"มะหมี่ นภคปภา" เล่าวิกฤติแม่ลูกแฝด หวิดแท้ง-ครรภ์เป็นพิษ ซึมเศร้าจนทะเลาะกับสามี
มะหมี่ นภคปภา อดีตนักแสดงสาวสุดเซ็กซี่ที่หายหน้าไปจากวงการบันเทิง 10 กว่าปี วันนี้ขอเปิดบทบาทใหม่กับการเป็นคุณแม่ลูก 2 ของลูกสาวฝาแฝดน้องอเซียและน้องซิณเฏียร์วัย 4 ขวบครึ่ง พร้อมย้อนเล่าเหตุการณ์สุดระทึกตกเลือดกลางสนามบินในต่างแดน หวิดแท้งและเกิดอาการครรภ์เป็นพิษแบบเฉียบพลันจนเกือบตายมาแล้ว ในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี ดีเจพุฒ พุฒิชัย และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร
ในรอบกี่ปีกับการกลับเข้าสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง ?
"10 กว่าปีเลยค่ะ แทบไม่ได้ออกรายการไหนเลย ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่กับสามี เดินทางไปเที่ยวต่างๆที่เหลือก็คือตั้งใจมีลูกเลย"
ตอนนี้กลับมาทำงานในวงการบันเทิงแล้ว ?
"จริงๆก็ยังไม่ได้ทำแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้วมีภาพยนตร์ต่างชาติที่ทำแล้วแต่ยังไม่ได้ออนแอร์ ยังสนสจภาพยนตร์อยู่ค่ะเพราะรู้สึกว่าภาพยนตร์เป็นแนวของเรา ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจก็ยินดีรับค่ะ"
ตอนนี้เป็นคุณแม่ฟูลไทม์แล้ว ?
"ใช่ค่ะ ลูก 2 คนฝาแฝด อายุ 4 ขวบครึ่ง กำลังพูดช่างถาม ชื่อซินเฏียร์กับอเซีย ความหมายของอเซียหมายถึงพระอาทิตย์ขึ้นเป็นภาษากรีกพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตก คุณพ่อเป็นคนคิดชื่อ คุณพ่อเป็นคนบัลแกเรีย"
ไปเจอกับคุณสามีได้ยังไง ?
"เจอกันในไนท์คลับ เจอกันโดยบังเอิญเขามาทริปเมืองไทยเพื่อที่จะมาเยี่ยมเพื่อนที่มีภรรยาเป็นคนไทยคลอดลูกหลังจากนั้นเขาก็ไปทานข้าวกัน แล้วก็ไปเที่ยวกันที่ไนท์คลับแห่งหนึ่งในประเทศไทย วันนั้นเราก็ไปส่งเพื่อนเพื่อที่จะไปเจอเพื่อนของเรา เจอกันประมาณ 15 นาทีเองนะ ทักทายกันแล้วก็ต่างคนต่างแยก เพื่อนเราอยู่ต่อเพื่อยนเราบอกว่าเขามาถามฉันว่าให้ชวนเธออกไปกินข้าวได้มั้ย แต่เพื่อนไม่กล้าบอกเราเพื่อนก็เลยถือวิสาสะคือชวนเราไปเลยพร้อมกับชวนเขา ก็เลยไปนั่งทานข้าวด้วยกัน ได้ทำความรู้จักกันแล้วก็จีบกัน"
แต่กว่าจะได้ฝาแฝดมาคือยากมาก ?
"ยากมาก จริงๆแล้วเราเริ่มเบื่อชีวติที่จะต้องตามสามีเดินทางไปที่นั่นที่นี้แล้ว เราเลยบอกสามีว่าเราเริ่มเบื่อที่จะไปเที่ยวที่เดิมๆหรือตามเขาไปทำงานที่ต่างๆเวลาเขาบิน สามีบอกว่าต่อไปเธอจะไม่เบื่อแล้วนะถ้าเธอจะมีลูก ก็เลยลองกัน ลองด้วยวิธีธรรมชาติแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จลองกันมานานมากเกือบ 3 ปี เพื่อนของเราเลยแนะนำให้ไปที่อินโดนีเซีย ที่มาเลเซีย ที่สิงค์โปร์ค คือไปมาทุกที่แล้ว อย่างที่แรกที่ไปคือมาเลเซียคุณหมอเก่งมากแต่ว่าไม่ติดก็ไปอยู่ประมาณ 2 ปี แล้วก็เปลี่ยนที่ พอไม่สำเร็จเราก็เปลี่ยนหมอไปที่อินโดนีเซียใช้เวลาปีนึงก็ไม่ได้อีก เลยเปลี่ยนไปที่สิงค์โปร์ก็ไม่ได้น่าจะปีครึ่ง คือมันท้อจนแบบว่าหรือเราจะยอมแพ้หรือเราอายุเยอะคือเราโทษตัวเองว่าเป็นเพราะเราแน่เลย รู้สึกท้อ รู้สึกเหนื่อย แล้วมีอยู่วันหนึ่งไปเจอเพื่อนคนนึงอายุ 48 เขาบอกว่าเขาทำสำเร็จที่เมืองไทยแล้วหมอท่านนี้ก็เก่งมากเลยเขาก็เลยแนะนำให้เราไปหาคุณหมอท่านนี้ เราก็ไปแต่ปีแรกไม่ติด คุณหมอบอกว่าไม่ต้องห่วงเขาจะปรับวิธีให้ใหม่ เราก็เลยบอกคุณหมอว่าถ้ารอบนี้ไม่ติดแล้วจะขอย้ายประวัติทั้งหมดเพื่อที่จะไปทำต่อที่สิงค์โปร์ คุณหมอบอกว่าโอเคผมจะทำให้คุณติดรอบนี้เลย คุณหมอเลยใส่ตัวอ่อนที่ผสมแล้วให้หมดเลยคือ 3 เพราะเนื่องจากว่าเรามีภาวะแท้งบ่อย ติดแล้วหลุด คุณหมอเขาก็คำนวนแล้วว่าลอง 2 ตัวแล้วก็ไม่ติด คุณหมอก็เลยลองใส่ 3 เลย"
ครั้งสุดท้ายคุณหมอในประเทศไทยใส่ไป 3 แต่ติดเป็นแฝด 2 ?
"จริงๆคุณหมอเขาก็ไม่แนะนำว่าให้ใส่แต่ด้วยความที่เรามีภาวะไม่เหมือนคนไข้คนอื่นๆ คุณหมอเลยแนะนำว่าให้ใส่ไปให้หมดเลย สรุปที่เมืองไทยใช้เวลาไปปีครึ่ง"
วินาทีที่รู้ว่าท้องลูกแฝดความรู้สึกเป็นยังไงบ้าง ?
"วินาทีที่รู้ว่าท้องตั้งแต่ 10 วันแรกที่ใส่คือแพ้หนักมาก เห็นอะไรก็อ้วก ได้กลิ่นอะไรก็อ้วกออกมาหมดเลย แต่เราไม่บอกมครเรากลัวจะเป็นเหตุการณืแบบครั้งก่อนๆที่เราเคยท้องได้ 2-3 เดือนแล้วก็หลุดมันเหนื่อยมาก"
บอกสามีตอนอายุครรภ์เท่าไหร่แล้ว ?
"ประมาณ 5 เดือนกว่า บอกสามีตอนที่ไปทริปที่ออสเตรีย คือสามีรู้ว่าท้องแต่ไม่รู้รายละเอียดว่าเราท้องกี่คน ตอนแรกที่คุณหมอซาวด์คิดว่าติด 3 เพราะว่ามันมีไข่เป็นฟองออกมา 3 แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าจะมีหัวใจเต้นออกมากี่ดวง แค่ 3 ใบเป็นฟองเราก็ตกใจแล้วเพราะเราไม่รู้ว่าเราจะจัดการอยู่มั้ย"
ท้อง 5 เดือน สามีไม่รู้ว่าเป็นลูกแฝด นี่แค่เริ่มต้นความสะพรึงจริงๆจะเกิดหลังจากนี้ เห็นว่าบินไปที่ออสเตรียเพื่อไปสกีกัน แล้วเกิดอะไรขึ้น ?
"สามีอยากให้เราไปเที่ยวได้พักผ่อน จริงๆโปรแกรมนี้จัดมาตั้งนานแล้วตั้งแต่ก่อนที่เราจะท้อง ก็ไปเที่ยวกันแต่เราเล่นสกีไม่ได้ เราก็ไปนั่งนอนเฝ้าสามีไปชมวิว พอถึงเวลาที่ต้องบินกลับ ต้องขับรถจากออสเตรียเพื่อที่จะไปที่มิวนิค เพราะเราซื้อตั๋วจากที่นั่น เช็คอินเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินขึ้นเครื่องก็รู้สึกว่าทำไมมันแฉะๆเปียกๆเหมือนมีน้ำอะไรไหลออกมาแต่เราไม่รู้ แล้วตรงขาเรามันเปียก เลยบอกสามีว่าต้องเข้าห้องน้ำก่อนเช็คดูก่อน เราถอดเราก็ลงนั่งเลยปุ๊ปก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหล่นออกมา ยังไม่กล้าที่จะดูเลยแหวกขากแล้วก้มดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ปรากฎว่าเราเห็นเลือดเป็นก้อนเลยก็ตกใจมือสั่นเราก็ไม่กล้าลุกกลัวลุกแล้วเดี๋ยวอะไรหลุด เราก็เลยโทรเรียกสามีให้เข้ามาดูหน่อยเลือดมันไหลเต็มชักโครกไปหมดเลยแล้วก็ร้องกรี๊ด สามีก็วิ่งพุ่งเข้ามาแล้วก็เรียกรถฉุกเฉินพุ่งตรงไปโรงพยาบาลเลย"
จากการตกเลือดในครั้งนี้สามีเพิ่งรู้ว่าท้องแฝด ?
"ใช่ เราก็ถือเคล็ดว่า 6 เดือนแล้วค่อยบอกว่าเรามีฝาแฝด สามีเลยรู้ตอนนั้นเลยรีบไปเช็กมันค่อนข้างอันตรายเพราะถ้าเด็กหลุดไปคนนึงแล้วมันมีโอกาสที่จะอีกคนไม่รอด ครรภ์แฝดต้องได้รับการดูแลจากคุณหมอทุกวีคไม่ใช่แค่เดือนนึงแล้วไปหรือสามเดือนแล้วไป"
สรุปไม่ได้บินกลับไทยต้องนอนโรงพยาบาลที่มิวนิค ให้คุณหมออัลตร้าซาวด์แล้วเห็นหัวใจดวงเดียว ?
"ใช่ค่ะ เห็นหัวใจดวงเดียว มือสั่นจะร้องไห้ คุณหมอถามว่าแน่ใจนะว่ามีลูกแฝด ก็บอกว่าแน่ใจซิฉันเช็กมากับคุณหมอ ก่อนมาก็เช็กมาหัวใจเต้น 2 ดวง คุณเช็คอีกทีได้ไหม เขาก็หาอีกทีนึงก็เจอรู้สึกดีขึ้นมาเลย แต่คุณหมอบอกว่าแต่มีอย่างนึงที่แอบน่ากลัวต่อจากนี้คุณอาจเดินทางไปไหนไม่ได้แล้ว เพราะฉันเห็นรกมันต่ำมากเลยยืนแล้วก็หลุดได้เลยเพราะฉะนั้นคุณเดินทางไปไหนไม่ได้แล้วนะ คุณต้องนอนรักษาตัวที่นี่ ไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลย"
เป็นอาการภาวะแท้งคุกคาม ?
"ใช่ค่ะ คุณหมอเลยแอดมิทให้นอนโรงพยาบาลเลยทุกอย่างอยู่บนเตียงหมดเลย ไม่สามารถที่จะขยับได้ จะเข้าห้องน้ำก็มีพยาบาลมาจัดการ"
อยู่ที่มิวนิคกี่เดือน ?
"อยู่ไปประมาณ 3 วีค จนกระทั่งรกมันเริ่มไล่ขึ้นๆ คุณหมอก็เลยบอกว่าเดินได้นิดหน่อย แต่ไม่ให้เดินยาวๆแรงๆ แต่ยังมีความกังวลเพราะเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของเรา มันไม่ใช่ที่ที่เราสามารถคุยกับใครหรือระบายกับใครได้มันทำให้เครียดกว่าเดิม"
แผนตอนนั้นคืออยากกลับเมืองไทย ?
"ใช่ ถูกต้องค่ะ อยากกลับเมืองไทย บอกกับสามีว่าไม่คิดว่าจะอยู่ได้ ไม่มีเพื่อนคุย สามียังต้องเดินทางประชุมแต่ละที่อยู่เท่ากับว่าเราต้องอยู่คนเดียว มันเหงามาก เราไม่ได้มีเพื่อนที่มิวนิค มีแต่เพื่อนสามีเราที่คอยช่วยสื่อสารกับนางพยาบาลให้ สื่อสารกับคุณหมอให้ ซื้อข้าวซื้อของให้เรา แต่เราจะใช้เขาทุกวันทุกครั้งไม่ได้ มันรู้สึกว่าไม่ใช่บ้านเราอยู่ไม่ได้"
วางแผนต้องกลับเมืองไทยให้ได้แต่คุณหมอไม่เซ็นต์อนุญาตให้บิน ทำยังไง ?
"ก็ร้องไห้ บอกสามีว่าถ้าไม่ได้กลับ ภาวะจิตใจเราไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว มันมีวิธีไหนได้บ้าง แต่คุณหมอก็ไม่อนุญาต"
เห็นว่าไปขออนุญาตให้คุณหมอเซ็นต์ให้บินกลับไทยถึง 3 คนด้วยกันไม่มีใครอนุมัติ ?
"ไม่มีใครอนุมัติ ไม่มีใครอนุญาตให้บินเลย คนแรกบอกว่าถ้ามีภาวะแบบนี้ไม่มีที่ไหนอนุญาตเพราะเราอาจจะไปตายบนเครื่องได้ มันไม่ใช่เรื่องแค่ว่าถ้าตกเลือดแล้วพาไปส่ง มันต้องคนทั้งเครื่องให้เราคนเดียวเพื่อที่จะเอาเราไปส่งที่โรงพยาบาลมันคือเรื่องใหญ่ แล้วถ้าไมทันแล้วเลือดมันออกเยอะช่วยอะไรไม่ได้ อาจจะตุยเลยบนนั้น คุณหมอท่านที่สอง คุณหมอท่านที่สามก็บอกเหมือนกัน จนเราบอกว่าไม่อยู่ ไม่เอา อยู่ไม่ได้จริงๆ สามีต้องเดินทางมันเหงา เหมือนเราอยู่คนเดียวในห้องแคบๆ สามีก็เลยติดต่อคุณหมอที่เป็นคุณหมอบัลแกเรียแต่เขาทำงานอยู่ที่เยอรมันก็ไปเข้าพบแล้วเขาก็ช่วยเซ็นต์ แต่เขาก็ยังมีบอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันก็ไม่สามารถรับผิดชอบอะไรได้ แต่เพื่อความสบายใจของคุณแม่เป็นหลัก เพราะเราดูเครียดมาก อาจจะมีผบกระทบกับเด็กในครรภ์ ถ้าอย่างนั้นเขาขอเซ็นต์ให้ให้เดินทาง แต่ไม่ขอรับผิดชอบ"
ทำไมถึงตัดสินใจว่าฉันจะต้องกลัยเป็นไงเป็นกัน ?
"ใจตอนนั้นไม่ได้อยู่ที่นั่น เรารู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เราจะต้องอยู่ อาหารก็ไม่ได้เลย กินไม่ได้เลย เราเหงามากเลย ยิ่งสามีไม่อยู่ มันไม่มีเพื่อน มันเหงาจริงๆ"
วินาทีที่ก้าวเท้าขึ้นเครื่อง พอเครื่องเทคออฟ ?
"เดินช้าอย่างกับมด ต้องขอรถเข็น เพราะว่าเราก็กลัวทำอะไรให้ซอฟท์ที่สุด คุณหมอบอกว่าความกดอากาศมีผลต่อครรภ์ ตอนนั้นครรภ์ก็เริ่มอายุมากขึ้นกลายเป็น 6 เดือนกว่าแล้ว การเดินทางในวันนั้นก็สมูทค่ะ ทำทุกอย่างช้าๆ เรียกได้ว่าใส่แพมเพิร์สได้ใส่เลย ไม่ต้องลุก ไม่ต้องทำอะไรเลย สามีก็คอยปลอยทุกอย่างจะโอเคมันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ"
วินาทีที่เหยียบถึงเมืองไทยแล้วเป็นยังไง ?
"ดีใจมากที่จะได้คุยกับแม่ ช่วงนั้นที่ถึงเมืองไทยก็เริ่มมีโรคระบาดแต่สามีจะต้องบินไปทำงานต่อก็เลยบอกว่าเธอต้องระวังนะเผื่อมีอะไร หลังจากนั้นโควิดระบาดเลยสามีเดินทางกลับมาประเทศไทยปิดประเทศพอดีเลย ดีใจมาก ไม่งั้นเขาจะติดแหง็กเลยอาจจะไม่ได้มาตอนเราคลอด นี่จะเสียใจมากจะทำให้เรากดดันกว่าเดิม"
กลับมาเมืองไทยได้ซักแป๊ปเดียวเกิดอะไรขึ้น ?
"พออายุครรภ์เริ่มเยอะแล้ว เราก็มีดูฤกษ์ดูยามว่าเวลานี้เด็กคลอดแล้วดี ผ่าแล้วดีเราก็โทรคุยกับพระท่านว่าคลอดประมาณกลางเดือนพฤษภาคมจะดีมากเลย เราก็ไปคุยกับคุณหมอว่าขอคลอดกลางเดือน แต่พอช่วงต้นเดือนเรารู้สึกเรามีอาการแปลกๆเท้าเราบวมอย่างกับช้าง แต่คุณหมอบอกว่าไม่เป็นไรอันนี้คือปกติแล้วทุกครั้งมะหมี่ต้องเข้าไปตรวจเลือดทุกๆวีค แต่ละวีคที่เข้าไปไม่เคยมีผลอะไรที่บ่งบอกว่าเราครรภ์เป็นพิษเลย เลือดไม่โชว์ ปัสสวะไม่โชว์ ไม่มีอาการอะไรโชว์เลย จนกระทั่งอีกวีคนึงเราไปหาคุณหมอ บอกคุณหมอว่าเราคันมาก เล่าให้คุรหมอฟังว่ามันคันทั้งตัว คันไปใต้ผิวหนัง มันยิบไปหมดมันเหมือนมีพยาธิไต่เราแต่อยู่ข้างในเกาไม่ได้ คันจนนอนไม่หลับ"
ตอนนั้นอายุครรภ์กี่เดือน ?
"ประมาณจะ 7 เดือน บอกคุณหมอว่าไม่ได้แล้ว ไม่สามารถที่จะปล่อยไว้ได้แล้ว คุณหมอก็เลยให้ตรวจปัสววะแล้วก็ตรวจเลือดอีกรอบนึง ก็ไม่มีผลไม่มีอะไรบอกเราเลย จนกระทั่งหมอบอกว่าได้วันแล้วนะเร็วสุดวันที่ 7 หาหาหมอวันที่ 5 เราบอกโอเคบุ๊คเลยค่ะผ่าเลยเพราะว่าไม่สามารถแล้วมันคันมาก วันที่ 7 เช้าเข้าห้องผ่าตัดคิวแรกเลย คุณหมอผ่าเสร็จภาพที่เราจำได้คือผ่าลูกออกมาปุ๊ปถ่ายรูปแช๊ะเดียวแล้วหลับไปเลยแต่เสียงที่ได้ยินคือเอาเราเข้าห้องฉุกเฉินเลยเราก็หลับไปยาวเลย 48 ชั่วโมง ตอนตื่นมาทำไมตามันหนกจังมันแปลกๆเห็นได้แค่ 20% เราก็เห็นสามีใส่ชุดปลอดเชื้อมาเลย เราเห็นสามีเดินมาร้องไห้น้ำตาไหลใจเราก็เสียแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกตายแน่เลยเราก็คิดไปไกลมากเลย เราก็ถามสามีว่าลูกอยู่ไหน สามีก็หันไปทางอื่นว่าจะแสร้งร้องไห้ เราก็คิดว่าลูกเราตายชัวร์ สามีก็บอกว่าใจเย็นๆ เข้าก็เปิดกล้องวีดีโอให้ดูว่าเพิ่งไปอาบน้ำให้ลูกมานะ"
ที่สามีร้องไห้ไม่ได้จะเสียลูกแต่จะเสียภรรยา ?
"ใช่ คือเรื่องของเราแต่เราไม่เคยรู้เลย จนกระทั่งเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว สามีถึงเล่าให้ฟังหมดเลยว่าเธอเกิดภาวะเกือบไตวายเฉียบพลัน เธอมีภาวะครรภ์เป็นพิษเฉียบพลันบวกกับเป็นเฮลท์ซินโดรมคือระบบตับไตไส้พุงมันอยู่ในค่าที่สูงกว่าคนปกติซึ่งมีโอกาสไตวายเฉียบพลัน ค่าความดันสูงผิดปกติอยู่ที่ 188 ความดันบน ความดันล่าง 115 คือร่างกายเราระบบภายในพร้อมจะล้มเหลว พร้อมตายได้ทุกเมื่อ มันไม่มีทางรักษา คุณหมอไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าเกิดจากอะไร ไม่สามารถรู้ด้วยว่ามันแฝงเพราะผลจากการตรวจเลือดและการตรวจปัสสวะคือหาไม่เจอ มาเจออีกทีคือตอนผ่าแล้ว และระบบความดันมันพุ่งขึ้นสูง ค่าไต ค่าตับ มันอยู่ในเกณฑ์ที่ผิดปกติหมดเลย"
ถ้าวันนั้นไม่เกิดอาการคันแล้วบอกหมอว่าไม่ไหวแล้วอีก 2 วันถ้าไม่ได้คลอด ไม่ได้ผ่า มีสิทธิ์ตายทั้งกลม ?
"ถูกต้องค่ะ เพราะว่าระบบข้างในคือค่ามันเปลี่ยน คุณหมอบอกว่าเคสของมะหมี่คือหาได้น้อยมาที่เมืองไทยแทบจะไม่มีเลย ต้องรักษาตามอาการ เช่นถ้าค่าตับค่าไตสูงขึ้นก็ต้องให้ยา ในขณะที่เราให้ยาเราก็ไม่ได้อยู่กับลูก ไม่ได้ให้นมลูก โมเม้นต์ที่ลูกออกมาแล้วเข้าเต้าเลย ไม่มีเลย"
ตอนนี้เลี้ยงลูกติดกล้องวงจรปิด 20 ตัว ?
"โรคจิตไงคะ คือคนไม่เคยมีลูกก็จะระแวงไปหมด แม้แต่พี่เลี้ยงที่ผ่านการเทรนด์เราก็รู้สึกไม่ปลอดภัย เป็นความวิตกกังวลและความวิตกจริต"
ติดแม้กระทั้งในห้องน้ำ ?
"จริงค่ะ เราเห็นหลายอย่างเรารู้สึกว่าไม่ปลอดภัยถ้าลูกตกหรือจมน้ำ อย่างน้อยป้องกันเอาไว้จะได้ไม่เกิดการผิดพลาด"
เวลาสามีกับภรรยาเลี้ยงลูกจะชอบทะเลาะกัน จะเลี้ยงไม่เหมือนกัน ?
"บ้านนี้หัวจะปวด สาเหตุที่เราทะเลาะกันเพราะว่าเราอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงเพราะเป็นช่วงโครวิดปิดประเทศออกไปไหนไม่ได้ ช่วงแรกที่เอาน้องกลับมาหลังจากพักฟื้นตัวแล้วลูกร้องไม่รู้จะทำยังไง กล่อมก็แล้วก็อะไรก็แล้ว ให้นมก็แล้ว ก็ไม่หยุด เลยโทรเรียกรถพยาบาลให้กลับมารับลูกไปเลี้ยงต่อที พยาบาลบอกว่าเราไม่มีนโยบายนี้นะคะ คุณแม่ต้องเลี้ยงต่อเองนะคะ หลังจากนั้นเรารู้สึกว่าอยากจะเลี้ยงเองไม่ต้องมีพี่เลี้ยงก็ได้ ผ่านไปวันแรกไม่ได้หลับไม่ได้นอน อีกคนตื่น อีกคนหลับ อีกคนหลับ อีกคนตื่น สามีเขาเป็นคนอ่านหนังสือเยอะ เขาบอกว่าเธอทำแบบนี้ไม่ถูกต้องเพราะเธอไม่ใช่โรบอท เธอต้องเลี้ยงลูกให้เป็นรูทีน เช่น น้องตื่นกี่โมงให้ตื่นพร้อมกัน เข้าเต้าพร้อมกัน เอาไปนอนพร้อมกัน แรกๆก็ไม่พร้อม เราก็เถียงว่าไม่ได้ซิ ต้องแล้วแต่เด็ก เธอจะบังคับเด็กได้ไงเด็กจะตื่น เด็กจะนอน เถียงกันบ้านแตก ถึงขั้นเราโมโหมากโยนลูกให้สามีบนเตียงเอาไปเลี้ยงเลย 2 คน เราก็ปิดห้องขังตัวเองอยู่ร้องไห้ๆ วันนั้น ณ โมเม้นท์นั้นถึงขั้นถ้าบ้านไม่มีกรงกั้นโดดลงไปข้างล่างแล้ว โดดโชว์สามีเลย มีความใจเด็ดใจกล้าบอกไม่ถูก อันนี้คุณสามีหลายๆท่าน หลายๆครอบครัวต้องระวัง คำพูดมันเซ้นซิทีฟมากสำหรับคนเป็นแม่หลังคลอด พอสามีพูดไม่เข้าหูนิดนึงใจมันพร้อมตายมาก พร้อมฆ่าตัวตาย ในห้องนั้นถ้ามีมีดเราจ้วงตัวเราเองไปแล้ว"
ตอนนี้เลี้ยงลูกชีวิตมีความสุขมั้ย ?
"มีความสุขมากค่ะ ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว"
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.