SABUY เปลี่ยนโครงสร้าง ผถห.ใหญ่ “วริศ ยงสกุล” ขึ้นเบอร์ 1-เสี่ยยักษ์ อันดับ 13

นายวิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ตามที่บริษัทปิดสมุดทะเบียนเพื่อประชุมผู้ถือหุ้น ดังนี้

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ข้างต้น ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด 

โดยจากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ณ วันที่ 19 ก.ค.2567 ไม่มีชื่อ นายชูเกียรติ รุจนพรพจี อยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรก จากเดิมข้อมูล ณ วันที่ 24 เม.ย.2567 ถือหุ้นจำนวน 191,820,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10.86% เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1   

ขณะที่ นายวริศ ยงสกุล ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 19 ก.ค.2567 ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ถือหุ้นจำนวน 102,590,700 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.81% 

สำหรับ นายวริศ ยงสกุล เป็นหนึ่งในรายชื่อที่ SUBUY จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 50,000,000 หุ้น และออกกใบสำคัญแสดงสิทธิฯ (SABUY-W4) จำนวน 50,000,000 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า 

ประวัติ “วริศ ยงสกุล” 

สำหรับ “วริศ ยงสกุล” เป็นทายาทรุ่นที่ 2 แห่งกลุ่มบริษัท โบ๊ท ลากูน ยอช์ตติ้ง ลูกชายของ “คณิต ยงสกุล” และ “วัชรี โพธิวิหค”  สำเร็จการศึกษาปริญญาโทด้าน Civil Engineering จาก Imperial College ประเทศอังกฤษ 

โดย “วริศ ยงสกุล” ได้เข้ามาสานต่อธุรกิจที่คุณพ่อพลิกฟื้นเหมืองแร่ดีบุกให้เป็นท่าเทียบเรือแห่งแรกในไทย จนกลายเป็นธุรกิจซื้อขายเรือครบวงจรติดอันดับโลก นำเข้าเรือหรูหลายยี่ห้อ อาทิ Princess Yachts, Jeanneau และ เรือซุปเปอร์ยอช์ต อย่าง Burgess 

“เสี่ยยักษ์” ถือหุ้นอันดับ 13 

ขณะเดียวกัน เมื่อสำรวจรายชื่อข้อมูลผู้ถือหุ้นของ SABUY จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า มีรายชื่อผู้ถือหุ้นหลายรายที่น่าจับตา โดยเฉพาะ นายวิชัย วชิรพงศ์ หรือเสี่ยยักษ์ ถือหุ้นอยู่ในอันดับ 13 จำนวน 17,041,700 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.96%   

ทั้งนี้ “เสี่ยยักษ์” เป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ SABUY ก่อนเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปี 2563 โดย “เสี่ยยักษ์” ถือหุ้นอยู่ทั้งหมดประมาณ 328 ล้านหุ้น และทยอยขายออกไปอย่างต่อเนื่อง จนคงเหลืออยู่เพียง 40 ล้านหุ้น ซึ่งได้เสนอขายออกมาพร้อมกับไอพีโอเมื่อปี 2563 

ดังนั้น ทำให้เมื่อ SABUY เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปี 2563 ไม่มีชื่อ “เสี่ยยักษ์” มาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกเลย จนกระทั่งข้อมูลผู้ถือหุ้น SABUY ณ วันที่ 19 ก.ค.2567 กลับปรากฎชื่อ “เสี่ยยักษ์” กลับมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกครั้ง  

หรือจะเป็นไปได้ว่า มี “ชูเกียรติ รุจนพรพจี” ไม่มี “เสี่ยยักษ์” ถ้ามี “เสี่ยยักษ์” ก็ต้องไม่มี “ชูเกียรติ รุจนพรพจี” ก็แค่สงสัย!!

มีอะไรในกอไผ่??