"ออกัส" ทั้งเจ็บ ทั้งอึดอัด ย้อนเล่าอีกมุมก่อนถูกแฉ โดนขู่ให้ไปกราบเท้าขอโทษ

ออกมาเปิดใจต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก สำหรับนักแสดงหนุ่ม ออกัส-วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์ หลังถูกโยงปม กันสมาย-ชนกันต์ อาพรสุทธินันท์ เปิดแชทแฉจนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียล

ล่าสุด ออกัส ได้เผยในมุมของตัวเองให้ฟังว่า "สำหรับกัสก็ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการอธิบายและชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นนะครับ เพราะไม่ได้มีการเคลื่อนไหวเลยนอกจากออกมาขอโทษ วันนี้ก็ขออนุญาตพื้นที่ตรงนี้ออกมาพูดในมุมของเราบ้างครับ"

"ตอนทราบข่าว ก็ตกใจครับ แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดมากกว่า เรื่องที่เข้าใจผิดมันน่าจะเกิดมาตั้งแต่วันที่ 15 ครับ ที่ผมไปเที่ยวสงกรานต์กับเพื่อน 3 คน ผู้ชายหมดเลย ผมก็อยู่ที่โต๊ะกันปกติครับ จนมีผู้หญิงคนนึงเขามาขอร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งทางเพื่อนผมก็ได้อนุญาต เพราะเขารู้จักกันมาก่อนครับ และก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนคนล่าสุดของคนที่โพสต์ครับ"

"พอผมได้ยิน ผมก็กลัวนิดนึง ค่อนข้างระวังตัวมาก เพราะผมเคยมีประเด็นกับคนที่โพสต์มาก่อน และวันนั้นก็ไม่มีอะไรครับ น้องก็อยู่ที่โต๊ะไม่นาน แป๊บเดียว แล้วเขาก็ขอตัวกลับไป ผม 3 คนอยู่กันจนงานเลิก พองานเลิกเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้านปกติ ไม่ได้มีอะไรครับ"

"จนอีกวัน เป็นวันที่ 16 คนที่โพสต์ก็ได้ทักไลน์ส่วนตัวมาหาผม และยื่นข้อเสนอให้ผม 2 อย่าง ก็คือ 1.ให้ไปกราบเท้าขอโทษ 2.ก็คือจะแฉผม ซึ่งผมก็พยายามอธิบายทุกอย่างแล้ว แต่เขาไม่ฟังครับ"

"และผมก็ได้ให้เพื่อนสนิทของผม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขาด้วยที่อยู่ในเหตุการณ์วันสงกรานต์อะครับ ช่วยยืนยันอีกทีว่าไม่มีอะไร แต่ก็ไม่เป็นผลครับ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โพสต์ลงสตอรี่"

"พอผมเห็นสตอรี่เสร็จ ผมก็โทรตรงไปหาเขาเลย พอโทรไปผมก็พยายามจะอธิบายครับ แต่สิ่งที่ผมได้รับก็คือ คำขู่จากเพื่อนของเขา สุดท้ายก็ให้ไปกราบเท้าเช่นเดิม หลังจากนั้นเขาก็วางสายไป โดยที่ผมไม่ได้ตอบนะครับว่าจะไปหรือไม่ไป"

"ผมไม่มั่นใจว่าการที่ผมไปแล้ว มันจะมีอะไรกระทบกับตัวผมไหม ไม่รู้ว่าผมจะต้องเจออะไรบ้างถ้าผมไป เรื่องทั้งหมดก็มีประมาณนี้ครับ"

ออกัส วชิรวิชญ์

ตอนที่เขาทักไลน์มา มีข้อความอะไรก่อนที่เขาจะยื่นข้อเสนอให้เรากราบเท้าขอโทษไหม ?
"ไม่มีครับ ส่งมาคือเขามีตัวเลือกให้ 2 อย่าง แค่นั้นเลย ผมคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจผิดกับเรื่องในวันที่ 15 ครับ ตอนแรกผมคิดว่ามีคนเห็นแล้วเอาไปบอกเขา แต่ผมรู้มาว่า เป็นทางน้องผู้หญิงที่เป็นคนไปบอก แต่ไม่รู้ว่าบอกยังไง ผมไม่ทราบครับ"

วันนั้นเราได้มีท่าทีไปจีบ หรือทำให้ผู้หญิงเข้าใจผิดไหม ?
"ไม่มีครับ ไม่มีเลย เพื่อนที่อยู่โต๊ะกับผมยืนยันได้"

เรามีความรู้จักอะไรเป็นพิเศษไหม กับผู้หญิงของเขา ?
"ผมไม่รู้จักครับ เพิ่งเคยเจอ ทางเพื่อนผมยังบอกอยู่เลยว่านี่คือแฟนคนล่าสุดของเขา ผมไม่ได้มีคอนแท็กติดต่ออะไรกับน้องเขาเลย ผมเลยมั่นใจไงครับว่ามันไม่มีอะไร ถ้าผมไปคุยกับเขา ไปขอ IG ไปขอไลน์ ผมก็คงรู้สึกว่าผมผิด"

ที่เขาบอกว่าจะแฉ เรารู้ไหมตอนนั้นว่าเขาจะแฉเรื่องอะไร ?
"ไม่ทราบเหมือนกันครับ เพราะเรื่องก่อนหน้านี้มันก็นานแล้ว 3-4 ปีแล้ว และคิดว่าการตัดเพื่อนของเขาก็ไม่มีอะไรแล้วครับ เราก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แต่คือผมยังมองว่าเขาเป็นเพื่อนอยู่นะ ถึงเขาจะตัดไปก็ไม่เป็นไร แต่ผมก็ไม่ไปก้าวล่วงอะไรอีกเลย"

จากประเด็น 3-4 ปีที่แล้ว ก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรอีก ?
"ไม่เคยมีอีกครับ ผมก็เลยคิดว่าเป็นครั้งนี้ วันที่ 15 ที่มีปัญหา เพราะที่ผ่านมาเราได้ตัดขาดกันไปเลย"

เราค่อนข้างจะเซฟตัวเองพอสมควร ?
"ใช้คำว่าผมกลัวเลยดีกว่า ผมเลยตั้งใจที่ห่างและเซฟตัวเองมาก เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องเข้าใจผิด"

ตอนอยู่ที่โต๊ะ ได้มีการคุยหรือพูดถึงเขาบ้างไหม ?
"มีเพื่อนผมถามครับ ว่าเขาไม่มาเหรอ ผมก็ยังถามไปด้วยว่า เออ ไม่มาเหรอ เพราะผมคิดว่าผมอยากเจอด้วยซ้ำ มันผ่านมา 3-4 ปีแล้ว ลืมไปแล้วอะ อยากเจอ เผื่อได้คุยด้วยซ้ำ ในมุมผมนะ"

ไม่ได้มีอาการมึนเมาและเผลอเรออะไรใช่ไหม ?
"ไม่มีครับ ตอนนั้นไม่มีแก้วให้ชนด้วย ผมเลยยืนยันว่าไม่มีอะไรแน่นอน"

"และผมเชื่อว่าทางคนโพสต์ตอนนี้รู้แล้วว่ามันไม่ได้มีอะไร ตอนนั้นเขาน่าจะไม่ฟัง ตอนนี้ฟังแล้ว และมั่นใจแล้วว่าเรื่องนี้ผมไม่ผิดและให้เกียรติจริงๆ"

ชื่อเสียงเราถูกพูดไปในทางลบเยอะมาก จะใช้ข้อกฎหมายอะไรดำเนินคดีไหม ?
"ในส่วนของตัวผม ผมคงไม่ไปอะไรกับตัวเขาแล้ว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันได้เสียหายไปแล้ว ถึงผมจะไปทำอะไรเขา มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นครับ อันนี้ก็ต้องเป็นเรื่องของทางบริษัทผมครับ เพราะเขาก็เสียหายค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพรีเซ็นเตอร์ อีเวนต์ ซีรีส์ แฟนมีตติ้งทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย ทุกอย่างมีการเลื่อนและมีการยกเลิกด้วย ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกเสียใจกับทางบริษัทครับ"

"และผมก็เสียใจกับทางครอบครัวผมด้วย เพราะผมเป็นผู้ชายคนนึงที่เป็นเสาหลักของครอบครัว"

ออกัส วชิรวิชญ์

เรื่องนี้ให้บทเรียนกับเราอย่างไรบ้าง ?
"จากนี้เวลาจะทำอะไร หรือพิมพ์อะไร ก็คงต้องมีสติ และคิด ส่วนเรื่องความเป็นส่วนตัวของผมก็คงจะไม่มี"

ย้อนกลับไปเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ข้อความที่เราผิดดูค่อนข้างแรง เรามีเจตนาตามนั้นไหม ?
"ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ ที่ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันไม่ได้รุนแรง ด้วยความที่เราแชร์หรือคุยอะไรกันแบบนี้ ผมรู้ว่าผมจะคุยอะไรยังไงกับคนไหนได้ เราทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ก็พูดคุยกันเรื่องแบบนี้บ้างสำหรับผู้ชายนะครับ มันเลยเป็นเรื่องที่ถือวิสาสะแหละครับ แต่ผมไม่ได้มีเจตนาเหมือนในข้อความที่โพสต์ แค่คุยเล่นกับเพื่อน"

"แต่พอมันไปกระทบจิตใจของทางเขา ผมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจครับ ก็จะขอโทษ แต่เกิดการบล็อก ผมก็เปลี่ยนช่องทางในการติดต่อกับเขาเพื่อขอโทษ แต่ก็ไม่สำเร็จครับ ผมเลยให้เพื่อนที่สนิทกับเขาและผม มากกว่า 2-3 คน ให้ช่วยติดต่อเขาให้หน่อย ขอโทษแล้วไม่สำเร็จ อย่างน้อยนัดเจอกันไหม เคลียร์กันไหม จะโกรธก็เอาเลย แต่ผมไม่อยากตัดเพื่อนครับ เพราะมองว่าเรื่องพวกนี้กับเพื่อน เพื่อนสำคัญกว่า"

"ในส่วนตัวผมคือมองเขาเป็นเพื่อนเสมอ แต่เรื่องมันเสียหายไปเยอะครับ มันไม่ได้เสียหายแค่ผม จริงๆ แล้วผมอยากออกมาชี้แจงเรื่องที่มันเกินจริงไปด้วยครับ ที่บอกผมยังไม่เลิกพฤติกรรมแบบนี้ ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้คืออะไรก่อน ถ้าเป็นเรื่องนั้นก็คือไม่ใช่ เพราะฉะนั้นแล้วก็คือไม่จริงครับ"

"แล้วเรื่องที่บอกว่า ผมไปมีอะไรกับแฟนเก่าเพื่อน ไม่เคยนะครับ เวลาผมจะคุยกับใคร หรือจีบใคร ผมจะถามก่อนเสมอว่ามีแฟนอยู่หรือเปล่า ถ้ามีผมไม่เคยยุ่ง ไม่จำเป็นต้องของเพื่อนด้วยซ้ำ ของใครผมก็ไม่ยุ่งนะ เพื่อนสนิทรอบข้างจะรู้นิสัยผมทุกคนว่าผมเป็นยังไง ผมเต็มที่และเต็มร้อยกับเพื่อนเสมอ"

ที่ผ่านมาเราเป็นฝั่งอยากเคลียร์มาตลอด แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้ว ถ้าเขาขอเคลียร์ เราจะเคลียร์ไหม ?
"2 วันแรก ผมยังอยากเคลียร์อยู่นะครับ แต่พอหลังจากนั้นเรื่องมันใหญ่ครับ ผมไม่ได้ออกมาชี้แจงอะไรเลย ผมได้เข้าไปอ่านในโซเชียลว่าคนมองผมไปในทิศทางที่มันไม่ได้เป็นความจริง ผมอ่านแล้วมันก็เจ็บครับ ผมก็อดทนไม่ได้ทำอะไรเลย จนวันที่ 16 และวันนี้วันที่ 20 แล้ว ก็ทั้งเจ็บและก็อึดอัดครับ"

"สุดท้ายแล้ว ผมอยากจะขอบคุณคนที่ให้กำลังใจผม และรักผม ถึงสถานการณ์ตอนนี้มันจะเป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่ามันยากสำหรับทุกคนมากที่ยังคงเชื่อมั่นในตัวผม ผมขอบคุณจากใจมากครับที่ยังอยู่ข้างๆ กันอยู่"

"สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ ผมก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดใครได้ แต่ผมก็อยากบอกเอาไว้ว่า อยากให้ลองฟังความทั้ง 2 ด้านก่อน แล้วค่อยตัดสินใจใครสักคนนึงครับ"

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.