หมอลำก้นครัว "สุข กาฬสินธุ์" แชมป์ดวลเพลงฯ 5 สมัย จำใจเข้ากรุงมาหาเงินปลดหนี้

เปิดใจ "สุก กาฬสินธุ์" แชมป์ดวลเพลงชิงทุน 5 สมัย จากอดีตนางเอกหมอลำ จำใจเข้ากรุงมาเป็น "หมอลำก้นครัว" เพื่อหาเงินปลดหนี้ จากการเป็นเกษตรกร สะท้อนปัญหาปากท้องในชนบท

"ธัญญา ศุภกิจ" หรือ "สุก กาฬสินธุ์" แชมป์ดวลเพลงชิงทุน 5 สมัย เปิดใจกับทีมข่าว Sanook.com เล่าเส้นทางก่อนโชว์ลูกคอชนะใจกรรมการ นำทีมโดย "ครูสลา คุณวุฒิ" 5 สมัยติดต่อกันว่า ไม่มีความอยากเข้ามาใช้ชีวิตในกรุงสักนิดเดียว แต่ในวัย 46 ปี จำใจต้องจากแดนดินถิ่นอีสาน มาทำงานหาเงินปลดหนี้ก้อนโตซึ่งพอกพูนมาจากการทำเกษตร ผลผลิตขายไม่ได้ราคา จนมองไม่เห็นทางว่าจะไปต่อได้อย่างไร สะท้อนปัญหาปากท้องในชนบท


สุก กาฬสินธุ์ เล่าว่า เธอเป็นชาว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ชอบหมอลำมาตั้งแต่เด็ก บวกกับรู้ตัวว่าเรียนไม่เก่ง จึงเลือกไปเอาดีด้านที่มีแวว ด้วยการไปสมัครเป็นหางเครื่องวง "สาธิต ทองจันทร์" ศิลปินหมอลำชื่อดัง ก่อนพัฒนาขึ้นมาเป็นนักร้องประจำวงหมอลำต่างๆ เดินสายทำการแสดงทั่วดินแดนที่ราบสูง และยกระดับขึ้นมาเป็นนางเอกหมอลำประจำวงที่มีพี่เขยเป็นหัวหน้าวง ช่วยกันบริหารงานกับพี่สาวไปได้สวย ปั้นลูกปั้นหลานขึ้นมาประดับวงการหมอลำรุ่นต่อรุ่น แต่เมื่อพี่เขยได้มาเสียชีวิตทุกอย่างก็มาถึงทางตัน เป็นเหตุให้เธอต้องจากบ้านมาเป็นแม่ครัว ที่ร้าน "หมอลำตำแซบ" ย่านสายไหม 56 ตามคำชักชวนของ "แจ๊ค สุรีรัตน์ แสงไสย์" หลานสาว ลงทุนเปิดร้านขายอาหารอีสานขนานแท้ สร้างเนื้อสร้างตัว

"เป็นนางเอกหมอลำ ก็ได้รับงานดี ไปได้ดี หัวหน้าวง ก็มาเส้นเลือดแตกในสมอง ก็คือพี่เขย ทีนี้ไปต่อไม่ไหว ไม่มีคนนำทางไป หลานก็เลยชวนลงมาทำงานกรุงเทพฯ ลงมาเปิดร้านหมอลำตำแซบ ซอยสายไหม 56
พี่สาวก็มา แฟนก็มา ลูกอยู่กาฬสินธุ์ ปิดเทอมก็ลงมา ลงมาอยู่นี่ก็ทำครัวร้อน อย่างเช่นแกงหน่อไม้ ใส่ไข่มดแดง ต้มขม ต้มแซ่บกระดูกอ่อน ก้อยขม อ่อมเครื่องใน อ่อมหมู อ่อมเนื้อ ตำก็มีปูปลาร้า ตำลาว ตำป่า ตำหอยแครง ตำกุ้งสด เปิด 11 โมง แล้วก็ปิด 4 ทุ่ม"

"เข้ามากรุงเทพฯ อายุ 46 ปี ปัจจุบันนี้ 47 เพิ่งเข้ามาทำงานกรุงเทพฯ ได้ประมาณ 7 เดือนกว่า ไม่ได้อยากจากบ้านมาเลยแม้แต่นิดเดียว มองไม่เห็นทางแล้ว เป็นเกษตรกร ผลผลิตก็ได้ดีอยู่ แต่ว่ามันขายไม่ได้ราคา ค่าปุ๋ยแพง กระสอบละ 1,050 บาท 10 กระสอบก็หมื่นกว่าแล้ว เป็นหนี้ ธกส.ว่าจะขาย ไปใช้ที่รูดบัตรค่าปุ๋ย ก็ไม่พอจ่าย ก็ทบต้นทบดอก เพิ่มทวีขึ้น จาก 1.5 แสน เป็น 2 แสนกว่า เป็น 3 แสนกว่าไป ลงมากรุงเทพฯ เห็นสะพานลอย ที่เรานั่งรถลงมา กว่าจะมาถึงร้านหมอลำตำแซบ บางคนก็มีมุ้งนอน บางคนก็ไม่มีมุ้งนอน เอาหนังสือพิมพ์คลุมตัวเอง ในความคิดเรายังมีโอกาสกว่าเขา ต้องสู้ ต้องรอด เราต้องไปให้ได้"

จากที่เคยเป็นนางเอกหมอลำ แต่งองค์ทรงเครื่องขึ้นเวทีสวยพริ้งเพรา วันนี้ชีวิตพลิกมาเป็น "หมอลำก้นครัว" แชมป์ 5 สมัยดวลเพลงชิงทุนบอกว่า เธอไม่เคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำในโชคชะตา ตรงกันข้ามกับรู้สึกดีต่อใจที่ได้ใช้ความสามารถด้านการร้องเพลง และทำอาหาร เสิร์ฟความสุขความแซบให้กับลูกอีสานพลัดถิ่น และจากภาคต่างๆ ที่เข้ามาฝากท้องกับร้านหมอลำตำแซบ

"เวลาออเดอร์ไม่มี แม่ก็ออกมา ขอร้องหมอลำให้ฟัง เดินไปร้องเพลงให้เขาฟัง แบบนี้เลย เก่าบ้างใหม่บ้าง ร้องได้ 2-3 เพลง ก็บอกเขาว่า มีพี่สาวอีกคนนักร้องหมอลำอยู่ในร้าน และก็มีหลานชายอีกคน ค่อยออกมาทีละ 2 เพลง 3 เพลง ให้ความสุขเขาแล้วก็เข้าไปทำกับข้าวต่อถ้ามีออเดอร์ เขาดีใจกันมาก เขาบอกมานี่ก็มีความสุข ได้กินกับข้าวอาหารอีสานบ้านเรา ได้ฟังหมอลำไปด้วย เหมือนกับเป็นพี่เป็นน้อง เกิดร่วมท้องกันนี่คือความสุขของแม่ ที่ได้ร้องออกไปแล้วคนปรบมือให้ นี่แหละคือความสุขของการเป็นหมอลำ ที่เราให้ความสุขความบันเทิงกับเขาได้แต่ละคืน"

"ตั้งแต่โตมา ก็เป็นคนชอบทำกับข้าวอยู่แล้ว เราทำกับข้าวออกไป คนอีสานบ้านเรา และก็ภาคอื่น ที่เขามากินอาหารร้านเรา ถ้าเขาบอกว่าอร่อยคำเดียว ชนะเลิศเลยถ้าเขาบอกว่าไม่อร่อย ไม่โกรธเขา เรานำคำที่เขาติไปปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น แล้วเอามาให้เขาชิมใหม่ อร่อยไหม เขาบอกว่าอร่อย นี่คือความภูมิใจของเราที่เป็นแม่ครัว ไม่มีอาชีพไหนที่ต้อยต่ำ ถ้าเราตั้งใจจะทำแล้ว อาหารนอกจากใส่เครื่องปรุง เราต้องใส่ใจด้วย เมนูทุกเมนู เราต้องใส่ใจทุกอย่าง การร้องเพลงเหมือนกัน ต้องใส่ใจ ร้องไปแต่ละคำแต่ละเพลง ให้เขาได้เห็น ความสุขจริงใจจากเรามอบให้เขา"

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.