ฮั่วเซ่งเฮงคาดทองโลกจ่อ3,000ดอลลาร์ชี้สงครามระอุดันราคาร้อนแรง
ฮั่วเซ่งเฮงมองสถานการณ์ทองคำสัปดาห์นี้ว่า ด้วยทองคำยังคงมีแรงซื้ออย่างแข็งแกร่ง แม้จะเผชิญแรงเทขายออกมาบ้าง แต่ทุกครั้งที่มีแรงขายออกมา ก็จะมีแรงซื้อกลับที่ค่อนข้างแข็งแกร่งกว่า แม้เงินดอลลาร์จะแข็งค่า แต่ไม่ได้กระทบต่อราคาทองคำเท่าไหร่นัก ซึ่ง ณ ตอนนี้คาดว่าประเด็นหลักที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้ นั่นคือ แรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งล่าสุดอิหร่านส่งโดรนโจมตีอิสราเอลหลายสิบลำ เปิดปฎิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยก่อนหน้านี้กองกำลังพิทักษ์การปฎิวัติอิหร่านยึดเรือสินค้าเกี่ยวข้องกับระบบไซออนิสต์ที่มีความเชื่อมโยงกับอิสราเอลได้ ซึ่งใกล้บริเวณช่องแคบฮอร์มุส ซึ่งเป็นน่านน้ำสำคัญต่อการค้าโลก ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการตอบโต้อิสราเอลตามที่เคยประกาศไว้หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม การโจมตีจากอิหร่านนั้นอาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะทำให้สงครามบานปลายมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่ใช่สงครามตัวแทน (Proxy war) อีกต่อไป อาจจะนำไปสู่สงครามโดยตรง (Direct war) ซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่สหรัฐเข้ามาร่วมวงเพื่อสนับสนุนอิสราเอลด้วยเช่นกัน ดังนั้นในเมื่ออิสราเอลเป็นฝ่ายโจมตีสถานกงสุลของอิหร่านก่อนแล้ว การกระทำของอิหร่านในครั้งนี้ ก็น่าจะเป็นการตอบโต้ที่พอสมควร หากเป็นไปในลักษณะนี้ สถานการณ์ก็น่าจะไม่ลุกลามรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งกรณีที่สหรัฐหรืออิสราเอลเลือกที่จะโจมตีไปยังกลุ่มก่อการร้ายหรือกลุ่มที่มองได้ว่าเป็นพันธมิตรของอิหร่าน แต่ไม่ได้โจมตีอิหร่านโดยตรง กรณีนี้ ผลกระทบก็น่าจะรุนแรงน้อยกว่าการที่อิสราเอลหรือสหรัฐเปิดฉากโจมตีโดยตรงไปยังอิหร่าน
สำหรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น หากเกิดสงครามโดยตรง (Direct war) จะส่งผลต่อความเสี่ยงอย่างรุนแรงในตลาดการเงิน น้ำมันที่พุ่งสูงอาจทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นอีก 1.2% มีโอกาสที่ทำให้เงินเฟ้อโลกอยู่ที่ 6.7% ในปีนี้ ส่วน GDP ทั่วโลกลดลง 1% ส่งผลให้ GDP โลกเหลือเพียง 1.7% ซึ่งเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้การที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัญหาในตะวันออกกลาง อาจส่งผลต่อเงินเฟ้อ และอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐไม่สามารถปรับลดดอกเบี้ยลงได้ตามที่นักลงทุนเคยประเมินไว้
นอกจากนี้จะมีแรงซื้อทองคำอย่างแข็งแกร่งมาก อาจดันราคาทองคำพุ่งไม่หยุดไปสู่ All-Time High ใหม่อีกครั้ง หากสงครามมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยรูปแบบการเคลื่อนไหวทางเทคนิคในลักษณะถ้วยกาแฟ (Cup & Handle) ที่ประเมินได้ว่าราคาทองคำโลกมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นไปสูงกว่า 2,500 ดอลลาร์ หรืออาจจะไปสูงสุดใกล้ๆ 3,000 ดอลลาร์เลยทีเดียว
ปัจจัยรองลงมาในสัปดาห์นี้ คือการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นปัจจัยหลักมาตลอด ณ ตอนนี้ตลาดเริ่มปรับเปลี่ยนมุมมองโดยคาดการณ์ว่าเฟดจะเลื่อนการปรับลดดอกเบี้ยออกไป จากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. ซึ่ง ณ ตอนนี้มีแนวโน้มที่เฟดจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในช่วงเดือนก.ค. หรือไม่ก็ช่วงเดือนก.ย. นอกจากนี้คาดว่าเฟดจะเหลือลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ จากเดิม 3 ครั้ง
ขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนทองคำตลอดมา โดยปี 2565-2566 ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำมากกว่า 1,000 ตันต่อปี ซึ่งปีนี้ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้จีนเข้าซื้อทองคำมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ถือว่าเป็นการเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน รองลงมาก็จะเป็นตุรกี และอินเดียตามมาเป็นอันดับ 3
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำได้ดีดตัวขึ้นทำ All-Time High อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปรับตัวขึ้นระดับสูงสุดที่ 2,431 ดอลลาร์ ซึ่งราคาทองคำยังคงยก High และ Low ขึ้นต่อเนื่อง แม้จะเกิดแรงเทขายแรงในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้คาดว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้น และอาจมีแรงซื้อเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง หากยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสงคราม อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มผ่อนคลายลง อาจมีแรงเทขายออกมาเช่นกัน โดยสัปดาห์นี้ติดตามสถานการณ์ตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด
ด้านผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 15 – 19 เม.ย. 67 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำระบุว่า 14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 7 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 3 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 4 ราย หรือเทียบเป็น 29% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 362 ราย ในจำนวนนี้มี 233 ราย หรือเทียบเป็น 65% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 77 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 52 ราย หรือเทียบเป็น 14% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ราคาทองคำ
ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 40,350 – 41,400 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 40,750 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 500 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 40,250 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1. สถานการณ์ในตะวันออกกลาง สัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำยังคงทำสถิติแตะระดับสูงสุดใหม่ จากแรงซื้อของธนาคารกลาง และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หลังอิหร่านปฏิบัติการโจมตีทางทหารต่ออิสราเอล เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศซีเรีย
2. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดค้าปลีก, ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน, ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดขายบ้านมือสอง และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
3. ปัจจัยทางเศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคของเดือน มีนาคม 2567 ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 1/2567 ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก และตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.