สงครามรอบใหม่ในสตช. จับตาชิงเก้าอี้ผู้นำทัพสีกากี

การกลับเข้าไปรับตำแหน่งผบ.ตร. เต็มตัวของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ตามคำสั่งของนายกฯเศรษฐา ทวีสิน กรณีการแถลงข่าวของนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย เมื่อสัปดาห์ก่อน มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดสงครามยกใหม่ในสตช. เนื่องจาก"บิ๊กต่อ"พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะครบกำหนดเกษียณอายุราชการ 30ก.ย.2567 แต่ก่อนหน้าราวเดือนส.ค.67 จะต้องมีการเสนอชื่อว่าที่ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่ง 2แคนดิเดต คาดว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็น ว่าที่ผบ.ตร.ใหม่ คือ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กับ "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ 

แต่ก่อนมีการเสนอชื่อว่าที่ผบ.ตร.คนใหม่ อดีตตำรวจระดับสูง ในก.ตร.ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้มีดีลลับสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับเข้ามารับราชการเสียก่อน เพื่อเป็นคู่ชิงว่าที่ผบ.ตร.กับ "บิ๊กต่าย"พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ซึ่งเงื่อนไขสำคัญของผู้ที่จะลงนามออกคำสั่งให้"บิ๊กโจ๊ก"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กลับเข้ารับราชการคือ "บิ๊กต่อ"พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถือเป็นการลบล้างคำสั่งให้"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อนของ"บิ๊กต่าย"พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ สิ้นผลไปในทันทีเพราะการเข้ามาดำรงตำแหน่งผบ.ตร.เต็มตัวของ "บิ๊กต่อ"พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ 

ขณะเดียวกันมีแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง ส่งต่อไปที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ให้มีคำวินิจฉัยเรื่องที่"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นอุทธรณ์"คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน"ให้ออกความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับคณะกฤษฎีกา ชุดที่2 ซึ่งมีความเห็นว่า"คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน"ไม่สมบูรณ์เพราะถือเป็นการออกคำสั่งกระทบสิทธิของ"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตามมาตรา 132 พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565จะต้องกระทำโดยคำแนะนำจากคณะกรรมการสอบสวน จึงถือว่าผิดขั้นตอน กระบวนการไม่ถูกต้อง

อย่าลืมว่า การชิงเก้าอี้ผบ.ตร.คนที่15 ยังอยู่ในท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งกันที่ยัง"คุกกรุ่น"ระหว่าง"บิ๊กต่อ"พล.ต.อ.ต่อศักดิ์-"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ -"บิ๊กต่าย"พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ต่างฝ่ายต่างมีชนักติดหลัง มีเรื่องที่คาใจ ทั้งคดีค้างเก่าที่ถูกฟ้องร้องกล่าวหาในป.ป.ช. เรื่องที่มีการตั้งกรรมการสอบสวน กรณีการออกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ"บิ๊กต่าย"พล.ต.อ.กิตติ์รัฐที่กระทำกับ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยมีการส่งสัญญาณจากการแถลงข่าวของนายวิษณุ ซึ่งถือเป็นตัวแทนจากฝ่ายการเมืองขอให้ยุติศึกก่อนที่องค์กรตำรวจจะบอบช้ำไปกว่านี้ 

ทำให้สถานการณ์ชิงเก้าอี้ผู้นำทัพสีกากี นับเป็นเรื่องที่น่าจับตา เพราะมีศรัทธาของประชาชนเป็นเดิมพัน