WHA เดินหน้า Green Logistics รถขนส่งไฟฟ้า-สถานีชาร์จ ตั้งเป้าเซ็น 1,000 คัน

     นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้ายกระดับองค์กรในทุกมิติเพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 นี้ ภายใต้ภารกิจ “Mission To The Sun” โดยมุ่งเน้นโครงการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล การสร้างผลิตภัณฑ์ และมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ พร้อมเสริมศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทโดยโครงการที่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ โครงการ Green Logistics ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา WHA Green Mobility Platform (W-GMP) ที่รวมบริการต่างๆ สำหรับลูกค้ายานยนต์ไฟฟ้าภาคธุรกิจตั้งแต่การบริหารยานพาหนะ (Fleet Management) การวางแผนเส้นทาง (Route Optimization) จนถึงการเชื่อมโยงโครงข่ายสถานี อัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EV Roaming) โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดตัวแพลตฟอร์ม W-GMPได้ภายในไตรมาส 2/2567 ด้วยแพลตฟอร์มดังกล่าว บริษัทถือเป็นผู้ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้ารายแรกที่ให้บริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศ (End-to-end process) 

     ทั้งนี้ บริษัทพัฒนาโครงการ AI Transformation จำนวน 12 โครงการ ที่เน้นการนำเทคโนโลยี AI อย่าง AI & ML Data Insight, AI Cybersecurity และ Generative AI มาขับเคลื่อนองค์กรที่เป็นการพัฒนาต่อยอดโครงการ Digital Transformation กว่า 38 โครงการ

    ล่าสุดบริษัทจัดตั้ง บริษัท โมบิลิกส์ จำกัด (Mobilix) แบรนด์ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/67 ประสบความสำเร็จมีลูกค้าเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้าไปแล้วกว่า 176 คัน และคาดว่าทั้งปี 2567 จะมีลูกค้าเข้ามาเซ็นสัญญาเพิ่มได้ถึง 1,000 คัน ตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้

    "บริษัทเน้นให้ความสำคัญกับการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในภาคขนส่งของประเทศ ภายใต้การลงทุนในโครงการ Green Logistics ที่ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร อาทิ การให้บริการรถขนส่งไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ การติดตั้งระบบชาร์จ สถานีชาร์จ พร้อมด้วย WHA Green Mobility Platform (W-GMP) แพลตฟอร์มที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ให้กับลูกค้า"

     WHA รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 3,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% และกำไรสุทธิ 1,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161% ตามลำดับ ขณะที่รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 3,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% และกำไรปกติ 1,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 154% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากอัตราการเติบโตของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจที่สร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

     นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติม สำหรับงวดปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.1170 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผล 24 พฤษภาคม 2567 สะท้อนศักยภาพความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

     ธุรกิจโลจิสติกส์ ในไตรมาส 1/2567 มีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน คลังสินค้าสำเร็จรูป เพิ่มรวม 29,623 ตารางเมตร และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงจำนวน 33,455 ตารางเมตร ทำให้บริษัทมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 2,960,056 ตารางเมตร ส่งผลให้ไตรมาส 1/2567 บริษัทรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 297 ล้านบาท

     สำหรับโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21 หลังจากที่เฟส 1 มีผู้เช่าเต็มพื้นที่แล้ว บริษัทจึงเร่งพัฒนาเฟส 2 เพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ล่าสุดบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์ได้ลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่เพิ่มเติมกว่า 10,800 ตารางเมตร จากเดิมที่ได้เช่าพื้นที่ไปแล้ว 46,200 ตารางเมตร และยังมีแผนเช่าพื้นที่คลังสินค้าในเฟส 2 เพิ่มอีก 9,000  ตารางเมตร

     “โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23 โปรเจกต์ที่ 3 พื้นที่รวมกว่า 91,000  ตารางเมตร บนที่ดิน 102 ไร่ รองรับกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรม อาทิ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ผู้ผลิตสินค้า และผู้ให้บริการขนส่งสินค้า ควบคู่ไปกับแผนพัฒนาโครงการใหม่บนที่ดิน 300 - 400 ไร่ บนทำเลยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ รองรับความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้า หรือ โรงงานคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้น และร่วมมือกับบริษัท ไดวะ เฮ้าส์ อินดัสทรี คัมปะนี ลิมิเต็ด เปิดศูนย์โลจิสติกส์ “DPL Vietnam Minh Quang” บนพื้นที่ใช้สอย 42,330 ตารางเมตร ภายในเขตอุตสาหกรรมมินห์กวาง จังหวัดฮึงเอียน ประเทศเวียดนาม ซึ่งได้วางศิลาฤกษ์และเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา”

     ส่วนแผนการขายทรัพย์สินหรือสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART และ WHAIR รวมประมาณ 213,000  ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่าราว 5,290 ล้านบาท บริษัทเตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหน่วยกองทรัสต์ WHART และ WHAIR เพื่อขออนุมัติในช่วงไตรมาส 2/2567

     ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ไตรมาส 1/2567 บริษัทมียอดการโอนที่ดินสูงขึ้นมากกว่าสองเท่าตัวจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอานิสงส์จากการย้ายฐานการลงทุนและการผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายที่ดินรวม 629 ไร่ (ไทย 575 ไร่ / เวียดนาม 55 ไร่) และยอดลงนาม MOU รวม 715 ไร่ (ไทย 669 ไร่ / เวียดนาม 46 ไร่) ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 2,130 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้า (Backlog) สูงถึง 1,087 ไร่ (ไทย 1,052 ไร่ / เวียดนาม 34 ไร่)

     “ปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายที่ดินเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับลูกค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่จากประเทศจีน ตอกย้ำการเป็นจุดหมายด้านการผลิตและการลงทุนของภูมิภาคที่สำคัญของอุตสาหกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) อย่างอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ยานยนต์ไฟฟ้า และ ดิจิทัล”

     ปัจจุบัน บริษัทมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งประเทศไทยและเวียดนามทั้งหมด 77,600 ไร่ รวมพื้นที่ซึ่งเปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทยจำนวน 12 แห่ง อีกทั้งยังมีโครงการพัฒนานิคมฯใหม่และขยายนิคมฯ รวม 7 โครงการ บนพื้นที่รวมเกือบ 10,000 ไร่ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,000 ไร่ ในปี 2570 สำหรับโครงการนิคมฯ ใหม่ล่าสุด ได้แก่ โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (3,400 ไร่) บริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในสิ้นปี 2567 นี้ 

     สำหรับประเทศเวียดนาม บริษัทมีเขตอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้วและกำลังพัฒนารวม 22,815 ไร่ (3,650 เฮกตาร์) ประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 - เหงะอาน ซึ่งเฟส 1 มีผู้เช่าเกือบเต็มพื้นที่แล้ว และเฟส 2 ซึ่งมีลูกค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำได้เช่าพื้นที่ไปแล้วรวมกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่เฟส 2  จากความสำเร็จของทั้ง 2 เฟส บริษัทเร่งพัฒนาเฟส 3 เบื้องต้นอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตคาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายเขตอุตสาหกรรมใหม่อีก 3 โครงการในจังหวัด Thanh Hoa และ Quang Nam

     ธุรกิจสาธารณูปโภค(น้ำ) ภาพรวมผลประกอบการธุรกิจน้ำปรับตัวดีต่อเนื่องส่งผลให้บริษัทรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานจากการลงทุนในบริษัทร่วมในธุรกิจสาธารณูปโภคในไตรมาส 1/67 เท่ากับ 771 ล้านบาท โดยมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม 40.3 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นปริมาณการจำหน่ายน้ำภายในประเทศ 32.2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากการเติบโตขึ้นของปริมาณยอดจำหน่ายน้ำทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม และน้ำดิบที่มีความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ากลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี นอกจากนี้ บริษัทลงนามในสัญญาการให้บริการน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง(Premium Clarified Water) ปริมาณการผลิต 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ให้กับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงเดือนกันยายนนี้ 

     ขณะที่ปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในประเทศเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/2567 บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 8.2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากปริมาณยอดขายและการบริหารน้ำของโครงการ Duong River เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการขยายพื้นที่การให้บริการและปริมาณความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่

     ธุรกิจไฟฟ้า บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากการดำเนินงานจากการลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าไม่นับรวมกำไร/ขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในไตรมาส 1/2567 เท่ากับ 352 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าโดยรวมเพิ่มขึ้น จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของกลุ่มโรงไฟฟ้า GHECO-One ที่เพิ่มขึ้นจากการหยุดซ่อมบำรุงลดลง ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPPs ที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

     ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในไตรมาส 1/2567 บริษัทได้ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มอีก 16 สัญญา แบ่งเป็นโครงการ Private PPA 15 สัญญา มีกำลังการผลิตประมาณ 59 เมกะวัตต์ และโครงการ EPC Service 1 สัญญา กำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 มีการเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสมรวม 242 เมกะวัตต์ นอกจากนี้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์รวม 125 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ราว 792 เมกะวัตต์

     ส่วนโครงการที่บริษัทได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานในการได้สิทธิ์เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Feed in Tariff (FiT) เฟส 1 จำนวน 5 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ บริษัทคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ภายในไตรมาส 2/2567
     
 

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น "WHA" ซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้(13 พ.ค.67) ณ เวลา 11.21 น. อยู่ที่ 5.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท คิดเป็น +4.95% มูลค่าการซื้อขาย 513.54 ล้านบาท ราคาขึ้นสูงสุด 5.40 บาท และลดลงต่ำสุด 5.15 บาท

     ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ในช่วง 3 ปีข้างหน้า WHA มีแผนที่จะสร้างนิคมฯ และขยายพื้นที่นิคมฯเดิม รวมเกือบ 10,000 ไร่ ส่งผลให้WHA มีพื้นที่นิคมฯในไทยกว่า 52,000 ไร่ และโครงการ WHA ESIE 5 ขนาด 3,400 ไร่ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2567 นี้ สำหรับนิคมฯเวียดนาม ปัจจุบันมีที่ดินรวมกว่า 23,000 ไร่ โดย WHA กำลังขยายพื้นที่เพิ่มซึ่งอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตจากภาครัฐเวียดนามโดยคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตภายในปีนี้เช่นกัน นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินว่ามีโอกาสสูงที่ WHA จะปรับเป้าหมายการขายที่ดินปี 2567 ที่ 2,275 ไร่ (ไทย 1650 ไร่ , เวียดนาม 625 ไร่) เนื่องจากยอดขายที่ดิน 1Q67 ทำได้ 630 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 28 ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2567โดยไตรมาส 1 มักจะเป็นงวดที่มียอดขายที่ดินต่ำสุดในรอบปี 

     นอกจากนี้ outlook ของนิคมฯ ยังคงสดใสมาก BOI เผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน 1Q67 เติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยมีคำขอรับการส่งเสริม 724 โครงการ (+94%YoY) รวมเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 228,207 ล้านบาท (+31%YoY) นำโดย 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ (77,194 ล้านบาท) ยานยนต์และชิ้นส่วน (21,328 ล้านบาท) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์(17,672 ล้านบาท

     ด้วยปัจจัยต่างๆที่หนุนธุรกิจนิคมฯ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลให้เกิด sentiment การย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้าไทยสะท้อนจากยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่ปรับเพิ่มทั้งมูลค่าและจำนวนโครงการ ประกอบกับทาง WHA ที่มีแผนที่จะสร้างนิคมฯในไทยและเวียดนามเพิ่มอีกจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสม โดยอิง Historical PER 10ปีย้อนหลัง อยู่ที่ 20 เท่า ได้ราคาเหมาะสม 5.95 บาท มี upside 18% ให้คำแนะนำเป็น Outperform 

     บล.ยูโอบีเคย์เฮียน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6 บาท WHA รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 1,400 ล้านบาท (+161%yoy,-44%qoq) สูงกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์และตลาดคาดที่ 46% และ 70% ตามลำดับ กำไรสุทธิสูงกว่าที่คาดหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาด และ SG&A-to-sales ที่ต่ำกว่าคาด แนวโน้มปี2024 คงมุมมองเชิงบวกต่อ WHA จาก Demand ที่แข็งแกร่งจากหลากหลายตัวอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะหนุนยอดขายที่ดิน

เชียร์ซื้อ แนวต้าน 5.55-5.80 บ.

     บล.กรุงศรี ระบุว่า WHA ราคาปรับขึ้นแรงรับรายงานกำไร 1Q24F แข็งแกร่ง และยังมีโมเมนตัมดีระยะถัดไป อานิสงส์นโยบายรัฐบาลไทยเร่งดึง FDI ผสาน มีจิตวิทยาบวกกรณีวันอังคาร 14 พ.ค.67 สหรัฐฯเตรียมเพิ่มภาษีนำเข้ากับจีนในสินค้าบางรายหนุนภาพการย้ายฐานการผลิตมาในอาเซียน รวมถึงไทย บวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย  5.55 / 5.8 บาท แนวรับ 5.15 / 5.05 บาท จุด Cut loss ต่ำกว่า 5 บาท

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.