"อิงฟ้า วราหะ" เปิดจุดเปลี่ยนชีวิต เคลียร์ใจครั้งแรก! ข่าวดราม่าทำเกือบคิดสั้น

เมื่อ อิงฟ้า วราหะ มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 จึงได้เปิดเรื่องราวในชีวิต พร้อมเผยเรื่องความรักแบบทุกซอกทุกมุม พราเะอุ่นใจได้มานั่งคุยมานั่งเล่าที่นี่เป็นที่แรก รวมทั้งข่าวดราม่าทำให้เกือบคิดสั้น อะไรเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตที่เกิดขึ้น

อิงฟ้า : ช่วงที่เราเสียคุณพ่อไปเราเสียของขวัญชิ้นใหญ่ของชีวิตไปเลย ตอนแรกเราก็คิดนะว่าคุณพ่อน่าจะอายุยืน เพราะท่านดูแข็งแรงดูเป็นฮีโร่ของเราทุกอย่าง อะไรอย่างนี้ พอวันหนึ่งเรามาทราบว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย คุณหมอก็แจ้งว่าอยู่ได้เต็มที่สี่เดือนนะ

ความฝันหนึ่งของคุณพ่อคืออยากเห็นอิงฟ้าเป็นนักร้อง

อิงฟ้า : อยากเห็นเรามีชื่อเสียง ในตอนนั้นก็เหมือนว่าศิลปินต้องมีอัลบั้ม แล้วก็คือจะได้ดูเหมือนแบบภูมิใจที่สุด เพราะคือจุดสูงสุดของการร้องเพลงอะไรอย่างนี้

ตอนนั้นเราใกล้เคียงที่เขาจะได้เห็นบ้างไหม

อิงฟ้า : ช่วงที่ทราบว่าเขาป่วยปั๊บก็มีคนมาบอก ว่ามีค่ายเพลงสนใจเรานะ ตอนนั้นคือเราเหมือน ช่วงเวลาที่เหลือสั้นเต็มทีแล้ว เลยตัดสินใจแบบว่า…ไป อย่างนั้นไป ก็ไปที่ค่ายเพลงแล้วบอกว่าโอเคเดี๋ยวเรา.. ให้คุณพ่อคุณแม่มาอยู่ได้มีเงินเดือนให้ เดี๋ยวครบกี่ปีนี้จะทำอัลบั้มให้นะ และความเราเป็นเด็ก ณ ตอนนั้นยัง 17 ปีกว่าๆ แล้วแม่เราก็ซื่อมากๆ ความที่คนต่างจังหวัดไม่มีความรู้เรื่องอะไรเลย แล้วก็ไปกันแบบ มันเหมือนมันรีบ ก็เซ็นทุกอย่างเรียบร้อย แล้วเราก็กลับมาบอกพ่อจะได้ทำเพลงแล้วนะ ท้ายที่สุดก็คือเค้ารับทราบแล้วก็ไปเลย

ในวันที่เราต้องไปอยู่ค่ายเพลงตรงนั้นคือ เริ่มเห็นเพลงของตัวเองแล้วหรือยัง

อิงฟ้า : หลายๆอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่เราวางแพลนหรือที่เราคิดเอาไว้ ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นเรารู้สึกว่า  คือถ้าเราอยู่ตรงนี้เราเลี้ยงตัวเองได้คนเดียว แต่ว่าแม่เราเนี่ยไม่น่าจะรอดแล้ว ถ้าเรานึกถึงอนาคตยาวๆอะไรอย่างนี้ ก็เลยตัดสินใจบอกพี่สาวที่อยู่ในกรุงเทพฯว่า มีงานอะไรให้เราทำไหม เขาก็บอกว่ามีหนึ่งงานก็คือพนักงานออฟฟิศ เกี่ยวกับกาแฟก็เลยตัดสินใจไปเลยทั้งที่ไม่มีเงินติดตัว ไม่มีอะไรเลยไปตายเอาดาบหน้า

ความทุกข์ตอนนั้นที่สูญเสียคุณพ่อ รู้สึกตัวเองไม่สามารถที่จะหาเงินดูแลที่บ้านได้ เคยเศร้าถึงขนาดคิดไม่อยู่แล้วดีกว่าอยากไปอยู่กับพ่อจัง

อิงฟ้า : ทำงานหนักทุกวันแต่เงินไม่พอเลย เพราะรู้สึกว่ามันเหนื่อยกับการต้องมานั่ง รับผิดชอบชีวิตเราแล้วก็คนข้างหลังด้วยอะไรอย่างนี้ เวลาที่เรานอนหลับเรามีความสุขอารมณ์ที่เราไม่อยากตื่น

คิดแล้วได้ทำอะไรหรือเปล่า

อิงฟ้า : บ่อยครั้งมากๆแค่ยังเอาชนะความเจ็บปวดไม่ได้ เพราะเรากลัวเจ็บฉันที่เราอยู่คือชั้น 6 คือเดินออกไปตรงริมระเบียงบ่อยมาก แล้วก็รู้สึกว่าถ้าเราโดดไปจะตายไหมนะ คิดว่าถ้าไม่ตายนี่คือลำบาก คนข้างหลังอีก นั่งดูน้ำยาล้างห้องน้ำในห้องน้ำ มันจะแสบท้องไหมหยิบมีดมาแล้วก็นั่งดูว่าต้องกรีดตรงไหน คือมันฟุ้งซ่านไปหมด

ทุกครั้งก็จะร้องไห้เหมือนคนสติแตกแล้วก็หลับไป ชอบฝันถึงพ่อ ในฝันคือพ่อกับแม่ เดินมาส่งเราหน้าโรงเรียน แล้วหน้าโรงเรียนก็จะมีร้านสะดวกซื้อ เราก็เดินเข้าไปแล้วก็หันมาถามเขาว่า พ่อจะเอาอะไรไหมเขาก็พูดกับเรากลับมาว่า พ่อไม่เอาอะไรเลยขอให้หนูดูแลตัวเองรักตัวเอง

ความดิ่งของเราในตอนนั้นมันคิดเรื่องอะไรอยู่

อิงฟ้า : เราไม่รู้ว่าเราใช้ชีวิตไปเพื่ออะไร แรงบันดาลใจในการเป็นศิลปินก็คือ มันถูกทำลายไปแล้วแล้วก็อาชีพที่เราทำอยู่ ก็ไม่ใช่อาชีพที่เราอยากทำ

สิ่งสำคัญที่สุดคือเราอยากจะให้ ชีวิตคนข้างหลังมีความสุขขึ้น ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ยังทำไม่ได้สักที

อิงฟ้า : ใช่ค่ะ หลังจากที่เราฝันแล้วเราตื่นขึ้นมาได้ ก็เลยเหมือนทำให้เราได้สติว่า เราก็ยังทิ้งแม่เราไม่ได้อยู่ดี

 ดราม่าเกี่ยวกับอิงฟ้ายังมีมาโดยตลอด มันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นข่าวที่หลายๆคนตามอยู่ เช่น ตอนนั้นเหมือนดูว่า อิงฟ้า เกเรหรือเปล่า อิงฟ้า ไม่ยอมซ้อมหรือเปล่า อิงฟ้า ไปต่างประเทศโดยไม่แจ้งหรือเปล่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ อิงฟ้า อยากจะพูดถึงเหตุการณ์นี้ กับหลายๆคน ซึ่งบางคนอาจจะรู้สึกว่ามันผ่านไปแล้ว แต่จริงๆเราก็อยากอธิบายในมุมของเราบ้าง

อิงฟ้า : สิ่งที่เกิดขึ้นเรามองว่ามันคือความผิดพลาด ของตัวเราเองในการสื่อสารออกไปกับทีมงาน หรือทางผู้ใหญ่ เราก็คิดว่าช่วงนี้สามวันนี้ คือวันหยุดของเรากลับกลายเป็นว่า … ตรงกับช่วงที่ต้องซ้อม เพื่อเตรียมตัวไปอินโดนีเซีย ซึ่งเราก็รู้สึกว่าทำไมต้องมาตรงกับวันที่ เราล็อคไว้แล้วว่าเราจะหยุด ความต้องการแล้วก็สิ่งที่สื่อสารออกไปมันไม่ตรงกัน ก็เกิดความน้อยใจเกิดขึ้น

แล้วตกลงคนในข่าวคบหรือไม่คบ

อิงฟ้า : มันคือเพื่อนกัน แต่อาจจะมีความรู้สึกสนิทสนมมากกว่าคนทั่วไป ทริปที่ไปเนี่ยเราชวนเขาไง ที่เราจะไปเนี่ย ประมาณสองวันแล้วเราก็ชวนเขา แบบกระทันหันในตัวเขาเองเขาก็ไม่ได้คิดอะไร ไปก็ไปเพราะว่าทริปนี้ เนี่ยมันไม่ได้มีแค่เรากับเขา คือเราไปทั้งหมดห้าคนมีเพื่อนเราอีกเรากะว่าไปสนุกสนานไปเที่ยวในที่ที่เราอยากไป เป็นอารมณ์นั้นเลยมันก็ยังไม่ได้มีอะไร แต่สิ่งที่เหมือนแบบทุกคนเห็น หรือแบบว่ารับสาร

หลายคนสรุปไปเองว่าไปสองคน

อิงฟ้า : ถูกต้องค่ะมันกลายเป็นแบบนั้นไป แล้วพอเราพูดก็ไม่มีใครฟังเรา เพราะความที่เขาคิดว่าเราเป็นเด็ก แล้วก็ดูเหมือนแบบเราเถียงหรือเปล่า เราแก้ตัวหรือเปล่าเราก็เลย โอเคในเมื่อเราพูดออกมา พูดหนึ่งครั้งแล้วมันดูเหมือนไม่มีประโยชน์ ก็ไม่พูดแล้วกัน

ตอนนั้นต้องยอมรับว่ามันเป็นข่าวใหญ่ มันก็ส่งผลกับเราจนดิ่งอีกครั้งอย่างรุนแรงมาก

อิงฟ้า : คือถ้ามันเป็นปัญหาของเราคนเดียว คงไม่ได้ดิ่งมาก ขนาดถึงที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ คนรอบข้างเราหรือคนที่เราแบบไปกับเรา เพื่อนเรา กลับกลายเป็นทุกคนต้องมาโดนด่า จากสิ่งที่เพราะทริปนี้เอง เราเป็นคนคิดจะไปเองมันเหมือนทุกอย่างมาโทษที่ตัวเราเอง ผู้ใหญ่ก็มองเราไม่ดีไปด้วย หรือผู้ใหญ่ก็เสียใจกับสิ่งที่เราทำ พูดก็พูดไม่ได้อธิบายกับใครก็ไม่ได้ ก็เลยเก็บไว้กับเราคนเดียวจนเรา ไม่ไหว

เหตุการณ์นี้ทำให้เราค้นพบว่าเรานี่แหละ เป็นโรคซึมเศร้า มีวันหนึ่งเราขึ้นไปบนดาดฟ้า ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองมีสติให้ได้น้อยที่สุด เพื่อจะได้ไม่กลัวเจ็บ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยกระโดดลงไปเลยแล้วกัน ไม่เอาอะไรแล้วเรานั่งมองเงินในบัญชีแล้ว สุดท้ายแล้วพอเรามานั่งบันทึกในโทรศัพท์ ว่าเราจะให้ใครบ้างก่อนที่เราจะไม่อยู่ มันไม่มีตัวเราอยู่ในนั้นเลย สุดท้ายเราก็ทำเพื่อคนอื่น

พอเราทำตามความรู้สึกของตัวเอง กลับกลายเป็นแบบนี่ไง มันเกิดปัญหาแบบนี้อีกแล้ว มันมีชั่วโมงเมนต์หนึ่งป้ายจอ LED  มันมีรูปเราขึ้นมามันก็เลยเหมือนกับตบสติเรากลับมาว่า นี่เรานี่ กว่าเราจะไปอยู่ตรงนั้น มันคือความฝันของเราอีกอย่างหนึ่ง ที่อยากจะเห็นตัวเองอยู่ในป้ายตามตึก สักป้ายหนึ่ง

มันไม่ง่ายเลยแล้วทำไมเราถึง ให้ค่ากับคนที่ดูถูกเรา ทำไมไม่ชื่นชมตัวเองพอลงมาข้างล่างปุ๊บก็ ตัดสินใจโทรหาแม่แล้วแม่ก็ ร้องไห้หนักมาก แล้วเขาไม่ถามเราเลยว่าอะไรมันเป็นมายังไง เราเลยเข้าใจว่าคนที่รักเราจริงๆ เขาจะไม่ถามหาเหตุผลอะไรจากเราเลย ว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ เขาขอให้เรา ณ ตอนนั้นจดจ่อกับตัวเองก่อน ดึงตัวเองกลับมาให้ได้เพราะเหมือนพูดไม่รู้เรื่องแล้ว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.