EXCLUSIVE with TOP 9: การพิสูจน์ตัวเองของ "ไผ่หลิว" บนสองเส้นทางแห่งชีวิต

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ไผ่หลิว - กมลวลัย ประจักษ์รัตนกุล” เป็นเด็กฝึกอีกคนหนึ่งที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ก่อนรายการ CHUANG ASIA THAILAND จะเปิดตัวเสียอีก กระทั่งรายการออกอากาศ ไผ่หลิวก็กลายเป็นเด็กฝึกที่ได้รับความสนใจจากแฟนๆ จนสามารถคว้าอันดับ 1 TOP 9 จากรอบการคัดออกรอบแรกมาครองด้วยคะแนนโหวตจากแฟนคลับ และผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ 

แม้เวทีนางงามจะเป็นพื้นที่แจ้งเกิด แต่เวทีไอดอลคือความฝันที่ไผ่หลิวอยากให้โอกาสตัวเองได้ลองพยายามสักครั้ง แล้วบนเส้นทางแห่งชีวิตของเด็กสาวที่มีความฝันจะเป็นอย่างไร Sanook ชวนไผ่หลิวนั่งคุยสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อทำความรู้จักอีกแง่มุมในชีวิตของเด็กฝึกจากรายการ CHUANG ASIA THAILAND คนนี้!

Q: นิยามของคำว่า “ไอดอล” คืออะไร

ไผ่หลิว: คำว่าไอดอลสำหรับหนู ในแง่หนึ่งมันอาจจะหมายถึงคนที่เต้นได้ร้องเพลงได้ หรือเต้นเก่งร้องเพลงเก่ง แต่ในอีกแง่หนึ่ง หนูรู้สึกว่าการเป็นไอดอลคือการเป็นคนที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ เป็นแบบอย่างที่ดีให้คนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านแนวคิด การใช้ชีวิต หรือแง่มุมอื่นๆ ของชีวิต นอกจากนี้ การเป็นไอดอลสำหรับหนูคือต้องมีแฟนคลับ ต้องพยายามสร้างฐานแฟนคลับและมีคนมาสนับสนุนเรา 

Q: แล้วไอดอลของไผ่หลิวคือใคร

ไผ่หลิว: พี่ลิซ่า BLACKPINK กับพี่อิงฟ้า (อิงฟ้า วราหะ) อย่างพี่ลิซ่า หนูรู้สึกว่าเวลาที่พี่เขาขึ้นแสดงบนสเตจ เขามีออร่าบางอย่างที่เราดูแล้ว เราจะถูกดึงดูดเข้าไป และทุกครั้งที่เขาเต้น เราสัมผัสได้จริงๆ ว่าเขามีความสุข สีหน้าการแสดงออกของเขามีความสุขมาก แล้วก็ทักษะการเต้นของเขาด้วย ที่เราเห็นแล้วอยากเต้นให้เก่งเหมือนกับเขา เราเลยมีพี่ลิซ่าเป็นไอดอลคนหนึ่งที่ทำให้เราอยากจะผลักดันให้ตัวเองไปถึงตรงนั้นให้ได้ 

ส่วนพี่อิงฟ้า หนูรู้สึกว่าพี่ฟ้าเป็นคนที่สามารถทำได้ทุกอย่าง พี่ฟ้าเป็นคนที่ไม่ว่าจะมีโอกาสไหนเข้ามา เขาก็คว้าเอาไว้หมด และพยายามทำให้ดีที่สุด ต่อให้จะมีคนมาบอกว่าเขายังไม่ดีพอ พี่ฟ้าก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ แล้วสุดท้ายเขาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองให้คนทุกคนเห็นว่าเขาทำได้ ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้หนูยกให้พี่ฟ้าเป็นไอดอลของหนูเลย

Q: หลายคนรู้จักไผ่หลิวจากบทบาทนางงาม แต่วันนี้ไผ่หลิวกระโดดมาอยู่ในเส้นทางสายไอดอลแล้ว เส้นทาง 2 เส้นนี้เหมือนหรือแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน 

ไผ่หลิว: หนูว่า 2 เส้นทางนี้มันสามารถไปคู่ขนานกันได้นะ คือมันมีความแตกต่างกันแหละ แต่มันไม่ได้แตกต่างจนถึงขั้นที่ว่าเราไม่สามารถควบคุมด้านในด้านหนึ่งได้ อย่างในพาร์ทของนางงาม มันก็จะเป็นในด้านของการเป็นคนต้นแบบ (role model) มีเรื่องของการเดินและการแสดงทัศนคติ ขณะที่ในพาร์ทของไอดอล มันเป็นเรื่องของสกิลและคาริสม่าต่างๆ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือการที่เราสามารถใช้เสน่ห์หรือคาริสมาของตัวเองในการดึงดูดคนหรือสร้างฐานแฟนคลับ

Q: เวลาพูดถึงแฟนคลับ สำหรับไผ่หลิวแล้ว พวกเขาเหล่านี้คือใครเหรอ

ไผ่หลิว: ตอนแรกหนูก็ไม่เข้าใจว่าเขาคือใครเหมือนกัน แต่ ณ วันหนึ่งที่หนูมีแฟนคลับ หนูกลับรู้สึกว่าเขาเหมือนคนในครอบครัว ซึ่งครอบครัวของเรามันใหญ่มาก และแฟนคลับก็คือคนที่เรารักและรักเรา นี่คือความรู้สึกของหนู ถ้าหนูไม่มีพวกเขา หนูก็อาจจะไม่ได้เป็นไผ่หลิวในทุกวันนี้ก็ได้

Q: รายการ CHUANG ASIATHAILAND มีเด็กฝึกที่เก่งๆ จากหลายประเทศมาร่วมแข่งขัน แล้วอะไรความท้าทายของการเป็นเด็กฝึกในรายการ

ไผ่หลิว: อาจจะเป็นในด้านของสกิลหรือทักษะต่างๆ เพราะหนูไม่เคยเป็นเด็กฝึกมาก่อนเลย หนูเป็นแค่คนธรรมดาที่เข้าไปเป็นนางงาม แล้วก็กระโดดมาแข่งรายการไอดอล อย่างเด็กฝึกหลายคนเขาฝึกกันมาหลายปี หรือถึงจะไม่เคยเป็นเด็กฝึกมาก่อน แต่ก็คลุกคลีฝึกฝนทักษะนั้นๆ มาตั้งแต่เด็ก แต่หนูเป็นคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนร้องเพลงหรือเรียนเต้นมาก่อน เพิ่งมีโอกาสได้เริ่มเรียนตอนก่อนจะมาเข้าร่วมรายการแค่ 1 เดือน หนูเลยรู้สึกว่านี่แหละคือความท้าทายมากๆ และมันทำให้เราต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้ทันคนอื่น

Q: พอบอกว่าตัวเองไม่มีโอกาสได้ฝึกซ้อม หรือมีเวลาเรียนแค่ 1 เดือนก่อนเข้ารายการ ไผ่หลิวรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบไหม

ไผ่หลิว: หนูไม่รู้ว่ามันสามารถใช้คำว่าเสียเปรียบได้ไหม แต่หนูว่าทุกคนมีมุมที่ได้เปรียบและเสียเปรียบไม่เหมือนกันเลยสักคน หลายคนมักจะโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่ออกมา แต่ไม่ค่อยมองระหว่างทางของเรา คือมองแค่ปลายทางว่าผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบไหน พอใจแล้วหรือยัง เทียบกับคนอื่นได้หรือยัง แต่คนกลับลืมโฟกัสระหว่างทางของเรา ว่าเราพยายามมากแค่ไหน เราก็พยายามไม่แพ้คนอื่นเลยนะ 

Q: ถ้าพูดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในรายการ CHUANG ASIA THAILAND ของไผ่หลิว มันคือช่วงเวลาไหน

ไผ่หลิว: ช่วงเวลาที่นั่งเคานต์ดาวน์ในรถตู้กับเพื่อนๆ หลังจากขึ้นโชว์ที่ไอคอนสยาม ตอนนั้นพวกหนูต้องกลับไปที่โรงแรม ก็นั่งกันอยู่ในรถตู้ มันเป็นความรู้สึกว่าทำไมเราถึงไม่ได้เคานต์ดาวน์กับครอบครัวนะ แล้วเราทุกคนก็พยายามมุดดูพลุกัน แต่พยายามมากแค่ไหนก็มองไม่เห็น มันเลยทำให้เราเสียดายมาก แต่ในความเสียดายก็ยังมีความรู้สึกโชคดีที่มีเพื่อนอยู่ข้างๆ ซึ่งหนูโชคดีมากที่ได้มาเจอมิตรภาพที่นี่ เพื่อนๆ ช่วยฮีลใจเราได้ในเวลานั้น แม้เราจะไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่สนิทกันมาก่อน แต่มันก็เกิดเป็นความผูกพัน จนเหมือนเรารู้จักเขามานานมาก แม้จริงๆ เราจะเพิ่งรู้จักกันก็ตาม

ติดตามรายการ CHUANG ASIA THAILAND ทุกวันเสาร์ เวลา 21.30 น. ทางช่อง one31 และ Uncut Version เวลา 22.00 น. ทาง WeTV

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.