"อาทิตย์ แนะรัฐ-เอกชนร่วมแก้วิกฤติเศรษฐกิจเน้นฉีดเงินกระตุ้นระยะยาว

จากการพูดคุยกับรายการ Deep Talk ของกรุงเทพธุรกิจ 'หัวข้อวิกฤติต้มกบ 2567 คนไทยหนี้เพิ่ม-จนลง' อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) SCBX ให้มุมมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันว่า ยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ขณะที่การส่งออกที่เคยเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลัก ถูกกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค ตลอดจนรูปแบบสินค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถการแข่งขันของประเทศที่ลดลง จนได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤติในครั้งนี้มากกว่าประเทศอื่น ๆ

นอกจากนี้ จากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอดีตที่เคยขยายตัวได้เฉลี่ย 4-5% ต่อปี ซึ่งมักกระจุกตัวเฉพาะกลุ่มระดับบน ที่ปรับตัวได้เร็ว มีความแข็งแกร่งทั้งในด้านฐานทุนและโอกาส ดังนั้นแม้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ในระดับ 4-5% แต่เป็นการเติบโตที่ “ซ่อนปัญหา” เอาไว้มากนั่งเอง

"ภาพที่เห็นชัดเจนซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทย อาจไม่ได้เติบโตอย่างที่ควรเป็น ปัญหาหนึ่งมาจาก “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ทั้งความสามารถการแข่งขัน การไม่สามารถลงทุนหรือขยายธุรกิจใหม่ๆได้ ทำให้คนที่อ่อนแอ หรือกลุ่มที่ไม่ได้เข้มแข็งอยู่เดิม โดนผลกระทบมากกว่าคนอื่น ๆ"

โดยอาทิตย์ เน้นย้ำอีกว่า การอัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ หรือ การใส่บรรจุเชื้อเพลิง ใหม่ ๆ เข้ามาสู่เศรษฐกิจ ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใดก็ตามเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อทำให้ประเทศสามารถเดินไปข้างหน้าได้ แต่หากภาพรวมของคนส่วนใหญ่ยังไม่พร้อม จึงอาจต้องกลับมาดูปัญหาตรงนี้อย่างเร่งด่วน 

นอกจากนี้ หลายปีที่ผ่านมาหลายมักพยายามเข้าไปแก้ปัญหาแต่ไม่ได้ยั่งยืน เพราะเป็นเพียงการเยียวยา แต่ตราบใดที่ไม่มีแผนระยะยาวว่าจะเพิ่มรายได้ เพิ่มโอกาสในการมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน สุดท้ายก็จะกลายเป็นลดทอน Resourc หรือทรัพยากรที่ต้องลงทุนในระยะยาว เหล่านี้คือสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่

อย่างไรก็ตาม อาทิตย์มองว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นก็ยังมีความจำเป็น เพราะวันนี้มีทั้งคนที่เดือดร้อน มีรายได้ไม่เพียงพอ รายจ่ายมากกว่ารายได้ ดังนั้นนโยบายภาครัฐ ที่จะสนับสนุนให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระดับไมโคร ระดับตำบล ระดับอำเภอ เพื่อให้คนมีรายได้น้อยมีการบริโภคเพิ่มขึ้น สนับสนุนการค้าขาย ท้ายที่สุดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยตามมา สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถประเมินความคุ้มค่าของมาตรการได้ ว่าคุ้มค่าหรือไม่คุ้ม แต่ช่วยบรรเทาความเดือนร้อนให้คนส่วนใหญ่ได้

“หากถามว่า การเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเท่าใดถึงเพียงพอ คงไม่สามารถตอบได้ แต่วันนี้ มีประชาชนจำนวนมาก ที่มีรายได้น้อย ถูกผลกระทบมาหลายปี จำเป็นต้องดูแลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว”

โดยย้ำว่าไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะทำแต่นโยบายระยะสั้น โดยไม่มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว จึงต้องตั้งต้นก่อนว่าจะขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างไร เพราะเศรษฐกิจไทยอาจกลับไปเติบโตได้ระดับ 5-6% แต่การเติบโตแล้วกระจุกเฉพาะคนกลุ่มบนอย่างเดียว ไม่สามารถกระจายความมั่งคั่งสู่คนระดับล่างได้ ก็ไม่มีความหมาย จึงต้องวางแผนให้ดีเพื่อจะให้คนส่วนใหญ่จำนวนมากได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจด้วย

เร่งสางหนี้ครัวเรือน

ด้านปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญอยู่ มีทั้งปัญหาระยะสั้น ปัญหาเร่งด่วน ที่มีผลข้างเคียงอย่างมาก เช่นจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ผ่านมาพบว่า มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ ขณะที่กลุ่มรายได้ปานกลางและรายได้น้อยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ลดลงไปมาก ดังนั้นคนกลุ่มนี้จะอยู่รอดได้ก็ต่อเมื่อกู้มาใช้จ่าย จึงทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย 

โดยเฉพาะภาระหนี้ซึ่งมาจากภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นระยะสั้น ยิ่งต้องเร่งช่วยเหลือ เพราะปัจจัยที่จะทำให้ประชาชนหลุดจากปัญหาหนี้อย่างถาวรได้ต้องใช้เวลา เนื่องจากหลายเรื่องเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นปัญหาระยะยาว แต่สุดท้ายปัญหาจะไม่ได้ถูกแก้ไขได้เลยหากภาพระยะสั้นยังไม่ถูกแก้ไขก่อน

อาทิตย์ยังสรุปภาพเศรษฐกิจประเทศไทยเวลานี้อีกว่า น่าจะต้องเป็นกบที่ผิวหนา และไม่รู้สึกว่าร้อนมาก ที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดี มีความพร้อม แต่ควรดีกว่านี้ได้มาก ไม่ควรที่จะต้องมีคนที่ลำบาก หรือไม่ได้รับผลกระทบอย่างมาก

ที่ผ่านมา ประเทศไทยยังมีปัญหาทั้งเรื่องการลงทุนที่ยังเกิดขึ้นน้อยมาก โดยเฉพาะ ในเรื่องการลงทุนที่เกี่ยวกันเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการลงทุนในเรื่องของ Climate Change ที่ทำให้หลายประเทศต้องตั้งกฎกติกา เพื่อนำไปสู่ความรับผิดชอบมากขึ้น ในเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ล้วนนำไปสู่การเปลี่ยนอุตสาหกรรม เปลี่ยนโปรดักต์ ดังนั้นมิติของการลงทุนเหล่านี้ การทำเรื่อง R&D สิ่งเหล่านี้ยังเกิดขึ้นน้อยมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลในภาพระยะยาว

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับ “ปัญหาหนี้” ที่เป็นปัญหาเร่งด่วน และไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ในช่วงสั้น ๆ  ด้วยปัญหาสะสมในช่วงที่ผ่านมาคือ คนมีรายได้น้อยหรือมีรายได้ไม่เพียงพอในการดำรงชีพ และมีการกู้นอกระบบจำนวนมาก ดังนั้นการแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ต้องทำหลายเรื่องประกอบกัน ทั้งการเพิ่มรายได้ เพื่อให้คนมีโอกาสทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่เป็นโจทย์ใหญ่ประเทศ รวมถึงการจัดสรรทรัพยากร เพื่อให้คนส่วนใหญ่สามารถฉกฉวยโอกาสดังกล่าวได้

เชื่อปีนี้ดอกเบี้ยขาลง

สำหรับความเห็นต่อทิศทางดอกเบี้ยนั้น อาทิตย์มองว่าที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นตามประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ที่ทำให้เกิดกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย และความผันผวนเกิดขึ้น ซึ่งประเทศไทยก็ต้องปรับตัวตามกระแสหลักของโลก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง โดยเฉพาะปีนี้มองว่า ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐและไทยจะมีแรงกดดันด้านดอกเบี้ยลดลง ทำให้โอกาสที่จะเห็นอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงได้ โดยเฉพาะหลังประเทศใหญ่ๆปรับลดดอกเบี้ยลง ทำให้มีโอกาสสูงที่จะเห็นอัตราดอกเบี้ยของไทยอ่อนตัวลงได้

อย่างไรก็ตามผลของการขึ้นดอกเบี้ยที่ผ่านมา ในมุมของธนาคารเองมีการดูแลลูกค้าอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ไปสร้างผลกระทบต่อลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรงในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยลูกค้า ทั้งการเข้าไปปรับโครงสร้างหนี้ การยกเว้นดอกเบี้ย การปรับโครงสร้างเพื่อให้ดอกเบี้ยลูกค้าลดลง ในช่วงวิกฤติ แต่หลังจากนี้ภาพรวมกลับมาดีขึ้นหรือความเชื่อมั่นของคนโดยรวม ทั้งในตลาดหุ้น ตลาดหุ้นกู้ จะกลับมาได้

พร้อมกันนี้ ยังให้มุมมองอีกว่า โจทย์ใหญ่ของประเทศไทยในหลายเรื่องต้องการร่วมมือร่วมใจทำให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและหลายสิ่งยังเกิดขึ้นน้อย ทั้งการเอาเงินลงทุนใหม่เข้ามา การลงทุนเพื่อตอบสนองภาคเกษตรการต่อยอดธุรกิจภาคบริการ การทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่น่าลงทุน

ทั้งนี้ยังเชื่อว่า ประเทศไทยยังมีความหวัง โดยเฉพาะหลังจากรัฐบาลใหม่เข้ามา ที่เห็นมิติเหล่านี้ และมีความตั้งใจในการผลักดันเรื่องต่าง ๆ ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องหันมาเป็น “กองเชียร์” ช่วยกันเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ต่อประชาชนส่วนใหญ่ เพื่อให้เราทุกคนสามารถเดินจากวิกฤติที่ผ่านมาด้วยความแข็งแรงได้

“หากเราไม่ทำอะไร เราจะยิ่งถดถอยลง เพราะในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงยุคนี้ ไม่เหลือที่ สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ข้างหน้ามากนัก ดังนั้นการที่เราพัฒนาช้า จะเป็นตัวทวีคูณผลกระทบทางลบอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้นต้องช่วยกัน มองไปข้างหน้า มองผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ต้องช่วยกัน เพื่อทำให้เกิดขึ้น อย่ามัวแต่คิด วิจารณ์ เห็นต่าง จนไม่สามารถทำอะไรได้เลย”

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.