"สวยขยี้ใจ" ฮิตที่ 1 ของโลก "บุ๊ค ศุภกาญจน์" ขอบคุณความล้มเหลวทำให้ตาสว่าง
"บุ๊ค ศุภกาญจน์" นักร้องหนุ่ม ค่ายบังเอิญ มิวสิค ท็อปฟอร์มต่อเนื่อง ปล่อยเพลงใหม่ล่าสุด "สวยขยี้ใจ" ออกโกยคะแนนความนิยมต่อจาก "ละไว้ในฐานที่เข้าใจ"
สวยขยี้ใจ เปิดตัวมาได้ 3 สัปดาห์ ทั่วสารทิศเปิดกันกระหึ่มต่อเนื่องมาถึงช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา จนพุ่งทะยานเป็นมิวสิควิดีโอเพลงยอดนิยมรายวันอันดับ 1 ของโลก และเป็นมิวสิควิดีโอเพลงยอดนิยมรายสัปดาห์ อันดับที่ 12 ในยูทูบ
"เราเพิ่งปล่อยไปประมาณ 3 สัปดาห์ ก็ไม่ได้คิดว่า มันจะขึ้นมาเป็นอันดับที่ 1 อันนี้จะเป็นยูทูบรายวัน จะตัดสินรายวัน ส่วนเป็นวีค ก็ติดอันดับที่ 12 ครับ คาดไม่ถึง มันจะได้รับผลตอบรับดีขนาดนี้"
บุ๊ค บอกกับทีมข่าว Sanook.com ว่า รู้สึกปลื้มที่ผลงานใช้เวลาทำงานข้ามปี ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในเวลารวดเร็ว
บุ๊ค สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนการเรือไทย หลังจากตัดสินใจลาออกจากการเป็นลูกเรือพาณิชย์ เบนเข็มมาเป็นนักร้องเขาแต่งเพลงเองร้องเองมาโดยตลอด โดยแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงสวยขยี้ใจ ความต้องการยกระดับ กุลสตรีที่มีลูกติด ที่โดนแฟนทิ้ง ยืนอยู่ในสังคมได้อย่างสง่างาม
"ที่ผมตั้งโจทย์มา เป็นเหมือนเพลงๆ หนึ่ง ที่เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะจีบผู้หญิงลูกติด เราจะไม่ใช้คำหยาบ เราต้องการที่จะยกระดับ กุลสตรีที่มีลูกติด แบบที่โดนแฟนทิ้งไปแล้ว โดนสามีทิ้งไปแล้ว ให้ขึ้นมาอยู่ในสังคม ให้เหมือนสาวๆ วัยทีนสดใส ยืนอยู่ในสังคมได้สง่างาม ที่เขามีลูกติดเขาไม่ได้ผิด แต่คนที่ผิดคือคนที่ทิ้งเขาไป ไม่อยากให้เขาถูกมอง ในแบบลบๆ ทำให้เขายืนอยู่ในสังคมนี้ได้แบบ เชิด สวย"
นักร้องหนุ่มวัย 28 ปี บอกต่อว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ มีผู้อยู่เบื้องหลังหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น "อาจารย์โต้ง" ผู้บริหารค่ายบังเอิญ มิวสิค ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ผู้เรียบเรียงดนตรี ทีมงานนักดนตรี แฟนเพลง ขอบคุณทุกส่วนที่เมตตา และขอบคุณความล้มเหลวในอดีต ที่ช่วยทำให้เขาตาสว่าง ช่วยเปลี่ยนมุมมองความคิดในการเขียนเพลง ทำให้ฐานแฟนเพลงขยายเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว มีความรุ่งเรืองเขามาอย่างต่อเนื่อง
"คือผมเคยมีประวัติเก่า พวกงานเพลงเก่าๆ ที่เริ่มสร้างขึ้นมาแรกๆ ตอนนั้นผมไม่ละเอียดพอ แล้วก็ใจร้อน เป็นวัยรุ่นที่แบบหิวแสงก็ว่าได้ครับ กระหายในความมีชื่อเสียง แต่ผมกระหายชื่อเสียงผิดทาง ยกตัวอย่างเพลงสืบพันธุ์ ของผมค่อนข้างที่จะโดนกระแสลบ ดราม่าค่อนข้างเยอะ ไอ้ขี้ก๊อปฯ บ้าง ตลาดล่างบ้าง มีแต่เรื่องใต้สะดือบ้าง ทำเพลงอะไรของมึงวะ ไม่แคร์สังคมเลยนี่หว่า"
"ผมรู้สึกว่าคนกลุ่มนั้น ไม่ได้ผิดเลย ที่เขาพูดมามันคือเรื่องจริง เราไร้วุฒิภาวะ เราเอาแค่สนุกแค่ตัวเรา เราไม่ได้คำนึงถึงชีวิตคนอื่น เขามาเตือนสติผมด้วยซ้ำมุมมองผมเริ่มเปลี่ยนตาม เปลี่ยนไปจนกระทั่ง ถ้าผมแต่งเพลงออกมาเพลงหนึ่ง มันบอก หรือพูดในมุมมองสังคมอะไรแล้ว มันเป็นผลดี หรือผลเสีย หรือเปล่า"
"เราได้เรียนรู้ความเจ็บปวด แล้วเรารู้จักแล้วว่า ตรงนั้นมันเป็นหลุมนะ ถ้าเราทำงานครั้งต่อไป ได้หลบมัน หรือก้าวข้ามมัน มันทำให้ผมละเอียดมากขึ้น และคิดมากขึ้น ถ้าไม่มีคนกลุ่มนั้น ผมก็จะใช้ชีวิตแบบ หลงระเริงมาเรื่อยๆ ก็อาจจะไม่มีวันนี้ครับ"
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ บุ๊ค แสดงให้เห็นว่า เขาเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัว และไม่ยึดติดกับชื่อเสียงเพิ่มทวี
เขาถ่อมตัวว่า บนเส้นทางสายนี้ เขายังต้องพัฒนาตัวเองต่อเนื่อง ต้องขัดเกลาตนเอง เขี่ยวเข็ญตนเอง ให้ละเอียดยิ่ง ๆ ขึ้นไป
"ผมยังคิดว่า ผมยังไม่ได้เป็นซูเปอร์สตาร์ หรือนักร้องดัง คำว่าศิลปิน ผมก็ยังไม่กล้าใช้กับตัวเองด้วยซ้ำ มันเหมือนเราเป็นผู้สรรค์สร้างผลงานเพลง คำนี้น่าจะเหมาะกว่า
บุ๊ค ดำเนินชีวิตแบบบ้านๆ มีความสุขกับวิถีความเป็นอยู่เรียบง่าย บอกอีกว่า แม้ห้วงเวลานี้ กระแสเพลงสวยขยี้ใจ ในอัลบั้มละไว้ในฐานที่เขาใจ ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แต่เขาไม่เคยมีความคิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตให้เลิศหรูฟูฟ่อง เกินความจำเป็นขั้นพื้นฐานของมนุษย์
"เรื่องครอบครัว วางแผนกันไว้ก็อยู่กันแบบปกติขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทั่วไป ผมก็บอกแฟนไปว่า เราก็ยังไลฟ์สดขายไก่ได้ตามปกติ เราก็ยังแบบเลี้ยงวัวเลี้ยงหมูได้ปกติ เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเพื่อ เพลงๆ เดียว หรืองานๆ นี้ เราก็ยังเป็นเราเหมือนเดิม ผมร้องเพลงเสร็จ ผมบินกลับศรีสะเกษ ผมก็ไปเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู เลี้ยงวัว เหมือนเดิม มันคือชีวิตจริง มันคือของจริง"
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.