"ธเนศ" สวมบท "จ่าชัย" สะท้อนอยากเป็นตำรวจที่ดีทำไมยากหนัง "ปิดเมืองล่า Pattaya Heat"
"ธเนศ วรากุลนุเคราะห์" สวมบท "จ่าชัย" หนังอาชญากรรม "ปิดเมืองล่า Pattaya Heat" ถ่ายทอดวิถีตำรวจชั้นผู้น้อย พยายามเป็นตำรวจที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นได้ถ้าตั้งใจจริงๆ
ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ นักแสดง นักจัดรายการ นักร้องขวัญใจวัยรุ่นยุค 80-90 ชวนชมภาพยนตร์เรื่อง "ปิดเมืองล่า Pattaya Heat" หนังอาชญากรรมเหนือความคาดหมาย ที่เขาเป็นหนึ่งในนักแสดงนำ ร่วมกับ ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล, คริสติน กุลสตรี, อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ผลงานผู้กำกับชาวฮ่องกง "หยางซู่เผิง" มีกำหนดเข้าฉาย ในโรงภาพยนตร์ วันที่ 8 ก.พ.นี้
ธเนศ ให้สัมภาษณ์ในกับทีมข่าว Sanook.com ในวันที่ HOLLYWOOD THAILAND เชิญสื่อสัมภาษณ์พิเศษนักแสดงว่า ในหนังปิดเมืองล่า Pattaya Heat เขารับบท "จ่าชัย" นายตำรวจชั้นผู้น้อย ที่พยายามจะเป็นตำรวจที่ดี แต่มีหลายปัจจัย ทำให้การเป็นตำรวจที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย
นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะอาชีพอะไร ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับความเป็นความตาย ความดีความเลว มีส่วนทำให้ชีวิตคนเปลี่ยนได้ ซึ่งตำรวจ เป็นอาชีพที่มีอิทธิพลที่จะผดุงความถูกต้อง บทสรุปจ่าชัยเป็นตำรวจที่ดีได้หรือไม่ ชวนกระตุกความคิด
เชื่อว่าตำรวจทุกคนอยากเป็นตำรวจที่ดี แต่ว่าทำไม คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะยุคนี้ ต้องยอมรับความจริงว่าส่วนใหญ่มองตำรวจอย่างไร ที่นี้เราก็เลยกระตุกคำถามอย่างที่กล่าวมา ผ่านตัวละครในภาพยนตร์ว่า มันเกิดอะไรขึ้น
"เขาอยากจะเป็นตำรวจที่ดี ทำไมเป็นตำรวจที่ดียากเย็นเหลือเกิน"
"เพราะฉะนั้นลองไปดู คุณจะได้คำตอบให้กับตัวเองหรือไม่"
ถามว่าได้สวมบทจ่าชัย ส่วนตัวรู้สึกว่า การเป็นตำรวจที่ดียากหรือง่ายอย่างไร
"ยาก"
ธเนศอธิบายเหตุผลที่ตอบยากต่อว่า การที่จะเป็นคนที่เรียกว่าดี ดีจริงหรือไม่จริงยังไม่สำคัญ สำคัญตรงที่ว่า ที่เขาว่าดีแค่นี้ยังยาก แล้วตำรวจมีความเกี่ยวข้องกับต่างๆ นานา ที่กล่าวมาแล้ว มันยากกว่าสิบเท่าร้อยเท่า เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัวเห็นใจตำรวจมาก ยิ่งได้่เข้ามารับบทบาทจ่าชัยในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้รู้ว่า ปัญหามันคืออะไร และมีมากมาย แต่ไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้
"เป็นได้ไม่ใช่เป็นไม่ได้ อยู่ที่ว่าจะตั้งใจเป็นจริงๆ หรือไม่"
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นแนวแอคชั่น มีความซับอยู่ที่ตัวละครที่หลากหลาย ยกตัวอย่างบทจ่าชัย มีความลึกซึ้งของการเป็นตำรวจ สรุปได้ว่าเนื้อเรื่องง่ายๆ แต่มีรายละเอียดลึกซึ้งน่าสนใจ
"เราพูดอยู่บ่อยๆ ว่าเราไม่ควรปฏิเสธเรื่องราวที่มันง่ายๆ ที่เป็นพื้นๆ ที่เราเรียกว่า Simple (เรียบง่าย)เนี่ยนะ และก็เรื่องที่คุ้นเคยกันอยู่ บางทีเราพยายามที่จะหนีเกินไป อย่างเช่นว่า โอ๊ยเบื่อแล้ว เรื่องอะไรก็ตาม ถ้าพูดให้เห็นภาพนะ อย่างเช่นเรื่องผัวเมียตีกัน แย่งผัวแย่งเมีย เรื่องแค้นอาฆาต หรือเรื่องผี เบื่อเหลือเกิน อยากจะชวนว่า ไม่ต้องเบื่อหรอก แต่ว่าทำยังไงให้มันน่าสนใจ คือมีความละเอียดลึกซึ้งในความธรรมดาน่าเบื่องอย่างนั้น เพราะว่าพอเรามีความลึกซึ้งที่มันละเอียดลงไปแล้ว มันจะไม่ธรรมดาแล้วนะ"
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ เขาบอกว่า ก่อนตัดสินใจรับงานแสดง ทุกครั้งเขาค่อนข้างใช้เวลาพิจารณาก่อนรับงานพอสมควร อันดับแรก คือ เราเข้าใจมันหรือไม่ ในส่วนของงานแสดงก็คือบทที่เขาเขียนมา เมื่อเข้าใจไปคุยกับผู้กำกับฯ ต่อ ผู้กำกับฯ เข้าใจตรงกับเราหรือไม่
"ไม่ตรงไม่เป็นไรนะ ก็ได้เรียนรู้ว่าเขา เข้าใจว่าอย่างไร แลกเปลี่ยนกัน" ธเนศบอก
เมื่อเข้าใจแล้ว ต้องถามตัวเองต่อว่า เข้าใจแล้วจะทำได้หรือไม่ สมมติทำได้ แต่มันเหมาะหรือไม่ ในเรื่องของความสามารถก็ดี บุคลิกภาพก็ดี วัยก็ดี บางทีผู้กำกับอาจจะให้เกียรติเรามากเกินไป
ต้องดูตัวเราด้วย อย่าหลอกตัวเอง ต้องพิจารณาตัวเองด้วยว่า มันลงตัวกับตัวละครตัวนี้ กับสตอรี่นี้ มันลงตัวกับบทที่เรา คือ นักแสดงกับผู้กำกับเข้าใจตรงกันจริงหรือไม่ ถ้าจริงจึงรับงาน หรือ รับเล่น
"อยากทำให้มันดีที่สุด จะคุณภาพหรือไม่คุณภาพแล้วแต่มุมมอง สำหรับเรารู้สึกว่า ดีที่สุดที่จะทำงานชิ้นนั้นๆ ที่เรารับผิดชอบมา มันน่าสนใจ และดีที่สุดในมุมมองของเรา เริ่มตรงนี้ก่อน"
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ยอมรับว่า รู้สึกมีความสุข ที่ได้หวนกลับมาทำงานแสดง หลังจากปิดสวิตช์จากวงการบันเทิง ไปเลี้ยงลูกตั้งแต่ลืมตาดูโลกจนเติบใหญ่ เพราะแล้วการแสดง คือ อาชีพที่รักที่สุด และมันเป็นอาชีพแรกในวงการบันเทิง หรือเรียกว่า "รักแรกพบ" ก่อนขยับมาเป็นดีเจ และเป็นนักร้อง ประสบความสำเร็จกับการสร้างงานหลายชิ้นให้กับวงการดนตรี มีผลเด่นดังระดับสุดยอด
เบื้องหน้าคือการเป็นศิลปินเจ้าของอัลบั้มในตำนาน "แดนศิวิไลซ์, คนเขียนเพลงบรรเลงชีวิต, กดปุ่ม, ร็อคกระทบไม้" เบื้องหลังก่อตั้งค่ายเพลง "มิวสิค บั๊กส์" เมื่อช่วงปี 2539 สร้างศิลปินคุณภาพ อย่าง "ละอ่อน, บิ๊กแอส,บอดี้สแลม, ลาบานูน" เปิดค่ายเพลง "ร็อค โอเปร่า เฮาส์ เร็คคอร์ด" สร้างสรรค์เพลงใหม่จากประสบการณ์ร่วมกับศิลปินรุ่นใหม่มากมาย
"ได้มาเล่นหนังเนี่ย มีความสุขมาก เพราะไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้กลับมาอีกนะ ย้อนไปสักสิบกว่าปีที่แล้ว ช่วงที่เริ่มหยุดทำเพลง หยุดทำค่ายเพลง เรามีลูกก็อยู่กับลูกอยู่กับตัวเองมากขึ้น มันช่วงที่เรารู้สึกว่า คิดถึงการแสดงว่ะ"
"แล้วก็รู้สึกแอบเศร้าๆ นิดหน่อย คงไม่มีโอกาสแล้วแหละ และก็ไม่น่าจะมีโอกาส จนกระทั่งวันหนึ่งอยู่กับลูกเริ่มมีเวลาเยอะ ลูกโตแล้วเราต้องกลับไปทำงาน คิดว่าไม่ทำเพลงไม่ทำค่ายเพลง ก็เลยว่าจะอยากทำอาชีพนี้ ด้วยวัย ก็บอกตัวเองว่าคงต้องลืมการแสดงไป"
"อีกอย่างที่เราสนใจ คือ การเป็นผู้กำกับ การทำหนังเอง ก็เขียนบทไว้เต็มเลย ยังไม่ทันได้ทำเลยนะ มีโปรดิวเซอร์ให้น้องโทรมา ขอเชิญเล่นหนัง โปรดิวเซอร์คนนั้นชื่อ ทองดี โสฬส สุขุม หนังเรื่องนั้นคือ ป๊อปอาย เป็นทุนสิงคโปร์ ผู้กำกับสิงคโปร์ โอ้โห ดีใจๆ ตั้งแต่นั้นมา ก็เลยเล่นมาเรื่อยๆ"
ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ธเนศ บอกอีกว่า นอกจากมีความสุขกับงานแสดงแล้ว ยังรู้สึกสนุกกับการเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่จากคนรุ่นใหม่ แบบไม่กลัวเสียหน้า
"เราอย่าไปมอง เราผ่านโลกมาขนาดนี้แล้ว อายุเท่านี้แล้ว หรือไรนะ เราเห็นมาเยอะแล้ว เราเข้าใจหมดแล้ว อย่ามาพูดอะไรเลย ไม่จริงนะ แต่ละวันไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไรนะ มันเรื่องใหม่หมดเลยนะ ทุกเวลา ทุกนาที ทุกขณะจิตด้วยซ้ำไป จะว่าไป เรียนรู้กับคนอายุน้อยกว่าไม่ได้เสียหายอะไร"
"การเรียนรู้กับคนที่อายุน้อยกว่า คือขุมทรัพย์สำหรับเรา รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ เข้ามาในวงการหนัง รู้สึกยังสด คิดว่าเราเป็นเด็กใหม่เพิ่งเข้ามา ไม่เกี่ยวกับอายุนะ เราได้เรียนรู้นู่นนี่นู่นนั่น โอ้โหมันตื่นเต้นเร้าใจทุกวัน"
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.