"ภานุวัฒน์ วิเศษวงษา" จากหนุ่มโรงงานสู่นักแต่งเพลง ผู้ปิดทองหลังซูเปอร์สตาร์

"ซังได้ซังแล้ว, ผาแดงของน้อง, นางไอ่ของอ้าย" บทเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ส่งเสริมให้ "ต่าย อรทัย" และ "มนต์แคน แก่นคูน" แรงดีไม่มีตก ครองใจมหาชนต่อเนื่อง รวมทั้งเพลง "ห้ามตั๋ว" ช่วยตัดสายสะดือให้ "มีนตรา อินทรา" แจ้งเกิด

ภานุวัฒน์ วิเศษวงษา

ล้วนถูกรังสรรค์ออกมาจากมันสมองของ "ภานุวัฒน์ วิเศษวงษา" อดีตหนุ่มโรงงาน ทำงานโรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์ ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี คนเดียวกันที่สะบัดปากกาแต่งเพลง "บ่เป็นหยัง เค้าเข้าใจ" ให้ "กวาง จิราพรรณ" ร้องประกอบภาพยนต์ไทบ้าน เดอะซีรีส์

ภานุวัฒน์ เปิดบ้านให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว Sanook.com เล่าเส้นทางสู่ความสำเร็จ จากหนุ่มโรงงานมาเป็นนักแต่งเพลงค่ายแกรมมี่ โกลด์ เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกเรื่อง เหมือนกับสตอรี่ผู้คนส่วนใหญ่

ภานุวัฒน์ วิเศษวงษา

"ผมเป็นคนอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด" เขาบอกพื้นเพ

หนุ่มเมืองร้อยเกินเล่าว่า หลังจากเรียนจบ ปวส.ช่างยนต์ จากเทคโนโลยีอาชีวศึกษานครราชสีมา และจบปริญญาตรี การจัดการอุตสาหกรรม จากราชภัฏนครราชสีมา ตัดสินใจมาปักหลักทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวในภาคตะวันออก

"พอดีมีเพื่อน มาทำงานอยู่โรงงานอยู่ทางชลบุรี อยู่แล้วครับ ผมก็เลยมาสมัครเป็นช่างเทคนิคสอบเทียบเครื่องมือวัดละเอียด มาก็อยู่ห้องเช่า ห้องเช่าก็น้ำไหลบ้างไม่ไหลบ้าง ไฟก็ติดบ้างไม่ติดบ้างอะไรบ้าง มันก็มีความลำบาก ผสมกับโอกาสดีๆ ได้ทำงานโรงงาน ก็ถือว่ายังมีงานครับ"

"ช่วงแรกๆ ถึงจะแบบอดมื้อกินมื้อก็ไม่เป็นไร ลุยงานไปก่อน พึ่งตัวเองให้สุดๆ ก่อน คิดว่า ถ้าเราดูแลตัวเองไม่ได้ ถ้าเราแข็งแกร่งไม่ได้ เราจะไม่สามารถดูแลคนอื่นได้ พอสร้างเนื้อสร้างตัว หรือว่าพอได้มีเงิน เราก็มีโอกาสที่จะไป หยิบยื่นหรือดูแลคนอื่น ให้มันดีขึ้นได้ครับ"

ลูกอีสานมาขายแรงไกลถิ่น เริ่มสนใจการแต่งเพลงตอนอายุได้ 28 ปี เพราะทึ่งในการคิดคำร้องของนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียง จึงตัดสินใจไปเข้าคอร์สสัมมนา "เขียนเพลงให้ขายได้ เขียนชีวิตให้ไปโลด" กับ "สมชาย ตรุพิมาย" นักแต่งเพลงอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนักร้องชื่อดังหลายคน

ก่อนเขย่าวงการ ด้วยการแต่ง "บ่เป็นหยัง เค้าเข้าใจ" ให้ "กวาง จิรพรรณ" ร้องเป็นเพลงประกอบภาพยนต์เรื่องไทบ้าน เดอะซีรีส์ ได้รับความนิยมถล่มทลาย ขึ้นแท่นเป็นนักแต่งเพลงคลื่นลูกใหม่มากแรงขณะที่มีอายุ 31 ปี

ภานุวัฒน์ วิเศษวงษา

จากที่เคยถูกหมางเมินผลงาน เริ่มมีคนให้ความสนใจสไตล์การแต่งคำร้อง และทำนองไพเราะจับใจ มี ความทันสมัยคนรุ่นใหม่เข้าถึงง่าย คนกลางเก่ากลางใหม่ฟังแล้วไม่ระคายเคืองหู

"โดยพื้นเพเนาะคนอีสาน คนอีสานก็ชอบฟังเพลงลูกทุ่งอีสาน อะไรไปอย่างนี้ ฟังไปฟังมาๆ อยากมีเพลงที่เราแต่งบ้าง อยากมีผลงานที่มีศิลปิน มาร้องเพลงเราบ้าง ก็เลยแบบลองหัดดู"

"มีช่วงหนึ่งที่ผมลงเฟซบุ๊ก ประมาณว่า มีใครสนใจ ก็ให้แบบนำไปสานต่อได้เลยครับ ไม่คิดตังค์อะไรอย่างนี้ครับ คือแบบ ให้ๆ ฟรีไปเลย คือแค่ว่าขอให้คนอื่นได้ร้องเพลงที่เราแต่ง"

"บางคนเขาบอกว่า เราไม่มีชื่อ ยาก เขาบอกไปทำอย่างอื่นเถอะ ส่วนตัวคิดว่า ไม่เป็นไรก็ทำไป ลงไป คิดว่าบางคนหรือบางครูอาจารย์ เขาก็ทำไร่ทำนาอยู่ที่ทุ่งนา เขาก็ยังแต่งเพลงได้ เขาก็ยังทำงานสายนี้ได้"

"ส่วนตัวคิดว่า มันก็ไม่ผิดที่เราจะลองทำดูอะไรอย่างนี้ ก็ใส่เลย ทำอย่างเดียว เก็บเกี่ยวไป เรียนรู้ไป จนมาเกิดเพลงแรก ก็คือ "บ่เป็นหยัง เค้าเข้าใจ" ของกวาง จิรพรรณ ซึ่งได้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ไทบ้าน เดอะซีรีส์ด้วย"

ภานุวัฒน์ วิเศษวงษา

ภานุวัฒน์ เล่าจุดพลิกผันของชีวิต จากหนุ่มโรงงานสู่นักแต่งเพลงค่ายใหญ่ เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2560 เขาได้รับโทรศัพท์จาก "ครูสลา คุณวุฒิ" โทรมาหาบอกว่า "อยากให้ช่วยเขียนเพลง" เมื่อโอกาสดีมาถึงแล้ว จึงรีบคว้าไว้ ไม่ปล่อยให้หลุดลอย

"ได้รับโทรศัพท์จากครูสลาตกใจ ตอนนั้นอยู่ในโรงงานเลยครับ ฮัลโหลใครน้อ ไม่รู้เบอร์ใครโทรมา ครูสลาบอกหำ (ภาษาอีสานผู้ใหญ่ใช้เรียกเด็กผู้ชาย) ครูนะ ครูสลานะ เจ้านายก็มอง กำลังนั่งทำงาน"

"เหงื่อแตกเลยตอนนั้น ไปหลบเจ้านายคุยโทรศัพท์ ครับครู ครูว่าจะให้ช่วยแต่งเพลง ลองส่งผลงานเข้ามา ครูหาเพลงคนนี้ๆ อยู่ ครับๆ อย่างเดียว ตอนนั้นคือครับอย่างเดียว ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ก็ไม่รู้ ครับไว้ก่อนล่ะครับ"

"พอช่วงพักเบรค เข้าห้องน้ำเลย เอาอะไรดี เข้าห้องน้ำเพื่อที่จะหาชื่อเพลง เพื่อจะแต่งเพลงครับ คืออยากทำตอนนั้นครับ เรามีตอนนั้นเท่าไร ก็ใส่ไปให้หมดก่อน คนที่ฝีมือดีๆ มีมากมาย ถ้ามีโอกาสแบบนี้แล้ว ก็อยากให้ใส่ให้มันเต็มที่ไปก่อนครับ"

"จนมาวันหนึ่ง ไปเปิดคลิปวิดีโอ เห็นพี่ต่ายกำลังซ้อมไกด์เพลงอยู่ แกร้องว่า "ซังได้ซังแล้ว" ตกใจเลย ตกใจว่า เฮ้ยพี่ต่ายร้องเพลงเรา มันเกินความคิดเรา พี่ต่ายจะมาร้องเพลงเราได้ยังไง ประมาณนี้ครับ"

"เพลงนั้นก็ถูกทำ เป็นเพลงของพี่ต่าย กระแสตอบรับดีมาก ประมาณ 200 ล้านวิว ได้อยู่ และก็เป็นชื่ออัลบั้มด้วย โอ้ ดีใจสุดๆ ครับ เพื่อนเขาก็แซวครับ ก็ดีใจก็อะไรด้วย แสดงความยินดี เขาก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้เหมือนกัน"

ภานุวัฒน์ วิเศษวงษา

"เขาก็บอก โอ้ ดังๆ ดังแล้ว อะไรอย่างเนี้ย แต่ผมบอกว่า ไม่ๆ ไม่ ผมก็ยังซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง แจ่วปลาร้า มากินอยู่ข้างกำแพง พักเบรคก็นอนหลับอยู่ข้างม้าหินอ่อน กับเพื่อนเหมือนเดิม"

หนุ่มโรงงานมีส่วนกับความสำเร็จของ "ราชินีดอกหญ้า" ตั้งหน้าตั้งตาส่งผลงาน พิสูจน์ฝีมือเป็นเวลากว่า 1 ปี จน "กริช ทอมมัส" หรือ "พี่ตี่" อดีตผู้บริหารค่ายแกรมมี่ โกลด์ ยกนิ้ว "คนนี้ของแท้" เรียกมาเซ็นสัญญาเป็นนักแต่งเพลง

ในเวลานั้นเขาไม่ด่วนตัดสินใจแบบ "ได้หน้าแล้วลืมหลัง" ยังทำงานโรงานต่อไป เพราะส่วนตัวมองว่างานโรงงานมีความมั่นคงกว่านักแต่งเพลงมือใหม่ จึงเลือกทำสองอย่างควบคู่กัน

"ทำงานกับครูสลา มาประมาณหนึ่งปี พี่ตี่ เซ็นเลย จ้างเป็นนักแต่งเพลงของแกรมมี่ คำหนึ่งถามมาว่า ให้เงินเดือนเอ็งอยู่ตรงนี้ เอ็งออกจากโรงงานไหม แต่ผมก็ยังมองเส้นทางของคนเขียนเพลง สามารถขึ้นลงได้ ปีหน้าอาจจะแต่งไม่ได้ หรืออาจจะได้ เราก็ตอบตัวเองไม่ได้ บอกพี่ตี่ไปวันนั้นว่า ไม่ออกครับพี่"

ภานุวัฒน์ วิเศษวงษา

"ทำแกรมมี่ มาเรื่อยๆ เพลงก็ผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง มีเพลงที่เป็นที่รู้จักอย่าง "ยังฮักไผอีกได้บ่" ของพี่มนต์แคนกับมีนตรา ที่ร้องคู่กันครับ "ห้ามตั๋ว" มีนตราร้องเดี่ยว "นางไอ่ของอ้าย" ของพี่มนต์แคน ผาแดงของน้อง ของพี่ต่าย "แฮงใจวันอ้ายล้ม" ของพี่ไผ่ พงศธร ล่าสุดนี่มีผลงานพี่มนต์แคนร้องกับลำเพลิน วงศกร เป็นโปรเจกต์ถนนคนเพลิน เพลง "เพิ่นบ่แม่นผู้สาวเฮา" ครับ ตอนนี้ 1 มาแรง"

ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ภานุวัฒน์ บอกด้วยว่า หลายคนเมื่อแต่งเพลงได้ อาจจะมีความคิด "อยากเป็นนักร้อง" เป็นธรรมดาของคนที่ชื่นชอบเสียงเพลง แต่เขาไม่คิดแบบนั้น เขาคิดว่า "เราควรอยู่ในที่ ที่เราควรอยู่" เมื่อธรรมชาติเขย่าให้มาเป็นนักแต่งเพลงแล้วก็อย่าไปฝืนธรรมชาติ

"โดยปกติคนที่ชอบเสียงเพลง ก็อาจจะมีความอยากเป็นนักร้อง เราไม่เป็นแบบนั้น สไตล์เราคืออยากมีความสุขแบบนั่งฟังเพลงตัวเอง ผ่านเสียงคนอื่นร้อง แค่นี้ก็พอแล้วครับ ณ วันนี้"

"ไม่ใช่ว่าแต่งเพลงเพราะ แล้วจะเป็นนักร้อง แล้วดัง การทำงานหรือธรรมชาติ มันเขย่าให้เรามาตรงนี้แล้ว ผมว่าเราน่าจะอยู่ในที่ ที่เราควรอยู่ น่าจะทำได้ดี ไม่ต้องฝืน แล้วก็จะมีความสุขมากๆ"

ท้ายการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ หนุ่มโรงงานที่ผันมาเป็นนักแต่งเพลงเต็มตัว บอกว่า ความสำเร็จเดินทางมาหาเขา จากการลงมือทำงานให้ออกมาดีที่สุด ดั่งคำกล่าวที่ว่า "ความสำเร็จเกิดจากการลงมือทำ ไม่ใช่แรงอธิษฐาน ไม่มีความสำเร็จใดได้มาโดยไม่ต้องลงแรง"

ภานุวัฒน์ วิเศษวงษา

"สิ่งเดียวที่คิดว่ามันจะพาเราไปทุกที่ มันก็คือการทำงานของเรา ก็คือเพลงของเรานี่แหละ ผลงานตรงนี้ ถ้าไม่มีตรงนี้ อันอื่นก็คงเป็นไปไม่ได้ ส่วนตัว ผมเองคือหนึ่งไม่ท้อ ไม่คาดหวัง ในเรื่องอื่นๆ มากกว่าเนื้อเพลงที่อยู่ตรงหน้าเรา"

"ไม่คิดว่าเพลงที่เราแต่งมันจะไปตรงไหน ใครจะร้อง หน้าที่ของเรา คือ ทำเพลงนี้ให้มันดี ชีวิตเหมือนกัน หรือว่าการทำงานทุกสิ่งทุกอย่าง คือทำให้มันดีก่อน แล้วมันจะพาเราไปเรื่อยๆ ไกลมากเกินกว่าเราคิดก็เป็นได้"

"ตอนนี้ผมได้ลาออกจากโรงงานแล้ว ชีวิตมันเปลี่ยน ผมมีลูก พอเรามาทำที่แกรมมี่เนี่ย ในส่วนของรายได้ก็คิดว่ามันก็ครอบคลุมกับชีวิตปัจจุบัน ก็เลยตัดสินใจ เพื่อจะได้มีเวลา เลี้ยงลูกไปด้วย"

"จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ อยากลาออกหรอก เพราะว่าโรงงานนี้ คือจุดที่ทำให้ผม มาถึงวันนี้ได้เหมือนกัน เครดิตงานโรงงานล่ะครับ ที่ผมเอาไปยื่นธนาคารกับเมีย กู้ร่วมกันมาซื้อบ้าน 2 ล้าน 7 ครับ"

ภานุวัฒน์ วิเศษวงษา

"มาไกลมากๆ ไม่น่าเชื่อจะมาแบบนี้ได้ ไม่น่าเชื่อผมจะมีแบบนี้ได้ ถ้าถอดใจหรือไม่ลงมือทำ มันก็คงเป็นไปไม่ได้ มันก็เลยให้เราเอามาใช้ว่า ไม่ว่าผมจะทำอะไร ถ้าผมเชื่อแล้วผมทำ อย่างไม่ได้ ก็ต้องได้ความรู้ หรือว่าขยับไปข้างหน้าสักก้าวหนึ่งแหละ"

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.