ตลาดหุ้นกู้เสี่ยงรับแรงกระแทก หลัง AJA ยกเลิกเพิ่มทุน SABUY

ตลาดหุ้นกู้ยังคงเป็นที่น่าจับตามองอยู่ตลอดเวลา จากการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ หรือขอขยายระยะเวลากำหนดไถ่ถอนออกไปของหลายๆ บริษัทในช่วงที่ผ่านมา อาทิ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK, บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD, บริษัท ออลล์ อินสไปร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL

และที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ คือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ที่ได้ขอขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนออกไป พร้อมเสนอเพิ่มดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่ขอขยายวันครบกำหนดดังกล่าวจำนวน 2 รุ่น อีกเช่นเดียวกัน โดย EA248A ผ่านพ้นไปด้วยดี ส่วน EA249A องค์ประชุมไม่ครบ ต้องเลื่อนโหวตไปเป็นวันที่ 23 ส.ค.นี้  

ล่าสุด ตลาดหุ้นกู้ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับแรงกระแทก จากกรณีของ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ที่เพิ่มทุนเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 1,610 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ให้แก่บุคคลในวงจำกัด ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.00 บาท

แบ่งออกเป็น (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 500 ล้านหุ้น ให้แก่นางสาวเกษรา โล่ห์ทองคำ (2) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 700 ล้านหุ้น ให้แก่ บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA (3) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 360 ล้านหุ้น ให้แก่ Holding L และ (4) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 50 ล้านหุ้น ให้แก่นายวริศ ยงสกุล 

การเพิ่มทุนครั้งนี้ SABUY จะได้รับเงิน 1,610 ล้านบาท หวังที่จะนำเงินไปชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนดปลายปี 2567 รุ่น 2 และชำระคืนดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2-5 รุ่น รวม 1,250 ล้านบาท รวมทั้งเป็นค่าตอบแทนในการเข้าทำรายการตามกระบวนการโอนและรับโอนกิจการทั้งหมด (Entire BusinessTransfer หรือ EBT) ของ Holding L จำนวน 360 ล้านบาท

แต่แล้ว AJA ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ที่ SABUY จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้นั้น กลับยกเลิกการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SABUY เนื่องจากความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ซึ่งเห็นว่าราคาที่บริษัทเข้าจะทำรายการในครั้งนี้ไม่เหมาะสม ทั้งนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาแล้วเห็นด้วยกับความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อมิให้บริษัทต้องรับความเสี่ยงและผลกระทบจากการเข้าทำรายการดังกล่าว

ซ้ำรอยกับที่ Lightnet Pte. Ltd. (Lightnet) ที่มี “ชัชวาลย์ เจียรวนนท์” ถือหุ้นในสัดส่วน 69.54% และนายอานนท์ชัย วีระประวัติ รวมถึง Hiwell Global Co., Ltd. ยกเลิกการเข้าลงทุนตามแผนการเพิ่มทุนไปก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม SABUY ยังคงเดินหน้าเพิ่มทุนให้แก่ผู้ร่วมทุนรายอื่น เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินของกลุ่มบริษัทต่อไป โดยเดิมทีจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 1,610 ล้านหุ้น ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) เหลือจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 910 ล้านหุ้น ให้แก่ Private Placement 

แบ่งออกเป็น (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 500 ล้านหุ้น ให้แก่ นางสาวเกษรา โล่ห์ทองคำ (2) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 360 ล้านหุ้น ให้แก่ Holding L และ (3) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 50 ล้านหุ้น ให้แก่ นายวริศ ยงสกุล 

ดังนั้น SABUY จะได้รับเงินจากการเพิ่มทุน PP ครั้งนี้ จำนวน 910 ล้านบาท ขณะที่วัตถุประสงค์ในการใช้เงินจากการเพิ่มทุน PP ส่วนหนึ่งต้องนำไปชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนดปลายปี 2567 รุ่น 2 และชำระคืนดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2-5 รุ่น รวม 1,250 ล้านบาท มากกว่าเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน !!

ก็คงต้องจับตาว่า SABUY จะนำเงินจากที่ไหนมาเพิ่มให้ครบ ซึ่งอาจเป็นเงินที่ได้รับจากการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิฯ ก็เป็นได้ เพื่อชำระคืนหนี้หุ้นกู้ หรือจะต้องขอยืดหนี้ออกไปตามระเบียบอย่างรายอื่นๆ ก็รอดูกันต่อไป...

SABUY งบ Q2/67-ครึ่งปีแรก พลิกขาดทุนอ่วม

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 SABUY พลิกขาดทุนสุทธิ 2,914.6 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 179.6 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรก ปี 2567 มีผลขาดทุนสุทธิ 4,875.3 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 346.6 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นผลจากในไตรมาส 2/2567 SABUY ถูก Force sell เงินลงทุนใน SBNEXT และ AS เพื่อลดภาระหนี้กับบริษัทหลักทรัพย์ จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ SABUY รับรู้ผลขาดทุนจากการจำหน่ายเงินลงทุน จำนวนเงินรวม 602.35 ล้านบาท และรับรู้ผลขาดทุนจากการเสียอำนาจการควบคุมในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม จำนวนเงินรวม 1,400 ล้านบาท รวมไปถึงการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยมและสินทรัพย์ไม่มีตัวตน จำนวนเงิน 354.73 ล้านบาท สำหรับกลุ่มธุรกิจที่มีการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินธุรกิจใหม่