MTLตั้งเป้าเบี้ยประกันใหม่โตกว่า20%ชูประกันเท่าเทียมเดินหน้าESG

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) เปิดถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่าตั้งเป้าการเติบโตของเบี้ยประกันรับใหม่ที่กว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยจะครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทั้งกลุ่มประกันชีวิต ประกันเกษียณ ตลอดจนสุขภาพและโรคร้าย 

สำหรับปี 2566 มีเบี้ยประกันรับใหม่เติบโต 7 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดเบี้ยประกันในส่วน protection (ประกันชีวิตและสุขภาพ) ที่ราว 60% แต่ในปีนี้และปีต่อ ๆ ไปอยากขยายให้เป็น 70% ของเบี้ยประกันรวม ขณะที่เบี้ยประภันชีวิตรวมของ MTL ในปีนี้ก็น่าจะสอดคล้องกับทั้งอุตสาหกรรมเช่นกัน 

สำหรับผลงานของ MLT ในปี 2566 มีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่ ในกลุ่มสินค้าหลัก อาทิ เบี้ยประกันภัยโรคร้ายแรงเติบโต 70% และ เบี้ยประกันภัยบำนาญเติบโต 13% ขณะที่ ด้านธุรกิจในภูมิภาค CLMV ยังมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีอัตราส่วนความเพียงพอของ เงินกองทุน ณ สิ้นปี 2566 สูงกว่า 300% ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่หน่วยงานกำกับดูแล กำหนดที่ 140% ด้านความแข็งแกร่งและเสถียรภาพทางด้านการเงิน

นอกจากนี้ MTL ได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่ง ทางการเงินจาก S&P Global Ratings ที่ระดับ BBB+ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลและภายในประเทศจาก Fitch Ratings ที่ระดับ A และ AAA(tha) ตามลำดับ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งถือเป็นอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน ระดับประเทศที่สูงที่สุดพร้อมรับรางวัลการันตีทั้งในด้านองค์กร ผลิตภัณฑ์ และบริการ ในระดับประเทศและระดับ สากล สะท้อนถึงการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและความสำเร็จในการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างยั่งยืน

ขับเคลื่อน ESG

นายสาระกล่าวว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจของ MLT ไม่ได้เน้นการเติบโตด้านรายได้แต่เพียงอย่างเดียวแต่ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนอีกด้วย โดยมองว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คือการประสานความยั่งยืนให้เป็นหนึ่งเดียวกับการดำเนินธุรกิจในทุก ๆ วัน

ทั้งนี้ ด้วยธุรกิจหลักของบริษัทฯ เป็นเรื่องของประกันชีวิต จึงทำให้ความยั่งยืนแรกในมิติสังคมเกี่ยวข้องกับประกันชีวิตโดยตรง จึงมุ่งสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคน (Democratize Insurance) ไม่ว่าจะเป็นการขยาย อายุรับประกันภัยสำหรับแบบประกันภัยหลัก ๆ ถึง 90 ปี พร้อมให้ความคุ้มครองต่อเนื่องสูงสุดถึงอายุ 99 ปี

เช่นเดียวกับ การพัฒนาแบบประกันภัยสำหรับคนที่เข้าไม่ถึงแบบประกัน ด้วยข้อจำกัดทั้งด้านอายุ โรคประจำตัวที่เป็นอยู่ หรือรวมถึงการเปิดการเข้าถึงความคุ้มครองไหวแค่ไหนก็ออกแบบให้เข้าถึงได้ เพื่อสร้างความอุ่นใจโดยไม่เป็นภาระและสุขภาพที่ดีในรูปแบบใหม่ ๆ ตามสภาวะโลกที่เปลี่ยนไป เช่น นำเสนอประกันที่เข้าถึงกลุ่มคนตัวเล็กมากขึ้น 

สำหรับมิติสิ่งแวดล้อม เมืองไทยประกันชีวิตได้ลงทุน และเปิดโอกาสให้ลูกค้า Unit-Linked สามารถลงทุนในสินทรัพย์สีเขียว ไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้สีเขียว (Green Bond) ตราสาร ESG (ESG Bond) และตราสารส่งเสริมความยั่งยืน พร้อมปลูกฝังวัฒนธรรมสีเขียวให้แก่พนักงาน ในองค์กร อาทิ การแยกขยะ การลดใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง การลดใช้กระดาษผ่านกระบวนการดิจิทัลต่างๆ การเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น เพื่อให้มีการขยายผลสู่สังคมในวงกว้างต่อไป

"ลงทุนเรื่อง Green Bond และ ESG Transformation  (บริษัทที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียวมากขึ้น) แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ลงทุนมากนัก" 

นอกจากนี้ยังยึดมั่นการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และ มิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (ESG) เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

นายสาระยังเปิดเผยถึงทิศทางในการดำเนินธุรกิจเพิ่มเติมอีกว่า MTL ยึดแนวคิดการดำเนินงานประจำปี 2567 โดยตั้งเป้าเป็นอันดับหนึ่งในการเป็นคู่คิดด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพที่ลูกค้าวางใจ ที่เน้นตอบโจทย์ Personal ในทุกช่วงของ ชีวิต (Life) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง

"บริษัทฯ ได้รับคะแนน NPS (Net Promoter Score) สูงถึง 58 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีที่ก่อน หน้าถึง 17 คะแนน โดยคะแนนดังกล่าวบ่งชี้ความผูกพันธ์และความพึงพอใจของลูกค้าผ่านคำถามง่าย ๆ ว่า ลูกค้ามีแนวโน้มจะแนะนำแบรนด์ให้กับเพื่อนหรือคนรู้จักมากน้อยเพียงใด ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินงานเพื่อลูกค้าอย่างครบวงจรของ MTL"

ดังนั้นในปีนี้ บริษัทจึงเดินหน้าสานต่อการเป็นคู่คิดด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพที่คุณ วางใจ (No. 1 Most Trusted Partner in Life & Health Planning) และยึดกลยุทธ์ “Happiness, Your Way เพราะความสุขคือทุกอย่าง.... ความสุขสไตล์คุณคือที่สุดของทุกสิ่ง" ที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยจะดำเนินงานผ่าน 2 แนวคิดหลัก ได้แก่

สำหรับแนวคิด Personal คือเน้นการสร้างสรรค์พัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความเป็นคุณอย่างแท้จริง โดยใช้ภาษาที่ง่ายต่อความเข้าใจ ช่องทางที่เข้าถึงได้ง่าย และส่งมอบความเป็นตัวตนในแบบที่ลูกค้าเป็น อาทิ ความร่วมมือในการขายประกันชีวิตและสุขภาพผ่านความร่วมมือกับ LineBK และยังให้ข้อมูลด้วยภาษาและเงื่อนไขที่เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยากอีกด้วย หรือ แพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่ให้บริการลูกค้าอย่าง MTL Online Sales website (online.muangthai.co.th/) แอปพลิเคชัน MTL Click รวมถึงแอปพลิเคชันใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว

ทั้งนี้พบว่า LINE BK เป็นช่องทางที่มียอดขายประกันสุขภาพดีมาก ซึ่งกว่า 60% เป็นลูกค้าอายุต่ำกว่า 35 ปี และแผนต่อไปคือจะขยายเพิ่มปรับกระบวนให้ดีขึ้น และขยายการเติบโตเพิ่มขึ้น รุกตลาด GenZ มากขึ้น อีกทั้งเห็นแนวโน้ม Online Sale เพิ่มขึ้น แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้มีอัตราส่วนมากนักในขณะนี้ 

อย่าง MTL Connect ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ตัวแทนประกันชีวิตของบริษัท ในการดูแล ลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ บริการ ช่องทางการขาย ที่ใช่ที่เหมาะสม ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ในแบบที่เป็นตนเองอย่างเท่าเทียม และง่ายมากยิ่งขึ้น - ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกบทบาทชีวิต ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งคนตัวเล็ก คนตัว ใหญ่ เพราะเราเข้าใจทุกความแตกต่างและความเสี่ยงของแต่ละคน

ส่วนแนวคิด Life มุ่งสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ทุกช่วงชีวิตของผู้คนทุกกลุ่ม เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเอง ต้องการได้อย่างเต็มที่ จึงมีการดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงกันอย่างครบด้าน ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพ เพื่อส่งมอบความคุ้มครองให้กับลูกและคนที่รัก การส่งเสริมการดูแลสุขภาพที่ดีเพื่อลดความ เสี่ยงจากการเจ็บป่วย การรักษาอย่างครอบคลุมและตรงจุด และสิทธิประโยชน์สำหรับทุก ๆ ไลฟ์สไตล์

โดยโครงการเหล่านี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกันและเอื้อให้ทุก ๆ คน ทั้งลูกค้าและประชาชนทั่วไป ที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เช่น บุคคลทั่วไปสามารถใช้ แอปพลิเคชัน MTL Fit เพื่อเก็บข้อมูลการออกกำลังในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมสะสมคะแนนเพื่อนำไปใช้แลก เป็นสิทธิประโยชน์อย่างส่วนลดค่าเบี้ยประกันสุขภาพ

จากนั้นเมื่อลูกค้าจ่ายเบี้ยประกันภัย นอกจาก จะได้รับความคุ้มครองสุขภาพตามแผนที่ลูกค้าเลือกสรรเบี้ยประกันภัยดังกล่าวจะถูกนำไปคำนวนเป็น คะแนน Smile Point เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากเมืองไทยสไมล์คลับต่อไป นอกจากนี้ เมื่อเจ็บป่วย บริษัทฯ ก็มีสถานพยาบาลในเครือข่ายมากกว่า 860 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกเข้าถึง บริการทางการแพทย์ได้ตามที่ตนเองต้องการ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังนำเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ามาช่วย ทั้ง AI, Machine Learning, Automation และ Digital Tools อื่น ๆ ในทุกกระบวนการ ทั้งการขาย การพิจารณารับประกัน การพิจารณาสินไหม ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกรมธรรม์ เพื่อตอบโจทย์ร่วมกับพาร์ทเนอร์ทางการขายและเจ้าหน้าที่บริการ ซึ่งทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานภายใน พาร์ทเนอร์ ลูกค้า และบุคคลต่าง ๆ ในสังคม

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.