SET ยังอ่อนแรง รอทดสอบจุดต่ำเดิมบริเวณ 1,462 จุด

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET ยังเป็นสัญญาณลบ ยังไม่เกิดจุดกลับตัว และไหลลงต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่จุดต่ำเดิมบริเวณ 1,462 จุด หากต่ำกว่าเป็นสัญญาณลบต่อ และมีแนวรับถัดไป 1,450 จุด ด้านการฟื้นตัวถูกจำกัดที่กรอบบนบริเวณแนวต้าน 1,485 จุด และจุดติดตามบริเวณ 1,505 จุด หากกลับมาขึ้นทะลุผ่านได้ เริ่มเป็นสัญญาณบวก

ทั้งนี้ แม้เดือน ก.ย. ตลาดหุ้นไทยจะไม่สามารถสวนกระแสตลาดหุ้นทั่วโลกได้ โดย SET Index ปรับตัวลงและปิดหลุด1,500 จุด เป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ แต่ถือว่าตลาดหุ้นไทยยัง Outperform เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในเอเชีย 

ขณะที่เดือน ต.ค. คาด SET เริ่มปรับตัวดีขึ้น จากคาดหวังมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ดี ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ไม่สดใสและการรายงานตัวเลข เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัว คาดจะยังกดดันบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้ฟื้นตัวช้าหรือปรับขึ้นได้ไม่แรงมากนักกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้นเก็งกำไร โดยแนะนำทยอยซื้อสะสมสำหรับหุ้นที่ราคา Oversold และยังมีปัจจัยพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) คาดราคาหุ้นจะรีบาวด์ได้ดี หาก SET ฟื้นตัว เลือก CPALL TOP CPN BDMS MINT

2) หุ้นเก็งกำไรในธีมปิโตรดอลลาร์ โดยได้อานิสงส์จากกำลังซื้อของตลาดตะวันออกกลางดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น 10%QoQ ในไตรมาส 3/2566 เลือก BH (ผู้ป่วยตะวันออกกลางดีขึ้น) 

3) หุ้นเก็งกำไรจากราคานํ้ามัน กรงติวอยู่ในระดับสูง เลือก PTTEP BCP ทั้งนี้จะเริ่มเพิ่มความระมัดระวังการเก็งกำไรหาก Brent เกิน 100 เหรียญสหรัฐ

4) หุ้นชื้อลงทุน โดยคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 จะเติบโตดี และยังมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่องในไตรมาส4/2566 เลือก BCH HANA KCE AOT ERW KLINIQ 

ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MIC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ KLINIQ หนึ่งในผู้นำคลินิกเวชกรรมด้านผิวหนังความงามของไทย ซึ่งมี ศักยภาพเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยปี 2566-2567 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 32% จากตลาด Wellness ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ไตรมาส3/2566 คาดสร้างสถิติทำกำไรสุทธินิวไฮ 74 ล้านบาท เติบโต 67%YoY และ 5%QoQ

KTB ไตรมาา 3/2566 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น 22%YoY (NII สูงขึ้น) และ 2%QoQ (NII สูงขึ้น, ECL สูงขึ้น, opex สูงขึ้น) ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 22%YoY อีกทั้งมองจะเป็นธนาคารที่มี NIM ขยายตัวมากที่สุดและมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.