Sons of the Neon Night ความหวังของหนังฮ่องกงที่ยังมืดมน โดย ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส
Sons of the Neon Night ( 風林火山 ) เป็นหนังที่คอหนังฮ่องกงหลายๆ คนภาวนาให้มันได้ฉายซะที หรือหากทำยังไม่เสร็จก็ขอให้มันทำเสร็จลุล่วง เพราะแม้ว่าจะมีการปล่อยเบื้องหลังออกมานานมากเพื่อกระตุ้นต่อมอยากดูของแฟนๆ แต่เห็นว่าหนังมีปัญหามากมายจนโปรเจกต์หยุดชะงัก และกำลังจะหาทางออกกันต่อไป
- นั่นเพราะนี่คือหนังที่ทุ่มทุนกว่า 150 ล้านเหรียญฮ่องกง ถูกสร้างในยุคที่หนังฮ่องกงซบเซา และการเข้ามาควบคุมหลายๆอย่างในอุตสาหกรรมหนังจากจีนแผ่นดินใหญ่
- ว่ากันว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นการพลิกฟื้นสถานการณ์หนังฮ่องกงแท้ๆให้กลับมายืนอยู่ในจุดที่เคยยืน แต่มันกลับมีปัญหาเสียก่อน
- นี่คืองานกำกับของ ม่ายจุ้นหลง หรือ Juno Mak นักร้องที่ผันตัวมาทำหนังแล้วทำได้ดีมากๆ ผลงานตีความ ผีกัดอย่ากัดตอบ ให้ออกมาเป็นหนังผีสยองขวัญตลกร้ายอย่าง Rigor Mortis หรือชื่อไทย ผีเต็มตึก ยังตราตรึงใจแฟนๆจนรอคอยงานกำกับเรื่องต่อไปของเขา
- หนัง Sons of the Neon Night เรื่องนี้ถูกนิยามว่าเป็น "หนังระทึกขวัญแก๊งสเตอร์หลังวันสิ้นโลกซึ่งมีฉากหลังปกคลุมไปด้วยหิมะตกในฮ่องกง" โดยจะเล่าเรื่องราวในโลกยูโทเปีย ยุคที่ยาเสพติดถูกทำให้มีสถานะเป็นยาบำบัดเพื่อช่วยให้ผู้คนหลีกพ้นจากสังคมที่เลวร้าย และมีคนที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับมัน
- นี่คือการกลับมาอีกครั้งของพระเอกโคตรติสท์แตก ทาเคชิ คาเนชิโร่ หรือ จินเฉิงอู่ ที่นานๆจะรับเล่นหนังที ปีเตอร์ ชาน ผู้กำกับที่ร่วมงานกันบ่อยครั้งบอกเมื่อเร็วๆนี้ว่าเขาพยายามโน้มน้าวเท่าไหร่ จินเฉิงอู่ก็ไม่ยอมกลับมาเล่นหนัง โดยมีข้อแม้หลายประการ หนึ่งในนั้นคือ "ไม่ขอรับงานที่ต้องถ่ายทำในสถานที่ที่ไม่มีคอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ต" งานเรื่องล่าสุดก็ต้องย้อนไปเรื่อง This Is Not What I Expected ปี 2017 นู้นเลย ซึ่งพอกลับมารับงาน Sons of the Neon Night หนังก็มีปัญหาซะอย่างงั้น
- นี่เป็นงานรวมยอดฝีมือที่โคจรมาเจอกันของดาราสายคุณภาพที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมาตั้งแต่ยุคก่อนเก่า จินเฉิงอู่ รับบททายาทนักธุรกิจที่ต้องการล้างประวัติศาสตร์อันดำมืดของพ่อที่ตายไป , เหลียงเจียฮุย รับบทนักจิตวิทยาของกรมตำรวจ , หลิวชิงหวิน รับบทเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสองหน้า , กู่เทียนเล่อ รับบทนักฆ่าผู้มีอดีตดำมืด , จางเจียฮุย ในบทคนทำศพ , และ เหริน เสียนฉี จาก มังกรหยก ภาคจอมยุทธอินทรี (1998) ก็มีบทบาทเด่นในเรื่องนี้ด้วย , และยังมีนักแสดงที่ห่างหายไปนานบนกระแสหลักอย่าง หลินจุ้นเสียน พระเอกเก่า TVB , เฉิงตง ตัวร้ายตาทิพย์จาก คนตัดคน 3 และ นางเอกจีน เกาหยวนหยวน ซึ่งทั้งหมดก็เพียงพอต่อการควักเงินซื้อตั๋วของคอหนังแล้ว
- ผู้กำกับ ม่ายจุ้นหลง ใช้เวลากว่า 5 ปี ในการเขียนบทเรื่องนี้ ซึ่งทำควบคู่กับการเขียนบท Rigor Mortis ผีเต็มตึก เพื่อหวังว่าในอนาคตมันจะได้สร้างเป็นหนังในวันที่ ผีเต็มตึก ของเขาประสบความสำเร็จ
-บทหนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจาก Rashomon บทประพันธ์อมตะของญี่ปุ่นที่จะเล่าเรื่องจากมุมมองของตัวละครหลายๆตัว แล้วเขาก็ขายนายทุนผ่าน ในงบประมาณสุดโหดถึง 150 ล้านเหรียญฮ่องกง มีดาราดังตบเท้าเข้าร่วมมากมายอย่างที่เขาฝันไว้ โปรเจกต์ถูกประกาศในงาน Hong Kong Filmart ปี 2015 นู้นเลย ถ้านับจากวันนั้นจนตอนนี้ก็ 9 ปีเข้าไปแล้ว
- นี่คืองานลงทุนลงแรงครั้งใหญ่เพื่อพลิกฟื้นวงการหนังฮ่องกง(หลังจากที่ยุคหลังๆมีจีนเข้ามาครอบงำ) โดยมี One Cool Film Production บริษัทสร้างหนังของ กู่เทียนเล่อ ร่วมกับ Shaw Brothers Pictures เป็นโต้โผใหญ่ในการร่วมทุนสร้าง
- มันจะเป็นงานที่ใช้ประโยชน์และมนต์สเน่ห์จากโลเกชั่นของฮ่องกงจริงๆในหลายๆพื้นที่ หลังจากที่หนังฮ่องกงฟอร์มใหญ่ยุคหลังๆมักไปถ่ายกันที่ต่างประเทศ ไม่ก็จีนแผ่นดินใหญ่ โดยการถ่ายทำนั้นจะเน้นหลายๆพื้นที่ของฮ่องกง เช่น คอสเวย์เบย์ หรือ มอนเทน แมนชั่น (ตึก Transformers ที่คนชอบไปถ่ายรูปกัน) โดยในส่วนของ มอนเทน แมนชั่น ถูกใช้เป็นฉากหลังในการถ่ายโปสเตอร์โปรโมทด้วย เรียกได้ว่าเป็นงานฮ่องกงพันธุ์แท้สำหรับวงการหนังฮ่องกงจริงๆ
- แต่ก็มีไปถ่ายกันที่ฮุ่ยโจว ประเทศจีนบ้างในฉากระเบิดที่ใช้ระเบิดจริง เพราะในย่านคอสเวย์เบย์ ไม่สามารถถ่ายฉากระเบิดจริงได้ ทีมงานจึงไปเซ็ตฉากกันให้ฮุ่ยโจวเป็นคอสเวย์เบย์ เรียกได้ว่าทุ่มทุนสร้างระดับมหากาฬจริงๆ
- ข่าวลือว่าเกิดความตึงเครียดระหว่างถ่ายทำระหว่างผู้กำกับและทีมงาน แถมผู้กำกับ ม่ายจุ้นหลง ยังงัดกับดารานำอย่าง เหริน เสียนฉี เพราะผู้กำกับให้เขาเล่นฉากเสี่ยงโดยไม่สั่งคัท จนทำให้ เหริน เสียนฉี ได้รับบาดเจ็บ แล้วขอออกจากโปรเจกต์ในทันที
- ทางด้านดาราหลักอย่าง จินเฉิงอู่ ก็เป็นอีกคนที่งัดกับผู้กำกับ เห็นว่ามีเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนั่นคือการเล่นฉากเสี่ยง แล้วจินเฉิงอู่ก็ขอยุติบทบาทจากโปรเจกต์ไปเลย และใช้เวลากว่า 2 ปีกว่าจะยอมอ่อนข้อให้คิวแล้วกลับมาถ่ายต่อกันได้ เรียกได้ว่าเป็นศึกภายในจริงๆ เพราะด้วยความที่ผู้กำกับ ม่ายจุ้นหลง เองก็เป็นศิลปินที่มีความติสท์ค่อนข้างสูง
- การหยุดชะงักของโปรเจกต์ 2 ปี ก็ทำให้งบของหนังบานปลายไปอีกราว 50 ล้านเหรียญ มันจึงเป็นหนังที่ใช้งบกว่า 200 ล้านเหรียญฮ่องกงไปแล้ว ยังไม่รวมงบส่วนอื่นๆอีกที่จะตามมาในขั้นตอนการทำโพสต์โปรดักชั่นและการโปรโมท หนังเพิ่งถ่ายเสร็จปี 2018 และไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆอีกเลย
- ร่างแรกที่หนังตัดต่อออกมามีความยาวกว่า 7 ชั่วโมง ข่าวลือว่าผู้กำกับ ม่ายจุ้นหลง นั้นมีความคาดหวังสูงมากกับหนังของเขา เขาจึงทำงานด้วยความตึงเครียด และมักหายเข้าเต๊นท์ไปบ่อยๆเมื่อเกิดปัญหากลางกอง ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขามีความทะเยอทะยานแต่ยังอ่อนประสบการณ์ในการควบคุมทีมงาน และมักใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งบ่อยๆ ซึ่งว่ากันว่า กู่เทียนเล่อ ที่ควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์ด้วยก็เกือบจะทนไม่ไหวเช่นกัน เขาออกจากโปรเจกต์เป็นคนสุดท้าย น่าจะเพราะ One Cool Film ของเขาก็เป็นผู้ร่วมทุนใหญ่ด้วย
- แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งโปสเตอร์ และคลิปเบื้องหลังที่ถูกปล่อยออกมา มันกระตุ้นความอยากดูแก่แฟนๆหนังฮ่องกงจริงๆ และไม่แน่ใจว่าเราจะได้ดูหนังฉบับเต็ม 7 ชั่วโมงกันหรือเปล่า (เอาฉบับตัดเหลือ 2 ชั่วโมงครึ่งให้ได้ฉายก่อนเหอะ) เพราะถ้าขายลิขสิทธิ์ให้สตรีมมิ่งแบ่งออกเป็นซีรีส์หลายๆตอนแบบที่ Anita หนังประวัติ เหมยเยี่ยนฟาง ก็สามารถทำได้
- จะอย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า Sons of the Neon Night ( 風林火山 ) เรื่องนี้เป็นงานที่น่าจับตาอย่างมาก เพราะในช่วงหลังๆมานี้อุตสาหกรรมหนังฮ่องกงพันธุ์แท้ได้ซบเซามานานปี จนเราแทบไม่ได้เห็นหนังฮ่องกงฟอร์มยักษ์แบบนี้มากนัก ก็คงได้แต่ภาวนาว่าเราจะได้ดูกันในปีนี้ เพราะเห็นข่าวลือว่ามีการวางโปรแกรมฉายไว้ราวๆปี 2025 นี้
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.