SET แกว่งระหว่างกรอบบริเวณ 1,410-1,420 จุด

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET แกว่งระหว่างกรอบ โดยกรอบล่างบริเวณแนวรับ 1,410 จุด ยังรองรับได้ ทำให้ในระยะสั้น มีแนวโน้มขึ้นหากรอบบนบริเวณแนวต้าน 1,420 จุด ซึ่งหากขึ้นทะลุผ่านได้เป็นสัญญาณบวกต่อ และมีแนวต้านถัดไปที่ 1,430 จุด ส่วนกรณีหากต่ำกว่า 1,410 จุด เป็นสัญญาณพักตัวต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,400 จุด

ทั้งนี้ แม้ตลาดหุ้นไทยจะยังคงเผชิญความผันผวนสูง แต่ช่วงสั้น คาด SET จะมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการทั่วโลกไม่แย่กว่าที่ตลาดกังวล อีกทั้งในประเทศยังมีความคาดหวังการจัดตั้งกองทุน LTF และต่ออายุ SSF

อย่างไรก็ดี ในแง่ของ Upside ของ SET มองจะยังถูกจพกัด หลังอาจมีแรงขายทำกำไรจากการสิ้นสุด ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้ 

1) หุ้น Big Cap. ที่คาดฟื้นตัวได้ตามตลาดและมีความผันผวนต่ำ โดยเลือก หุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS BEM BBL GULF SCGP

2) หุ้น Earning Play ซึ่งจะมีการประกาศงบไตรมาส 3/2566 ในสัปดาห์หน้า ขณะที่โมเมนตัมกำไรไตรมาส 4/2566 จะยังเติบโต YoY และเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี เลือก ERW AOT CENTEL ZEN CRC

จากการที่กระทรวงการคลังอนุมัติตั้งกองทุน TESG ลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้ที่มี ESG หวังกระตุ้นการ ลงทุนใน ตลท. ระยะยาว โดยให้ลดหย่อนถาษีไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี ระยะถือครอง 8 ปี เริ่มลงทุนได้เดือน ธ.ค. นี้ คาดมีเม็ดเงินเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ 1) ได้ ESG Rating “AAA" หรือ "AA" และ 2) ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง YTD พบว่า มี 5 หุ้นที่น่าสนใจ ซึ่งคาดจะเป็นเป้าหมายการลงทุน ได้แก่ TOP CRC SCGP GULF ZEN

ทั้งนี้ ในอดีตที่คลังเคยอนุมัติ SFF เฉพาะกิจ (SSFX) ในช่วงโควิด ให้ลงทุนในหลักทรัพย์ไทยไม่น้อยกว่า 65% โดยให้ลดหย่อยภาษีไม่เกิน 2 แสนบาทต่อปี ระยะถือครอง 8 ปี เริ่มลงทุนได้ 1 เม.ย.-30 มิ.ย. มีเม็ดเงินเข้ามาราว 2 หมื่นล้านบาท และ SET Index ปรับกว่า 200 จุด

ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนิโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BGRIM ได้ sentiment หนุนจาก Bond Yield สหรัฐลดลง รวมทั้งราคาก๊าซฯ ในยุโรป-ราคา LNG JKM มายังเอเชียปรับลง โดยผู้บริหารคาดต้นทุนก๊าซฯ ปีหน้าลดลง YoY ขณะที่โครงการ RE ที่ได้รับคัดเลือกในช่วงครึ่งแรกปี 2566 อยู่ระหว่างรอเช็น PPA ส่วนการเปิดรับซื้อรอบ 2 คาดจะเกิดขึ้นต้นปี 2567

ADVANC แม้ไตรมาส 4/2566 คาดจะเห็นกำไรปกติปรับลดลง QoQ โดยมีสาเหตุมาจากช่วงไฮซีซั่นของค่าใช้จ่ายการตลาด แต่เมื่อเทียบ YoY กำไรปกติน่าจะปรับขึ้นต่อเนื่อง จากรายได้ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น อีกทั้งช่วงสั้นมองมีประเด็นบวกเล็กน้อยจากเรื่องราคาซื้อ TTTBB ที่ลดลง

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.