ELLE Fashion Week 2024 กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมผลักดันแบรนด์ไทยสู่สากล!!
เป็นที่ฮือฮาอีกครั้งกับการกลับมาของ ELLE Fashion Week 2024 ครั้งที่ 26 ณ ICONSIAM เปิดรันเวย์แฟชั่นวีคครั้งใหม่ริมพระแม่เจ้าพระยาตั้งแต่วันที่ 9 – 12 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซ็ปต์ YOUTH ENERGY แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งการสร้างสรรค์ผ่านผลงานแฟชั่นที่สดใหม่ของเหล่าดีไซเนอร์ไทย และมอบพื้นที่เพื่อผลักดันดีไซเนอร์เจเนอเรชันใหม่ของไทยได้โชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่ยกระดับก้าวสู่สากลให้ทั่วโลกได้รู้จักแบรนด์ไทยมากขึ้น โดยนำเสนอผลงานทั้งดีไซเนอร์ชั้นนำระดับประเทศและระดับโลก ทั้งหมด 13 โชว์ จาก 15 ดีไซเนอร์
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสายแฟชั่นทุกคนต้องรู้จัก ELLE เป็นนิตยสารชื่อดังระดับโลกที่มีจุดกำเนิดในประเทศฝรั่งเศสเมืองแห่งแฟชั่น ความงาม และศิลปกรรมต่างๆ ที่งดงาม โดยที่การกลับมาของ ELLE Fashion Week ครั้งนี้ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีของวงการแฟชั่นไทยเป็นการตอกย้ำว่าแบรนด์เสื้อผ้าของประเทศไทยคู่ควรกับทั้งโลก ซึ่งรันเวย์นี้เป็นที่แจ้งเกิดของไทยดีไซเนอร์ดังๆ มาแล้วมากมาย ในแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ร่วมด้วย 15 ดีไซเนอร์ อาทิ HOOK'S PRESENTED BY ZEEKR, SRETSIS, LA BOUTIQUE, VVON SUGUNNASIL, ANURUQ, SIRAPOP, BEENET CORSET, WACAY, PETCHPLOY, NICHp ยังมีแบรนด์ไทยน้องใหม่อย่าง LAROBE8, O.D.C X BBMP, YUNCHANNY และโชว์พิเศษจาก ICONCREAFT ซึ่งนำผ้าไทยในแต่ละถิ่นฐานมาออกแบบใหม่ให้ไฮแฟชั่น รวมถึงแฟชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งแรกในประเทศไทยของ TONY WARD Couture แบรนด์กูตูร์ระดับโลกที่มาร่วมสร้างปรากฏการณ์สุดอลังการในครั้งนี้ด้วย
เปิดรันเวย์วันแรกด้วยแบรนด์ TONY WARD Couture แบรนด์กูตูร์ระดับโลกที่มาจัดแฟชั่นโชว์ครั้งแรกในไทย เผยความประณีตในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการคัดสรรเนื้อผ้าล้ำค่า เทคนิคการตัดเย็บ การปักประดับ คริสตัลจากสวารอฟสกี้ และรายละเอียดต่างๆ ที่เป็น savoir-faire ชั้นครูมานำเสนอจนประจักษ์สู่สายตาในชุดราตรียาวสุดระยิบ ในขณะที่เสื้อผ้าบุรุษ Tony Ward ได้สอดแทรกดีเทลในหลายลุค เพื่อเติมเต็มฝันและจินตนาการให้พวกเขาด้วยเช่นกัน เหมาะสมกับฉายา “The Architect of Detail” จริงๆ
จากนั้นถึงโชว์ของแบรนด์ SIRAPOP โดย สิรภพ เดชรักษา มาพร้อมกับพลังความเป็นนิวยอร์กสร้างความแปลกใหม่ให้กับรันเวย์ ELLE Fashion Week ด้วยเสื้อผ้าภายใต้คอนเซ็ปต์ Desktop to Dance Floor ที่สามารถสวมใส่ได้ตั้งแต่ห้องประชุมในออฟฟิศไปจนถึงงานค็อกเทลปาร์ตี้
ปิดโชว์วันแรกกับ LA BOUTIQUE โดย พัชรวัฒน์ ตระกาลสันติกูล และ ภูริณัฐ วงศ์สถาพรสกุล ถือโอกาสเฉลิมฉลองการเดินทางบนเส้นทางสายแฟชั่นอันยาวนาน 12 ปี ด้วยการเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ “La Vie en Rose, Atelier Collection 2025” สะท้อนเรื่องราวของแบรนด์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้ ดั่งดอกกุหลาบที่ค่อยๆ แตกหน่อและบานสะพรั่งอย่างงดงามและน่าหลงใหล ซึ่งทางแบรนด์ห่างหายจากการทำโชว์มาสักพักแล้ว ครั้งนี้กลับมาพร้อมกับสิ่งใหม่ๆ ที่รังสรรค์มาเพื่อ ELLE Fashion Week โดยพูดถึงการเติบโต เบ่งบาน และมีความแข็งแกร่งของหญิงสาวเหมือน 12 ปีที่แบรนด์ดำเนินมา
เข้าสู่วันที่ 2 ของ ELLE Fashion Week 2024 กับ BEENET CORSET เป็นแบรนด์ที่น่าสนใจมาก โดยนำเอาคอร์เซตมาพัฒนาสร้างสรรค์เป็นเสื้อผ้าในรูปแบบใหม่ที่ทำให้สาวๆ มีความมั่นใจ และได้ทลายกำแพงแฟชั่นแบบเดิม ๆ ของตัวเองด้วยการลุกขึ้นมาปรับลุคตัวเอง กล้าทดลองท้าทายและสนุกสนานไปกับการแต่งตัวมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่สาวๆ เท่านั้น แต่ยังโอบรับความหลากหลายของทุกเพศ โดยคอลเลกชันนี้ได้แรงบันดาลใจอยากให้ทุกคนเข้าถึง BEENET CORSET นั้นก็คือ alive การมีชีวิต เพราะว่าแต่ละชุดมีเจ้าของได้เพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น เพราะผ้า 1 ผืนสามารถออกแบบวางลวดลายผ้าได้เฉพาะ 1 ตัว มันเป็นเสน่ห์ของแบรนด์
ต่อด้วยแบรนด์ ANURUQ พาทุกคนย้อนไปสู่ American western old town ผ่านเสื้อผ้า Menswear ในรูปแบบ Classy Street ที่สะท้อนตัวตนของ ANURUQ ได้อย่างชัดเจน อัดแน่น ไปด้วยดีไซน์อันโดดเด่น ผสมผสานกับเรื่องราวการเดินทางอันน่าตื่นเต้นและน่าประทับใจของเด็กวัยกำลังซน ภายใต้คอลเลกชัน “Take a trip to the thrill” ด้วยแนวคิดหลักของแบรนด์คือ เรื่องของเด็กคนหนึ่งที่หนีออกไปเที่ยวนอกบ้าน หยิบเสื้อผ้าพ่อ จิวเวลรี่ของแม่มาใส่ เป็นการมิกซ์แอนด์แมทช์สไตล์ใหม่ๆ อยากให้เขาพาเราไปยังหมู่บ้านในแบบตะวันตกยุค 80s ที่ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ทั้งนี้ยังคงดีเอ็นเอของแบรนด์ไว้
ปิดท้ายโชว์กับ SRETSIS แบรนด์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในลวดลายบนผืนผ้า การกลับมาบนเวทีในครั้งนี้ มาพร้อมกับความเป็นเด็กสาวที่โตขึ้นในคอลเลกชันที่ชื่อ Essentially Yours กับสไตล์เสื้อผ้าชิ้นเบสิกที่มีความคลาสสิกไม่ได้แปรผันไปตามเทรนด์ของฤดูกาล แต่ก็ยังเต็มไปด้วยรายละเอียดและความเซอร์ไพรส์ในรูปแบบ SRETSIS
วันที่ 3 เปิดตัวด้วยแบรนด์ PETCHPLOY โดย พิมพ์พิตา ทรัพย์วงภูนปวี เป็นตัวแทนความเป็นอิสระของผู้หญิงยุคใหม่ที่ได้แรงบันดาลมาจากสไตล์ของผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลในระดับโลก ที่ประสบความสำเร็จและเป็นโรลโมเดลของผู้หญิงในเจเนอเรชันใหม่ ถ่ายทอดซิลูเอตของเสื้อผ้าที่ผสมผสานทั้งความแข็งแกร่งและอ่อนโยนได้อย่างลงตัวเป็นเหมือนบทกวีที่ร้อยเรียงบอกเล่าเรื่องราวนั้นเอง
ต่อกันที่โชว์พิเศษจาก 3 Young Designers อย่าง แบรนด์ LAROBE8 โดย นันทิกานต์ สิงหา ที่มีเอกลักษณ์ด้วยการใช้วัสดุอย่างผ้าตาข่าย ผ้าลูกไม้ และผ้าทวีดในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่มีความคลาสสิก หรูหรา มีความอ่อนหวานและเซ็กซี่ มาพร้อมกับคอลเลกชัน Glass of Rosé ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการไปท่องเที่ยวที่ประเทศโมนาโก ซึ่งการแต่งตัวของผู้คนที่นั่นค่อนข้างภูมิฐาน ทุกคนจะใส่เดรสยาวกับแซนดัล แต่เดรสตัวเดิมตัวนั้นสามารถเปลี่ยนมาใส่รองเท้าส้นสูง แล้วไปดินเนอร์ในโรงแรมหรูได้ สู่การทำชุดเดรสที่ใส่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ในขณะเดียวกันผู้ชายสวมใหญ่ที่โมนาโกใส่สูท จึงนำสูทมาปรับให้เข้ากับแบรนด์ เป็นซิลูเอตที่ใส่ได้ไม่จำกัดเพศ
แบรนด์ O.D.C X BBMP เป็นการรวมตัวกันของสองแบรนด์น้องใหม่ แบรนด์ O.D.C โดย สาวิตรี ไวทยาการ และ กฤตยชญ์ รอดบุญพา แบรนด์ที่มีเอกลักษณ์จากการนำเอาศิลปะในยุคเรอเรซองส์ผสานกับเสื้อผ้าที่มีความร่วมสมัยและ BBMP โดย อลิสา ขุนแขวง แบรนด์ที่มีความโดดเด่นในเสื้อผ้าสไตล์สปอร์ตที่มีความสนุกสนานและสามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้
แบรนด์ YUNCHANNY โดย ชนกานต์ เมฆจำเริญ หยิบเอาทฤษฎีที่กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงหรือ Chaos Theory นำมาออกแบบเครื่องแต่งกาย ซึ่งกำหนดขนาดเสื้อผ้าทุกชิ้นในคอลเลกชันให้มีเพียงขนาดเดียว มีการใช้ผ้าอัดพลีตและเทคนิคจับจีบทวิสต์ผสานกับดีไซน์ลวดลายกราฟิก เมื่ออยู่บนสรีระของผู้สวมใส่แต่ละคน จึงให้ผลลัพธ์เปลี่ยนไปตามรูปร่างและท่าทางการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน
มาถึงแบรนด์ WACAY เป็นแบรนด์ที่ผสมความ Modern & Creative ของสองพี่น้อง ณัฐชา และ ชิดชนก หอสัจจกุล ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการผลิตลวดลายโมโนแกรมของตนเองขึ้นมา พร้อมกับการใช้ผ้านิต เดนิม ที่ตอบโจทย์ผู้หญิงใน Lifestyle แบบ Summer & City กับโชว์สุดพิเศษคอลเลกชัน House of WACAY ซึ่งเป็นการรวบรวมเอกลักษณ์งานออกแบบของแบรนด์ทั้งหมดมานำเสนอในมิติใหม่ มีความเป็น City Girls มากขึ้นจะได้เห็นโมโนแกรมในรูปแบบใหม่ ที่มีความเท่ ความสนุกมากขึ้น สำหรับโชว์จะเหมือน Living Room ขนาดใหญ่ เชิญแขกมาที่บ้าน ได้เห็นตัวตนใหม่ๆ ของแบรนด์
ปิดท้ายของวันกับ แบรนด์ VVON SUGUNNASIL โดย ทัตวร สุกัณศีล ที่ร่วมนำเสนอผลงานบนรันเวย์ ELLE Fashion Week ครั้งแรก โดยถ่ายทอดประสบการณ์ของการทำงานในแบบความถนัดเฉพาะตัวกับเสื้อผ้าแบบ Modern Tailoring และนำมาสู่การตัดเย็บอย่างประณีตในคอลเลกชัน ready to wear ที่ยังคงความโก้หรูมีดีเทล และสามารถเป็นไอเทมชิ้นโปรดที่สามารถหยิบจับมา mix and match ใช้ได้ในทุกโอกาสสำหรับทุกคน ตามแบบฉบับของ VVON SUGUNNASIL
ปิดฉากวันสุดท้ายกับโชว์พิเศษจาก ICONCRAFT ผู้สนับสนุนดีไซเนอร์ไทยสู่เวทีระดับโลก นำเสนอความงดงามเหนือกาลเวลาของผ้าบาติกไทยครั้งแรกบนรันเวย์ ELLE Fashion Week 2024 กับโชว์ชุดพิเศษ “Timeless Crafting with Batik” ผลงานการออกแบบของ 3 ไทยดีไซเนอร์ระดับแนวหน้า HOME Studio SHOP, WISHARAWISH และ KANAPOT สะท้อนถึงพลังสร้างสรรค์ของไทยดีไซเนอร์ ผ่านผืนผ้าบาติกที่เปี่ยมเสน่ห์เหนือกาลเวลา
แบรนด์ HOME Studio SHOP โดย วิชชุกร โชคดีทวีอนันต์ มาพร้อมผลงานคอลเลกชัน “Relief” ถ่ายทอดมิติการเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติและแฟชั่น โดยนำธรรมชาติ วิวทะเล และสวนยางที่สื่อถึงภาคใต้มาเป็นไอเดียหลักในการออกแบบลวดลาย ซึ่งมีไฮไลต์เป็นการนำเอางานบาติกมารวมเข้ากับผ้าไหมอัพไซคลิ่งที่ได้จากผ้าเหลือใช้เป็นครั้งแรก โดยมีทั้งชุดสวยในลายเส้นแบบ Block Stripe และช่องตาราง Minimal Grid ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยเทคนิคบาติกแม่พิมพ์ทองเหลือง และเทคนิคการเขียนเทียนด้วยมือ
แบรนด์ WISHARAWISH โดย วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข แบรนด์ที่โดดเด่นในการนำผ้าท้องถิ่นมาออกแบบเป็นแฟชั่นที่มีความร่วมสมัย มาพร้อมกับคอลเลกชัน “Senses” ที่นำเอาแรงบันดาลใจจากลวดลายเครื่องปั้น สถาปัตยกรรม และศิลปะแนว Orientalism มาผสมผสานกับเทคนิคผ้าบาติกแนว Contemporary Craft นำเสนอความสดใหม่และเป็นปัจจุบัน โดยเน้นที่ Menswear ซึ่งมีสัมผัสที่พลิ้วไหวและใช้งานได้หลากหลาย โดยมีไอเทมหลักเป็นเทรนช์โค้ตแบบต่างๆ รวมถึงชิ้นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
แบรนด์ KANAPOT โดย คณาพจน์ อุ่นศร เป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องของดีไซน์ ลวดลาย สีสัน และวอลลุ่ม กับคอลเลกชัน “Instinct ฉลองครบรอบ 10 ปีของแบรนด์ที่ผสมผสานการออกแบบสไตล์ Animal print ออกแบบผ้าบาติกเป็นลายเสือดาว ลายทหาร รวมถึงลายดอกไม้มากกว่า 10 แบบ ผสาน
ต่อกันด้วยโชว์ของ แบรนด์ NICHp โดย ณิชา ประสานเกลียว ผู้หลงใหลในงานออกแบบที่เดินทางมาถึงปีที่ 10 ของแบรนด์ พร้อมเอกลักษณ์ความมินิมอล เรียบหรู มาพร้อมกับคอลเลกชัน Eternity ที่มีความหมายถึงการเดินทางต่อไปข้างหน้าไม่มีที่สิ้นสุด นำเสนอเอกลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์และลูกเล่นกับการสร้างความผสมผสานด้วยวัสดุใหม่ที่มีความเป็นฟิวเจอริสติก และเทคนิคคัตเอาต์ การจับเดรป การเพิ่มมิติเลเยอร์ซ้อนเนื้อผ้า นำมาผสานกันได้อย่างลงตัว
ส่งท้าย ELLE Fashion Week 2024 ในครั้งนี้ด้วยโชว์ของ HOOK’S PRESENTED BY ZEEKR แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าของวงการ ผักกาด-ประภากาศ อังศุสิงห์ มาในธีม DEMONSTERS KIDS การทำลายกรอบความคิดและรูปแบบที่เคยทำไว้ทั้งหมด การ refresh ตัวเองด้วยแนวทางการออกแบบที่แตกต่าง แปลกใหม่ ไปจากเดิม DEMONSTERS KIDS คือการเริ่มต้นใหม่ ในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง บอกเล่าความสวยงาม สนุกสนาน ความลึกลับ ผ่านเสื้อผ้าในคอลเลกชัน และ โชว์ performance ที่เป็นประสบการณ์ใหม่ของ HOOK'S
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่าการกลับมาของ ELLE Fashion Week 2024 ครั้งนี้ถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งให้การโชว์ศักยภาพของไทยดีไซเนอร์ ไม่ว่าจะหน้าเก่า หรือใหม่ให้ไปสู่สากลมากขึ้น จริงๆ แล้วอุตสาหกรรมแฟชั่นในประเทศไทยต้องการพื้นที่ที่เปิดโอกาสได้โชว์ของ และต้องการแรงสนับสนุนจากทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันให้แบรนด์แฟชั่นไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งในและนอกประเทศ การที่ ELLE เล็งเห็นถึงจุดนี้มันเป็นการส่งเสริมอย่างมาก ในอนาคตอาจจะเห็นแบรนด์ และไทยดีไซเนอร์มีโอกาสก้าวสู่รันเวย์โลกก็เป็นได้ เน้นย้ำขอแค่มีการสนับสนุนในเรื่องอุตสาหกรรมแฟชั่นมากขึ้น
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.