ส่องฟีเจอร์เด่น Toyota VELOZ 2024 คุ้มค่าสุดในกลุ่ม Mini MPV ไม่เกิน 9 แสนบาท

ส่องฟีเจอร์เด่น Toyota VELOZ 2024 ใหม่ หลังจากโตโยต้าเริ่มนำกลับมาวางจำหน่ายอีกครั้ง สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนเป็นเจ้าของรถครอบครัว 7 ที่นั่ง ในราคาไม่ข้าม 1 ล้านบาท จะคุ้มค่าน่าโดนมากน้อยแค่ไหน บทความนี้ Sanook Auto จะพาไปชมกันครับ

ราคาจำหน่ายทางการ Toyota VELOZ 2024 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย 

  • รุ่น Smart ราคา 795,000 บาท
  • รุ่น Premium ราคา 875,000 บาท

เครื่องยนต์และอัตราสิ้นเปลือง

Toyota VELOZ ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร รหัส 2NR-VE กำลังสูงสุด 106 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อม Sequential Shift ที่สามารถล็อกอัตราทดได้ รองรับน้ำมันทางเลือกสูงสุด E20

หนึ่งในจุดเด่นของ Toyota VELOZ คือ การติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT เทียบกับคู่แข่งหลายรุ่นในกลุ่มที่ยังคงเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองต่ำเพียง 17.9 กม./ลิตร (อ้างอิงตาม ECO Sticker)

ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์ 1,800 รอบต่อนาที

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเกียร์อัตโนมัติ CVT จะช่วยให้รอบเครื่องยนต์ต่ำขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง โดยที่ความเร็ว 100 กม./ชม. จะใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 1,800 รอบต่อนาทีเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมัน แต่ยังช่วยลดเสียงรบกวนและแรงสั่นจากเครื่องยนต์ที่เข้ามายังห้องโดยสารได้อีกด้วย จึงถือเป็นรถที่สามารถขับทางไกลได้อย่างสบาย

ฟีเจอร์เด่น Toyota VELOZ 2024

จุดขายอีกอย่างหนึ่งของ Toyota VELOZ ก็คือเรื่องของความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จ่ายไป เนื่องจากมีการอัดออปชันแน่นชนิดที่รุ่นใหญ่กว่ายังต้องอาย แถมยังได้ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง เหมาะสำหรับครอบครัวขยายที่มีเด็กและผู้สูงอายุ สามารถเดินทางไปพร้อมกันด้วยรถเพียงคันเดียว

ภายนอกของรุ่น Premium ถูกติดตั้งระบบไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟหรี่แบบ LED Light Guiding และไฟเลี้ยวแบบ Sequential รวมถึงติดตั้งไฟตัดหมอกคู่หน้าเสริมความปลอดภัยยามฝนตกหนัก

นอกจากไฟหน้าจะมีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติตามสภาพแสง (ซึ่งมีให้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น) ยังมีระบบ Follow-Me-Home ที่คอยหน่วงการปิดไฟหน้า และ Leaving Home Lamp ที่สามารถส่องสว่างเพื่อนำทางมายังตัวรถได้

ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายแบบ LED Light Guiding โดดเด่นยามค่ำคืน พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED เช่นกัน

กระจกมองข้างของทั้ง 2 รุ่นย่อย เป็นแบบปรับไฟฟ้าและพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED

บริเวณใต้กระจกมองข้างยังมีไฟส่องสว่างบริเวณพื้น (Foot Lamp) แบบ LED มาให้ด้วย ซึ่งจะค่อยๆ สว่างเองโดยอัตโนมัติเมื่อเดินเข้าใกล้ตัวรถ หรือกดปุ่มปลดล็อกบนกุญแจรีโมตก็ได้เช่นกัน เหมาะอย่างยิ่งเวลาจำเป็นต้องจอดรถในที่มืดๆ เพราะช่วยให้มองเห็นพื้นที่ด้านข้างได้

ระบบกุญแจเป็นแบบ Smart Entry ที่สามารถสั่งล็อก-ปลดล็อกรถบริเวณมือเปิดประตูคู่หน้า ทำงานคู่กับปุ่ม Push Start ที่อยู่ภายในห้องโดยสาร

รุ่น Premium ถูกติดตั้งล้ออัลลอยแบบปัดเงาสีทูโทนขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 205/50 R17 หุ้มด้วยยาง Bridgestone T005A ที่โดดเด่นเรื่องความนุ่มเงียบ

ดีไซน์ด้านข้างตัวรถแม้ว่าจะถูกออกแบบโครงสร้างเน้นความสูงโปร่ง แต่ก็มีเส้นสายประตูที่โค้งมนช่วยให้ตัวรถดูโฉบเฉี่ยว เสริมความหรูหราด้วยเส้นโครเมียมที่ลากยาวต่อเนื่องตั้งแต่ไฟหน้าไปจนถึงด้านท้าย

เมื่อเปิดประตูท้ายก็จะพบกับพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดพอประมาณ โดยหากยกพนักพิงแถวที่ 3 ก็จะเห็นว่ามีขนาดใหญ่พอที่จะวางกระเป๋าเดินทางขนาด Carry-on ได้ 3 ใบแบบสบายๆ

แต่เมื่อพับพนักพิงแถวที่ 3 ลง จะเห็นว่าพื้นที่เก็บสัมภาระมีขนาดใหญ่โตจนแทบขึ้นไปนอนกลิ้งได้เลยทีเดียว (กะด้วยสายตาเดาว่าน่าจะใส่กระเป๋าเดินทางขนาด 26 นิ้ว ได้ถึง 4 ใบ)

ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำ เสริมความพรีเมียมด้วยการตัดสีขาวเข้าไปตามจุดต่างๆ เบาะนั่งเป็นแบบหุ้มหนังสังเคราะห์สลับผ้า ซึ่งมีข้อดีคือไม่สะสมความร้อนเหมือนกับเบาะหนัง สามารถปรับระดับสูง-ต่ำฝั่งผู้ขับขี่ได้

เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับเอน และปรับเลื่อนหน้า-หลังได้อย่างอิสระ เหมาะสำหรับการเดินทางไกลเป็นระยะเวลานานๆ เพราะสามารถปรับตำแหน่งให้เข้ากับสรีระของผู้โดยสารแต่ละคนได้

เบาะนั่งของ Toyota VELOZ ยังสามารถปรับรูปแบบได้ถึง 7 แบบ จะนั่งโดยสารก็ดี หรือจะขนของก็สบาย หรือแม้แต่จะพับราบเพื่อนอนสบายๆ ก็ยังได้

บริเวณเหนือเพดานเบาะนั่งแถวที่ 2 เป็นระบบปรับอากาศแยกอิสระสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ให้ความเย็นเจี๊ยบหายห่วงตามสไตล์โตโยต้า รวมถึงมีช่องจ่ายไฟแบบ USB มาให้ 2 ตำแหน่งอีกด้วย

บริเวณด้านหลังพนักพิงเบาะนั่งคู่หน้ายังมีการติดตั้งกระเป๋าเก็บสัมภาระ ที่ซอยย่อยเป็นช่องขนาดเล็ก สามารถวางโทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวก ไม่เลื่อนไปมาเหมือนกับการวางไว้บนเบาะหรือช่องเก็บของข้างประตู

ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถขยายเพิ่มพื้นที่วางขาด้วยการเลื่อนเบาะแถวที่ 2 ไปด้านหน้า จะช่วยให้ผู้โดยสารสามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น

เบื้องหน้าผู้ขับขี่เป็นหน้าจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมแสดงความเร็วแบบ Digital สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ถึง 4 รูปแบบตามชอบ

หน้าจอ MID ยังสามารถตั้งค่าเพื่อแสดงฟังก์ชันได้หลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราสิ้นเปลือง, ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense, อุณหภูมิภายนอก หรือแม้แต่เปลี่ยนเสียงไฟเลี้ยวก็ยังได้!

บริเวณช่องแอร์ฝั่งชิดประตูทั้ง 2 ข้าง ยังมีที่วางแก้วน้ำมาให้ด้วย หากวางน้ำขวดทิ้งไว้ซักครึ่งชั่วโมงรับรองเย็นเจี๊ยบชื่นใจ

ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติแสดงผลแบบ Digital ให้ความเย็นรวดเร็วทันใจ แม้ว่าจะปรับไปที่ 28 องศาก็ยังเข้าขั้นหนาว เหมาะสำหรับสภาพอากาศร้อนๆ ของบ้านเราเป็นอย่างดี

ไล่ลงมาบริเวณคันเกียร์จะพบกับตำแหน่ง "+" และ "-" สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง ใกล้กันยังมีสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) มาให้

แน่นอนว่ารถยุคนี้ต้องมีที่ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) มาให้ด้วย พร้อมแถบยางกันลื่นที่ช่วยลดการขยับตัวขณะรถกำลังเคลื่อนที่

อีกหนึ่งจุดเด่นก็คือไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร (Ambient Light) สีน้ำเงิน ประดับทั้งบริเวณแผงคอนโซลกลางและแผงประตู เพิ่มบรรยากาศยามค่ำคืนให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

Toyota Veloz รุ่น Premium ถูกติดตั้งหน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านสาย USB (ที่ด้านหน้าจะมีช่อง USB-A ให้ 2 ตำแหน่ง) หรือจะเชื่อมต่อผ่านระบบ Bluetooth เพื่อฟังเพลงหรือคุยโทรศัพท์ก็ได้เช่นกัน ติดตั้งลำโพงมาให้ 6 ตำแหน่ง

รุ่น Premium สามารถแสดงภาพจากกล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) ที่มีมุมมองภาพแบบ Bird eye view สามารถกะระยะได้ง่าย โดยเฉพาะการถอยเข้าช่องจอด รวมถึงมีเซ็นเซอร์กะระยะท้ายมาให้ด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถเปิดโหมด "ข้อมูลยานพาหนะ" เพื่อแสดงการองศาการเอียงของตัวรถ อุณหภูมิภายนอก อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น และแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่ได้อีกด้วย

บริเวณแผงบังแดดฝั่งผู้โดยสารตอนหน้ามีกระจกแต่งหน้าพร้อมฝาปิด รวมถึงมีไฟส่องสว่างมาให้ด้วย

ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense

Toyota Veloz รุ่น Premium จะถูกติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูง Toyota Safety Sense ที่ประกอบไปด้วย 5 ฟังก์ชัน ได้แก่

  • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert)
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (Front Departure Alert)
  • ระบบป้องกันการเหนียบคันเร่งแบบผิดวิธี (Pedal Misoperation Control)

ขณะที่ระบบความปลอดภัยอื่นๆ ของทั้ง 2 รุ่นย่อย ถูกติดตั้งเหมือนกันทั้งหมด ได้แก่ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (BSM), ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (RCTA), ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน (EBS), ระบบเซ็นทรัลล็อกพร้อม Speed Auto Lock, จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลมนิรภัย

โปรโมชัน Toyota VELOZ 2024 ดอกเบี้ย 0%

สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถระหว่าง 1 - 31 พฤษภาคม 2567 จะได้รับโปรโมชันดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care รวมถึงการขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพจาก 3 ปี เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงเช็กระยะจนถึง 100,000 กม. (มูลค่า 19,000 บาท) สามารถเป็นเจ้าของได้ที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.