"หนึ่ง พลาญชัย" พระเอกหมอลำขวัญใจศพยากไร้ รางวัลน้ำใจใช้เพื่อส่วนรวมสุขกว่าใช้ส่วนตัว
"หนึ่ง พลาญชัย" ขอบคุณแฟนคลับให้ฉายา "พระเอกหมอลำขวัญใจศพไร้ญาติ" เห็นดีเห็นงามในสิ่งที่ทำมาเกือบ 10 ปี โดยไม่หวังผลตอบแทน
หนึ่ง พลาญชัย พระเอกหมอลำ คณะหมอลำชื่อดัง "คำผุนร่วมมิตร" ยิ้มรับฉายา "พระเอกหมอลำขวัญใจศพไร้ญาติ" ที่แฟนคลับมอบให้ โดยเจ้าตัวให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว Sanook.com ที่บ้านใน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ดว่า ที่มาของฉายานี้มาจากการที่แฟนคลับเห็นดีเห็นงามที่เขาเป็นอาสากู้ภัยควบคู่กับการเป็นศิลปินมาเป็นเวลาเกือบจะ 10 ปีแล้ว บริจาคโลงศพให้แก่ศพยากไร้ ศพไร้ญาติ ครอบครัวผู้ยากไร้ และผู้ที่ประสบปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีฌาปนกิจศพ โดยใช้งบประมาณส่วนตัว ที่ได้จากการร้องการลำ (หมอลำ) ในการจัดซื้อโลงศพ และช่วยจัดงานศพ
"ที่มาของคำว่า หมอลำกู้ภัย ขวัญใจศพยากไร้ ก็คือ ผมเป็นกู้ภัย และก็บวกกับการเป็นศิลปิน ได้เงินจากการร้องการลำ (หมอลำ) ผมก็แบ่งส่วนหนึ่ง มาซื้อโลงไว้สำหรับมอบบริจาคกับศพที่เขายากไร้ บางงานเขายากจนจริงๆ ก็ร่วมเป็นเจ้าภาพ เอาเงินส่วนตัวช่วยงานศพ"
"แล้วก็มีพาทีมงานกู้ภัยไปดูแลในงาน ไปช่วยกางเต้นท์ ตั้งแต่วันตายออกจากโรงพยาบาล ทีมงานก็เติมน้ำมันไปรับโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จนถึงวันเผา ก็เอารถไปแห่ศพรอบเมรุให้ ทำอยู่แบบนี้มา 9 ปีจะ 10 ปีแล้วครับ ความยากจนมันก็มีเนาะ ข้าวของก็แพง ครอบครัวบางครอบครัว เงินจะกินแต่ละวันก็ไม่มี"
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ศิลปินหนุ่ม ที่มีชื่อจริงว่า "นิรุตต์ มาลีพันธุ์" ได้เล่าเส้นทางก่อนขึ้นแท่นเป็นพระเอกหมอลำ คณะหมอลำชื่อดัง ไม่ง่ายเลย กว่าจะมาถึงจุดนี้ต้องต่อสู้ และดิ้นรนมามากมาย
"จริงๆ อยากเรียน อยากเรียนจบสูงๆ ครับ แต่ว่าด้วยความยากจน มันไม่มีเงิน พ่อกับแม่ก็แยกทางกัน หาเงินส่งตัวเองเรียนครับตั้งแต่เด็ก ข้างบ้านเขาเป็นหมอลำ ก็เลยอยากลองไปกับเขา คิดว่ามันเป็นหนทาง ใช้ในการหาเงินไปโรงเรียน ก็เลยหันเหไปทางการร้องการลำ (หมอลำ) ครับ"
"เรียนจบ ม.3 ก็เข้าไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ เป็นกระเป๋ารถเมล์ ขับวินมอเตอร์ไซค์ ทำงานโรงงาน เข็นลูกชิ้นขายตามหน้าโรงงาน และก็เป็นพนักงานส่งของ เป็นพนักงานห้าง ทำหลายอย่างครับ รายได้ก็ไม่พอใช้ครับ เพราะว่า ค่าครองชีพมันก็กระโดดหนี จากค่าแรงไปเรื่อยๆ ค่าแรงมันตามค่าครองชีพไม่ทันครับ"
เขาเล่าต่อว่า เมื่อประกอบหลายอาชีพแล้ว แต่รายได้ยังไม่เพียงพอต่อการยกระดับชีวิตให้ดีขึ้น จึงค้นคว้าหาทางออกจากสภาพชักหน้าไม่ถึงหลัง ด้วยการไปหัดหมอลำซิ่ง สะสมวิชาได้ระดับหนึ่งก็ออกบินหาประสบการณ์ หารายได้ตามลานเบียร์ใน กทม.ก่อนได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินค่าย อีวีเอส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และค่ายท็อปไลน์ ไดมอนด์ ตามลำดับ ก่อนที่่ "นิว มุกดา" พระเอกหมอลำดาวรุ่งมาแรง ที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ชักชวนมาร่วมงานกับคณะหมอลำคำผุนร่วมมิตร เริ่มจากเป็นตัวโจ๊ก ตัวโกง และขึ้นแท่นเป็นพระเอกในปัจจุบัน
"เรามีพื้นฐานในการร้องเพลง ก็เลยค้นคว้าหาที่จะออกจากตรงที่มันเดิมๆ มาหัดลำซิ่ง
ออกไปร้องตามงานคอนเสิร์ตตามลานเบียร์ ในกรุงเทพฯ นี่ล่ะครับ ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านก็เล็งเห็นความสามารถ นายห้างทวีชัย (ทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม) ท่านก็ชวนเข้าไปในค่ายท็อปไลน์ ไดมอนด์ ครับ เป็นศิลปินในค่ายก็เลยมีงาน เริ่มมีคนรู้จักครับ"
"มาเจอโควิดก็เลยหยุดชะงัก ช่วงโควิดกำลังจะซา พระเอกนิว มุกดา น้องนิว ที่เสียชีวิตไปนะครับ เขาก็มาชักชวน พี่ผมว่าจะไปเป็นหมอลำเรื่อง ผมไม่มีเพื่อน ผมอยากให้พี่ไปด้วย ตอนแรกไปเป็นตลกก่อน และก็ช่วงลำเรื่องก็มาเป็นตัวโกง พอน้องเขาเสียก็ได้ขึ้นมาเป็นพระเอก ด้วยผู้หลักผู้ใหญ่ท่านก็เลยเล็งเห็นความสามารถ น่าจะเป็นพระเอกต่อได้"
หนึ่ง พลาญชัย โชว์ลีลาร้องลำ (หมอลำ) โดดเด่นบนเวที ในทุกคืนที่ทำการแสดง มีบรรดาแฟนคลับตบเท้าคล้องมาลัยน้ำใจติดแบงค์ไม่ขาดสาย และได้นำเงินรางวัลน้ำใจที่ได้รับส่วนใหญ่ ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เขาระบุว่า "มีสุขกว่านำไปใช้ส่วนตัว"
"เคยมีได้เป็นหมื่นอยู่ครับ เกือบเป็นแสนก็มี ส่วนมากเขาก็เก็บไว้ใช้ชีวิตส่วนตัว ซื้อของที่เขาอยากได้ ที่เขาต้องการ อยากใส่ของแบรนด์เนม ก็นั่นก็คือชีวิตเขาเนาะ คนเราก็คิดไม่เหมือนกันนะครับ แต่สำหรับผม ผมคิดเห็นว่าได้เงินมาส่วนนี้ อยากเอาไว้สำหรับไปบริจาค และก็เก็บไว้ไปซื้อโลงศพ ซื้ออุปกรณ์การช่วยเหลือคน พวกถังประดาน้ำ สำหรับมนุษย์กบ เวลามีคนจมน้ำ ตอนน้ำท่วมก็ไปยกรถให้มันสูง และก็ไปซื้อเจ็ทสกีครับ เอาไว้ลุยหน้างานเวลาเข้าในพื้นที่แคบๆ หรือว่าไปลากศพจากกลางน้ำเข้ามาในฝั่ง"
"ทุกวันผมต้องมีกระเป๋าพยาบาลคู่ใจติดรถ หรือว่าไปงานด้วยตลอด คือเจอสถานการณ์ก็จะลงไปช่วย ทีมงานคอนวอย พวกตกนั่งร้าน พวกเตะเหล็ก แผลต่างๆ หรือว่าคนที่เขามาดูหมอลำเกิดการทะเลาะวิวาท ตีกันหน้างานเลือดตกยางออก ก็จะไปช่วยปฐมพยาบาล ลืมอย่างอื่น หรือว่าอุปกรณ์การแสดงหมอลำเล็กๆ น้อยๆ เราพอแก้สถานการณ์ได้ แต่ว่าอุปกรณ์กู้ภัยหรือกระเป๋ายานี่ จะลืมไม่ได้ต้องติดรถอยู่ตลอด"
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ หนึ่ง พลาญชัย เล่าปิดท้ายว่า เคยมีคนถามเขาว่า "ทำงานกู้ภัยเป็นจิตอาสาแล้วได้อะไร" เขาตอบกลับไปว่า "ได้ความสุขจากการเป็นผู้ให้" ไม่นิ่งดูดายกับความเดือดร้อน ช่วยพัฒนาตัวเราให้มีความคิดด้านบวก และสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมได้
"เคยมีคนตั้งคำถามว่า ทำกู้ภัยทำแล้วได้อะไร ก็ตอบไปว่า ทำไปก็ไม่ได้อะไร ไม่ได้มีเงินเดือน เขาก็ถามต่อทำไม่ได้อะไรไปทำ ทำไม มันคือความสุขครับ ความสุขทางใจที่ได้ช่วย แม้กระทั่งรถยางรั่วยางแตก พ่วงแบตเตอรี่ แค่นี้ความสุข มันได้ช่วยมันมีความสุุข ช่วยโดยไม่ต้องหวังสิ่งตอบแทนครับ นั่นคือการช่วย"
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.