร่วมกับแฟนๆ ชาวไทย

การชม Taylor Swift: Eras Tour Movie ในไทย มีข้อแตกต่างจากการชมภาพยนตร์ทั่วไป เพราะแฟนๆ สามารถส่งเสียงดัง ร้องเพลงตาม และลุกขึ้นเต้นได้อย่างอิสระ ใช้ทุกพื้นที่ในโรงภาพยนตร์ได้สบายเหมือนโรงภาพยนตร์เป็นบ้านเพื่อน หรือฮอลล์คอนเสิร์ตขนาดย่อม รอบที่เราได้ไปดูเป็นรอบที่บ้านแฟนคลับ สาระเทย์ (Saratay) จัด ร่วมกับการสนับสนุนจาก Universal Music Thailand ตัวแทนต้นสังกัดของ Taylor Swift ในไทย จึงทำให้แฟนๆ ม่วนจอยกันตั้งแต่หน้าประตู แลกสร้อยข้อมือ friendship bracelets ถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน

เมื่อถึงเวลาของโชว์ แฟนๆ ในฮอลล์จัดเต็มกับเสียงกรี๊ดไม่ยั้ง และร้องเพลงตามกันได้ทุกเพลง บางเพลงออกมาเดินล้องวิ่งเป็นวงกลม บางเพลงถือพร็อพเหมือนบนเวทีออกมาเต้นร่ายรำเหมือนเป็นแดนเซอร์อีกคน เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์การดูคอนเสิร์ตในโรงหนังที่สนุกแบบ X5

เซ็ตลิสต์ในคอนเสิร์ตรวบเพลงในอัลบั้มเดียวกันจัดออกมาเป็นโชว์ในแต่ละช่วง สมกับชื่อทัวร์ The Eras 


Lover

เริ่มจากช่วงอัลบั้ม Lover ได้ใจเราไปตั้งแต่เปิดตัวด้วยแผงขนนกที่ Taylor โผล่ขึ้นมาเซอร์ไพรส์กลางเวที โชว์มีเพลงเด่นอย่าง “Cruel Summer”, “The Man”, “You Need to Calm Down” และ “Lover” ได้จังหวะกลางๆ ไปจนถึงช้าครบรส

Fearless

เป็นช่วงที่แฟนๆ ลุกฮือเพราะอัดแน่นด้วยเพลงฮิต “Fearless”, “You Belong With Me” และ “Love Story” ที่เหล่าแดนเซอร์และเทย์เองไม่ลืมที่จะแต่งตัวตามเอ็มวีสุดไอคอนิก เสียดายที่ช่วงอัลบั้มนี้เพลงเพราะๆ เยอะ แต่เทย์เลือกโชว์แค่นี้

evermore

อัลบั้มนี้อาจจะมีเพลงช้าเยอะหน่อย เป็นช่วงบรรยากาศสงบร่มเย็น และได้โฟกัสกับฉากสวยๆ บนเวทีที่บอกได้คำเดียวว่าสวยตระการตาสุดๆ แต่ละเพลงเปี่ยมด้วยอารมณ์ โดยเฉพาะ “champagne problems” ที่เราชอบ และ “tolerate it” ที่มาเป็นการละครพร้อมฉากบนโต๊ะอาหาร จัดมาทั้งร้องทั้งเล่นละครได้สบายๆ

reputation

บอกตามตรงว่าเราไม่ได้เป็นแฟนอัลบั้มนี้มากนัก แต่ต้องยอมรับจริงๆ ว่าโชว์ในส่วนของอัลบั้มนี้ทรงพลังมาก ใครง่วงๆ จากช่วงอัลบั้มที่แล้ว พออินโทรช่วงอัลบั้มนี้ขึ้นปุ๊บ เด้งจากเก้าอี้ทันทีแน่นอน เพราะมาพร้อม CG งูยักษ์ที่ยักษ์จริงๆ แม่เทย์สูตรเผ็ดทำการแสดงบนเวทีประหนึ่งศิลปิน K-POP ร้องเล่นเต้นเอนเตอร์เทนแบบเต็มสูบ เผ็ดร้อนแรงทั้ง “...Ready for It?” และ “Look What You Made Me Do” แต่ก็ไม่ลืมที่มีเพลงสุดอ่อนโยนอย่าง “Delicate” ให้ด้วย เป็นช่วงที่ค่อยข้างกลมกล่อมดี

Speak Now

แอบโกรธแม่เทย์ที่ช่วงนี้สั้นเกินไปมาก หยิบมาแค่ “Enchanted” และ “Long Live” แอบอยากให้มีเพลงจากอัลบั้มนี้อีก 1-2 เพลง

Red

เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่เราชอบ และค่อนข้างมีความหลังฝังใจกับอัลบั้มนี้พอสมควร เชื่อว่าแฟนๆ ชาวไทยหลายคนก็เช่นกัน เพราะเป็นช่วงอัลบั้มที่ชาวไทยเกือบได้ชมคอนเสิร์ตของแม่เทย์แล้ว แต่โดนยกเลิกเพราะประเด็นการเมืองไม่สงบ ทุกครั้งที่ฟังเพลงอัลบั้มนี้เรานึกถึงเรื่องนี้อยู่เสมอ

โชว์ของอัลบั้ม Red เป็นช่วงที่สนุกม่วนจอยมาก เพราะอัลบั้มนี้มีแต่เพลงจังหวะสนุกๆ อย่าง “22”, “We Are Never Ever Getting Back Together”, “I Knew You Were Trouble” ช่วงนี้เหมือนช่วงเมดเลย์รวมเพลงฮิตจริงๆ แต่เลือกเทย์ปิดท้ายช่วงนี้ด้วยเพลงนอกอัลบั้มอย่าง “All Too Well” เวอร์ชั่น 10 นาที ที่ฟังที่บ้านก็ว่าเพลงยาวมาก แต่ดูในคอนเสิร์ตเหมือนแปบเดียวเอง

folklore

กลับมาสู่ช่วงอัลบั้มที่มีเพลงช้าเยอะ แต่สวยงามน่าฟังและน่าชื่นชมกับสกิลการแต่งเพลงของเธอเหลือเกิน “the 1”, “betty”, “august” และ “cardigan” คือเพลงโปรดของเราในช่วงนี้

1989

และแล้วก็มาถึงอัลบั้มนัมเบอร์วันที่เราชอบที่สุดของเทย์ และเทย์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เริ่มต้นด้วยเพลงโปรดของเราอย่าง “Style” ต่อด้วย “Blank Space” ที่มาพร้อมพร็อพไม้กอล์ฟ และภาพรถหรูที่เหล่าแดนเซอร์ฟาดรถเหมือนในเอ็มวี, “Shake It Off”, “Wildest Dreams” และ “Bad Blood” ฉากบนเวทีเลื่อนขึ้นลงเปลี่ยนสีได้สวยมาก

ก่อนไปที่ช่วงต่อไป มีช่วงเซอร์ไพรส์เล็กๆ ที่ Taylor เรียกว่า acoutic session เทย์มาพร้อมเพลง “New Romantics” และ “New Year's Day” ที่เธอเล่นดนตรีและร้องเองคนเดียวสดๆ โชว์สกิลในการเป็นศิลปินและนักแต่งเพลงมือฉกาจและทศวรรษนี้ได้สบายๆ

Midnights

ปิดท้ายโชว์ด้วยช่วงอัลบั้มล่าสุด ที่เริ่มต้นด้วยช็อตที่ฮือฮาไปทั่วโลกโซเชียลด้วยภาพที่ Taylor พุ่งกระโจนลงพื้นด้วยท่าว่ายน้ำ แล้วจอ LED บนเวทีเป็นภาพเทย์ว่ายน้ำกลับไปที่เมนสเตจ พร้อมฉากบนเวทีเป็ฌนคลื่นยักษ์ สวยและเซอร์ไพรส์แฟนๆ ได้ดีจริงๆ

สำหรับเพลงก็ขนมาทั้ง “Lavender Haze” ทุกอย่างบนเวทีเป็นสีม่วง, “Anti‐Hero”, “Midnight Rain”, “Vigilante Shit”, “Bejeweled”, “Mastermind” และปิดท้ายโชว์แบบไม่มีอังกอร์ เพราะก็แทบจะไม่เหลือเพลงฮิตๆ ให้ร้องอีกแล้วด้วยเพลง “Karma”

 

แม้ว่าหลายเพลงฮิตจะมาแบบไม่เต็มเพลง แต่แฟนๆ หายคิดถึงและคุ้มค่าคุ้มราคากับ 45 เพลงแสนจุใจในคอนเสิร์ตเกือบ 3 ชม. นี้อย่างแน่นอน เต็มอิ่มทั้งภาพ แสง สี เสียง และความเป็นซูเปอร์สตาร์ที่มีความสามารถครบทุกด้านแทบจะไร้ที่ติของ Taylor Swift ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าทำไมโชว์ของเธอทุกครั้งถึง sold out และมีความต้องการสูงอยู่ตลอดเวลา ได้แต่หวังว่าทัวร์ครั้งหน้าเธออาจจะไม่เล่นสเกลใหญ่เท่านี้เพราะอาจจะไม่ใช่ทัวร์รวมทุกอัลบั้มเท่านี้ และเมืองไทยอาจจะมีสิทธิ์ได้ชมคอนเสิร์ตของเธอในครั้งหน้า แฟนๆ รอกันก่อนนะ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.