"กำนันแพ" ตลกหมอลำ นอนกลางดินกินข้างเมรุ ภูมิใจ 27 ปี เป็นเสาหลักครอบครัว
"กำนันแพ เสียงวิหค" ตลกหมอลำมาแรง นอนกลางดินกินข้างเมรุ ขยันทำมาหากิน หารายได้หลายช่องทาง สร้างเนื้อสร้างตัว จนเป็นเสาหลักครอบครัวได้ในวัยเพียงแค่ 27 ปี
"ชุมแพ ผิวเวียง" หรือ "กำนันแพ เสียงวิหค" ตลกหมอลำมาแรง แห่งวงดนตรีหมอลำ "เสียงวิหค" ที่มี "นก พงศกร" เป็นแกนนำ เปิดใจกับทีมข่าว Sanook.com ก่อนเข้าพิธีอุปสมบท ที่บ้าน อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ก่อนไปจำพรรษาที่วัดใน จ.เลย ทดแทนพระคุณบุพการี ว่า ในวัย 27 ปี เขามีอาชีพหลักเป็นนักแสดงตลกในวงหมอลำ สามารถสร้างเนื้อสร้างตัว เป็นเสาหลักดูแลครอบครัวได้
กำนันแพ เล่าว่า หลังจากเรียนจบชั้น ม.3 เขาได้ไปขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่เมืองพัทยา ประมาณ 3-4 เดือน ด้วยใจรักอยากเป็นศิลปินหมอลำมาตั้งแต่เด็ก เมื่อวงหมอลำ "หนึ่ง รุ่งทิวา" รับสมัครสมาชิก จึงได้สมัครเป็นตลกหมอลำวง หนึ่ง รุ่งทิวา ก่อนย้ายมาอยู่ใต้ปีกวงเสียงหค
"ผมอยู่อยู่กับหมอลำ 12 ปี ผมได้สร้างบ้านใหม่ ได้รถ 2 คัน และก็ได้มาจัดงานบวช ตั้งแต่ผมออกจากโรงเรียนมา ก็แค่ขับวินมอเตอร์ไซค์ 3-4 เดือน เงินทั้งหมดที่มาสร้างบ้าน คือ อาชีพหมอลำ"
เขายังขยันหารายได้ เพิ่มเติมจากการทำงานหลายอย่าง ในวงหมอลำเสียงวิหค ที่โดดเด่นเป็นภาพจำมิตรหมอแคนแฟนหมอลำ คือ ขับรถบัส และอื่นๆ ร่วมถึงเป็นร้านขายของชำหลังเวทีอีกด้วย
"เราไม่ได้ทำหน้าที่เดียว หนึ่งแหละเล่นตลก สองขับรถ สามกางเต้นท์อยู่ในวงหมอลำ ถ้าเรามีกำลังทำหลายอย่าง เราก็ได้หลายบาท เพราะว่าแต่ละแผนกมันได้ค่าแรงของมันอยู่แล้ว เล่นตลกก็ได้ค่าแรงอย่างหนึ่ง ขับรถได้ค่าแรงอย่างหนึ่ง กางเต้นท์ได้ค่าแรงอีกอย่างหนึ่ง วีคหนึ่งออกได้หลายบาทนะครับ อาชีพเสริมก็ขายของ หารายได้หลายๆ ทาง"
"แม้กระทั่งเก็บขยะขาย เราไปขายเราก็ได้เงินมา ซื้อข้าวซื้อน้ำกิน ส่งกลับบ้าน จ่ายค่ายน้ำค่าไฟให้ยาย ยายอยู่บ้านกับพ่อกับแม่ ครอบครัวผม ผมหาเงินคนเดียว พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ทำอะไร อยู่เป็นเพื่อนยาย ยายก็แก่แล้ว 70 กว่าปี คือเราเป็นเสาหลักของครอบครัว ผมก็ภูมิใจผมอยู่นะ ทำได้ตอนที่ไม่ทันแก่ ผมยังไม่แก่นะ บางคนว่าผม 30-40 กว่าปี แล้วนะ ผมเกิดปี พ.ศ.39 อายุ 27 เข้า 28 ปี แต่ว่าหน้าผมดูแก่เฉยๆ"
กำนันแพ บอกต่อว่า เหตุผลที่เขาเลือกเป็นตลกในวงหมอลำ ไม่สมัครเป็นพระเอก หรือนักร้องนำ เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบสร้างเสียงหัวเราะ เวลาพูดหรือแสดงอะไรออกไปให้คนหัวเราะได้ ก็จะมีความสุขไปด้วย อีกทั้งยังมองว่า ตลกในวงหมอลำนั้น มีอายุการทำงานมากกว่า พระเอก หรือ นักร้องนำ ที่มีเรื่องของสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงอายุเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ
"ความคิดของผมนะ ผมคิดว่า การเป็นตลก หนึ่งได้สร้างเสียงหัวเราะ เราจะมีความสุขของเราเอง คนที่เป็นตลกจริงๆ หรือ เป็นสายเลือดตลกจริงๆ ได้ยินเสียงคนหัวเราะ ที่เราพูดที่เราแสดง มันจะมีความสุขมากๆ เลย นะครับ"
"สองแก่มาเขาก็ยังจ้าง ผมคิดว่านะ เพราะว่าอะไร เป็นหมอลำ เป็นพระเอก เป็นนางเอก แก่มาเขาไม่จ้างนะ คุณแก่แล้วคุณเป็นพระเอกไม่ได้นะ เป็นตลกแก่แค่ไหนเขาก็ยังเอาไว้นะ ก็อยู่วงรุ่งทิวา มาประมาณ 7-8 ปี ค่อยย้ายมาอยู่เสียงวิหค"
เดินสายกับวงหมอลำมาแล้ว 2 วง รวมเวลากว่า 12 ปี กำนันแพ บอกว่า คนอยากเป็นหมอลำต้องมีใจรักจริงๆ ถึงจะอยู่ได้ ภาพเบื้องหน้าเวทีสีสันตระการตา กับความเป็นอยู่ด้านหลังเวทีนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เขาบอกว่า การแสดงหมอลำกับวัดเป็นของคู่กัน การแสดงหมอลำส่วนใหญ่จัดแสดงที่ลานวัด ตั้งแต่ค่ำยันเช้า ดังนั้นบรรดาศิลปิน ทีมงานจำเป็นต้องค้างแรมภายในวัด บ่อยครั้งต้องหลับนอนข้างเจดีย์ใส่กระดูก ประกอบอาหาร และรับประทานอาหารบริเวณลานข้างเมรุ
"ส่วนมากหมอลำ แสดงในวัด วัดกับหมอลำ มันเป็นของคู่กันเนาะ ตอนกลางคืนก็นอน ตามข้างเจดีย์ใส่กระดูกนั่นแหละ ตอนกลางวันแบบนี้ บางทีไปนั่งอยู่ที่เขาเผาศพ อยู่บนเมรุก็มี บางทีก็นั่งอยู่ข้างเจดีย์ใส่กระดูก นอนตามร่มเงารถ บางครั้งจอดรถปุ๊บ มุดเข้าใต้รถบัสปูเสื่อนอน"
"บางที่ สถานที่กว้างๆ ห้องน้ำไม่มี ก็มี คิดดูว่า 200 กว่าชีวิต 300 ชีวิต อยู่ในคณะหมอลำ ไม่มีห้องน้ำ มีแค่รถส่งน้ำ ที่ผู้จัดเขาไปจอดให้พอได้อาบน้ำ อยู่กับหมอลำ ถ้าใจไม่รักอยู่กันไม่ได้ คุณต้องใจรักจริงๆ"
"ถ้าพูดเรื่องหมอลำ เหมือนทำงานโรงงาน ทำงานโรงงานคืออะไร ทำอันเดียวอยู่นั่นแหละ ถ้าคุณผลิตแปรงสีฟัน ผลิตอยู่นั่นแหละ แพ็คใส่กล่อง คุณก็แพ็คๆ แพ็ค อยู่นั่น หมอลำก็เหมือนกัน ลำก็ลำเรื่องเก่า แต่ละวัน เปลี่ยนแค่สถานที่
"คุณร้องเพลงนี้หมดปี คุณก็ร้องเพลงนี้เหมือนเดิม คุณเต้นเพลงนี้ คุณเต้นเพลงนี้ คุณก็เต้นเพลงนี้เหมือนเดิม คุณเล่นตลก คุูณก็เล่นตลกอันนี้เหมือนเดิม จนกว่าเปลี่ยนฤดูกาลค่อยได้ซ้อมใหม่"
ในการพูดคุยครั้งนี้ กำนันแพ บอกด้วยว่า ในฐานะที่เขาเป็นคนอีสาน มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นหมอลำ เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสืบสานศิลปะ การแสดงประจำถิ่น และขอบคุณอาชีพหมอลำที่ทำให้เขาสร้างเนื้อสร้างตัว ช่วยยกระดับชีวิต คนในครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดี
"บ้านเกิดจริงๆ อยู่อำเภอศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ผมว่าผมโชคดี ที่ว่าผมเกิดเป็นคนอีสาน วัฒนธรรมมีทุกเดือน เขาเรียกฮีต 12 คอง 14 หมดทั้งโลกผมว่ามีแต่อีสานแหละ มีงานบุญทุกเดือน แต่ละบุญขาดหมอลำเป็นเรื่องยาก"
"ในฐานะเราเป็นคนอีสาน เรายิ่งดีใจ ที่เราได้สืบสาน สานต่อ ศิลปวัฒนธรรมของอีสาน เป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่น ประจำภาค ผมก็คิดอย่างหนึ่งนะว่า การทำให้คนมีความสุข มันได้บุญอย่างหนึ่ง หมอลำ คำว่า หมอลำ คือ หมอ แปลว่ารักษา ลำ คือทำให้เขามีความสุข"
"เห็นคนนี้มีความสุข เห็นคนนี้มีความสุข ก็ชุ่มชื่นในหัวใจเรา ทุกอาชีพมีค่าหมด นะครับ ว่าแต่ไม่ไปขโมยของเขา ขายปืนเถื่อนขายยา นั่นแหละคือไม่มีค่าแล้ว แบบนั้น แต่ว่าการเป็นอาชีพ รับจ้างตัดอ้อย อันนั้นอันนี้ เราได้เงินมาเป็นสิ่งตอบแทน มาจุนเจือครอบครัว มีค่าหมด"
"อาชีพใครอาชีพมัน แต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน มันดูถูกไม่ได้หรอก เพราะว่าแต่ละคนต้นทุนชีวิต มันไม่เหมือนกัน บางคนพ่อแม่พารวยมาตั้งแต่เด็ก บางคน พ่อแม่ไม่ได้มีอะไรมาให้ เราก็มาสร้างเอาเอง ผมก็สร้างของผมเอง นาก็ไม่มี ที่ก็ไม่มี ผมก็เริ่มต้นชีวิตผมเอง"
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.