"บิ๊กต่าย"แจงสถานะ"บิ๊กโจ๊ก"ยังเป็นรองผบ.ตร.แต่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เปิดเผยหลังการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 4/2567 เสร็จสิ้นตอบคำถามสำคัญกรณีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มีบันทึกความเห็นกรณีการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการไว้ก่อน ว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร.เป็น ผู้ชี้แจง

ขณะที่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า  ในวาระการพิจารณาความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ได้นั่งอยู่ในที่ประชุม เนื่องจากเป็นผู้ออกคำสั่ง จึงขออนุญาตที่ประชุมไม่ร่วมพิจารณาเพราะอาจทำให้ไม่เป็นกลางได้ อย่างไรก็ตามการออกคำสั่งให้ออกจากราชการ พิจารณาตามข้อกฎหมาย และพิจารณาตามที่ฝ่ายอำนวยการเสนอขึ้นมา

ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวไม่มีอะไรเพลี่ยงพล้ำ ทำตาม พ.ร.บ.ตำรวจ และข้อกฎหมาย กรณีสำนักนายกรัฐมนตรี หารือไป เป็นการหารือเพื่อความรอบคอบ ซึ่งเป็นเรื่องของเลขาธิการนายกฯ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีหนังสือส่งจากกฤษฎีกามา ซึ่งหากได้รับหนังสือก็จะนำมาพิจารณาอีกครั้ง ว่ามีประเด็นใดที่จะสอบถามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็จะมาพิจารณาอีกครั้ง

ในทางกฎหมายเป็นไปตามกระบวนการที่ต้องดำเนินการตามตรา 140 ส่วนจะสมบูรณ์หรือไม่ ไม่สามารถไปให้คำนิยามได้ ขณะที่ ม.120 วรรค 4 กับ ม.131 เป็นดุลพินิจของ พล.ต.สุรเชษฐ์ ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ร้องที่จะพิจารณาเห็นว่า ม.120 วรรค 4 ควรจะฟังคณะกรรมการสอบสวนให้ข้อเสนอแนะเสียก่อน

ในฐานะผู้บังคับบัญชา รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ได้พิจารณาจากข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และความรุนแรงแห่งคดี และพฤติกรรมต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องใช้ ม.119 ก่อน คือ ตั้งกรรมการร้ายแรงและพิจารณาเกี่ยวกับการออกจากราชการไว้ก่อนตาม ม.131 ซึ่งแท้จริงแล้วยังมีกฎหมายอีกหลายมาตราที่ผู้บังคับบัญชาสามารถใช้ได้

ขั้นตอนหลังจากนี้อยู่ระหว่างต้องรอผลการพิจารณาจากคณะกรรมการชุดสืบสวน และจากคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ในการพิจารณาตาม ม.131 เรื่องบทลงโทษ จากนั้นจะมีการพิจารณาตาม ม.140 คือ การทูลเกล้าฯ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังคง รองผบ.ตร.แต่มีคำสั่งให้ออกจากราชการจึงต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

"สถานะของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ยังดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.แต่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน"พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว