"หุ้นท่องเที่ยว-ปั้มน้ำมัน"ยิ้ม! ครม.หั่นราคาแก๊สโซฮอล์-เพิ่มฟรีวีซ่า

     นายเอกรินทร์ วงษ์ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบปรับลดภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ทุกประเภทลงแต่เพียงในอัตรา 1 บาทต่อลิตร โดยกระทรวงการคลังเสนอให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของกระทรวงพลังงานไปบริหารจัดการให้ปรับลดราคาสำหรับเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ลงอีกลิตรละ 1.50 บาท ให้เป็นลิตรละ 2.50 บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเคยเสนอไว้ ซึ่งวานนี้ ครม.พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบโดยกระทรวงการคลังเสนอให้เป็นมติว่าให้กองทุนน้ำมันไปบริหารจัดการชดเชยเงินที่ต้องใช้จ่ายในส่วน 1.50 บาทต่อลิตรดังกล่าวเองในภายหลัง มีกำหนด 3 เดือน นับแต่วันที่ 7 พ.ย. 66

     โดยสรุป ราคาน้ำมันขายปลีกเบนซินแก๊สโซฮอล์ทุกประเภทลดลง 1 บาทต่อลิตรด้วยการลดภาษีสรรพสามิต และ แก๊สโซฮอล์ 91 ลงอีกลิตรละ 1.50 บาท จากเงินชดเชยกองทุนน้ำมัน รวมเป็นลิตรละ 2.50 บาท จะมีผลตั้งแต่ 7 พ.ย. 66 เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 3 เดือน

     ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยต่อหุ้นในกลุ่มสถานีบริการน้ำมัน 1) การปรับลดราคาดังกล่าวนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อค่าการตลาดของกลุ่มสถานีบริการน้ำมันแต่อย่างใด แต่เป็นการปรับลดจากภาษีและมีเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเข้ามาช่วย

     2) การลดราคาน้ำมันลงนั้นจะเป็นผลบวกทางอ้อมให้คนใช้น้ำมันมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่เข้าสู่ High Season ของการท่องเที่ยว ช่วยให้คนขับรถออกมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

โผหุ้นรับอานิสงส์

     หุ้นที่คิดว่าจะได้รับประโยชน์ OR, BCP, ESSO ที่น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากปริมาณขายน้ำมันเบนซินมากกว่า PTG ที่เน้นขายน้ำมันดีเซล นอกจากนี้ BCP และ ESSO แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 น่าจะยังโดดเด่นจากธุรกิจโรงกลั่นที่มีค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูงในช่วงไตรมาส 3 ส่วน OR ประเมินแนวโน้มกำไรในไตรมาส 3/66 จะโดดเด่นเช่นกันที่ 4 พันล้านบาทจากผลของ Stock gain ในขณะที่ PTG อาจจะอ่อนตัวจากค่าการตลาดที่ยังไม่ดี

     ขณะที่ ครม.มีมติเห็นชอบเปิดวีซ่าฟรีเพิ่มอีกสองประเทศคือ อินเดียและไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยจำนวนมาก โดยจะให้พำนักอยู่ในประเทศไทยได้ 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.66 ถึง 10 พ.ค.67 ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าจากการให้ฟรีวีซ่าเพิ่มรวมเป็น 4 ประเทศ (จีน, รัสเซีย, อินเดีย และไต้หวัน) เป็นผลบวกต่อการท่องเที่ยวในประเทศ 

     โดยที่ในช่วง 9 เดือน 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยรวม 20 ล้านราย จากเป้า 25 ล้านราย โดยเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่ 2.5 ล้านราย (อันดับที่ 2) และนักท่องเที่ยวอินเดียที่ 1.16 ล้านราย (อันดับที่ 4) โดยในช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยวในประเทศและต่อด้วยเทศกาลตรุษจีนในช่วงต้นเดือน ก.พ. 2567 ที่คาดว่าการให้ฟรีวีซ่าจะช่วยให้การตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยง่ายขึ้น จากเดิมที่นักท่องเที่ยวจีน ไต้หวันและอินเดียจะต้องขอ Visa On Arrival ที่สนามบิน จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่นักท่องเที่ยว และอาจเพิ่ม Length of Stay ให้นานขึ้น

     Top Pick เลือก ERW (TP 6.10) และ CENTEL (Consensus 51.77) เนื่องจาก ERW มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศสูงราว 90% ในขณะที่ CENTEL นอกจากจะมีรายได้จากโรงแรมในประเทศราว 80% และมีกลุ่มร้านอาหาร QSR ทั่วประเทศ ที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่คึกคัก

5 หุ้นรับอานิสงส์

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ระบุว่า ผลการประชุม ครม.มีมติลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 เป็นเวลา 3 เดือน เริ่ม 7 พ.ย.66 รวมถึง ฟรีวิซ่าเพิ่ม อินเดียและไต้หวัน ฝ่ายวิเคราะห์มองประเด็นลดราคาน้ำมันดังกล่าว ซึ่ง 1) เป็นบวกต่อกำลังซื้อในมือประชาชนที่จะช่วยหนุนอุปสงค์ภายในประเทศ เป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก 

     โดยทางฝ่ายมอง CPALL แข็งแกร่งสุดในกลุ่มค้าปลีก จากการปรับราคาทำให้ Margin เพิ่มขึ้น รวมถึงส่วนแบ่งจากงบ CPAXT ที่ฟื้นตัวจากดอกเบี้ยจ่ายที่น้อยลง และ 2) ในส่วนของหุ้นน้ำมันปลายน้ำ มุมมองเป็นกลาง เนื่องจากใช้กลไกภาษี ช่วยลดทั้ง 1 บาท จะไม่มีผลกับค่าการตลาด ความเสี่ยงจะไปอยู่ที่ประเด็นการออกกฎหมายควบคุมค่าการตลาดมากกว่า 

     ระยะสั้นมองค้าปลีกน้ำมันดีขึ้นเล็กน้อยตามปัจจัยฤดูกาล เนื่องจากไตรมาส 4 จะเข้าสู่ high season ปริมาณขายน้ำมันใช้น้ำมันจะโตขึ้น โดยยังมอง OR และ PTG ยังน่าสนใจ

     ขณะที่นโยบาย Free Visa อินเดีย และ ใต้หวัน เริ่ม 10 พ.ย.66-10 พ.ค.67 มองเป็นบวกต่อจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดีย หลังเติบโตกว่า 7.46% w-w จะช่วยหนุนต่อกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม ทางฝ่ายฯมอง CENTEL และ ERW ยังน่าสนใจ

 

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น OR วันนี้(1 พ.ย.66) ณ เวลา 11.17 น. อยู่ที่ 18.10 บาท ลดลง 0.20 บาท คิดเป็น -1.09% 

ราคาหุ้น PTG อยู่ที่ 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท คิดเป็น +0.61%

ราคาหุ้น BCP อยู่ที่ 39.75 บาท ลดลง 1.50 บาท คิดเป็น -3.64%

ราคาหุ้น ESSO อยู่ที่ 9.45 บาท ลดลง 0.10 บาท คิดเป็น -1.05%

ราคาหุ้น CPALL อยู่ที่ 55 บาท ลดลง 0.25 บาท คิดเป็น -0.45%

ราคาหุ้น ERW อยู่ที่ 5.10 บาท ลดลง 0.10 บาท คิดเป็น -1.92%

ราคาหุ้น CENTEL อยู่ที่ 45 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.