Toyota Innova ZENIX อัปเกรดความหรูด้วยเครื่องไฮบริด แถมราคายังน่าคบ

     แต่เดิมที Toyota Innova ถูกพัฒนาให้เป็นรถอเนกประสงค์แบบ MPV บนพื้นฐานเดียวกับ โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ (เจน 1) และรีโว่ (เจน 2) จึงถูกมองว่าเป็นรถที่เน้นการใช้งานแบบสมบุกสมบัน หรือรถแท็กซี่วิ่งข้ามจังหวัดเสียมากกว่า

     แต่มาครั้งนี้ Toyota Innova ZENIX ที่พัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ได้ถูกปรับปรุงและพัฒนาอย่างก้าวกระโดด กลายมาเป็นรถ MPV ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในครอบครัวอย่างแท้จริง แถมยังเปิดตัวมาด้วยราคาที่น่าจับต้องจนอยากซื้อหามาไว้ติดบ้านสักคัน จะน่าสนใจขนาดไหนติดตามได้ในบทความนี้ครับ

โดดเด่นด้วยโครงสร้างพื้นฐานแพล็ตฟอร์ม TNGA

     Toyota Innova ZENIX เป็นรุ่นแรกของตระกูลอินโนว่าที่นำแพล็ตฟอร์มรถยนต์นั่งแท้ๆ มาใช้ โดยได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานแพล็ตฟอร์ม GA-C แบบเดียวกับ Corolla Cross แต่ถูกขยายสัดส่วนเพื่อให้เหมาะสมกับตัวถังแบบ MPV พร้อมด้วยการเปลี่ยนจากพวงมาลัยไฮดรอลิกมาเป็นพวงมาลัยแบบไฟฟ้า (EPS) ส่งผลให้สมรรถนะช่วงล่างของ Innova ZENIX ดีขึ่้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

     จุดสำคัญที่สัมผัสได้ตั้งแต่แรกขับ ก็คืออาการโคลง (Body Roll) ที่ลดลงจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน เนื่องจากมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ให้การตอบสนองในขณะเข้าโค้งคล้ายกับกำลังขับรถเอสยูวี จึงเรียกได้ว่าเป็นรถที่ขับสนุกมากขึ้น แถมยังช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายขึ้นด้วย

เบาะนั่งแถว 2 แบบ Captain Seat ทุกรุ่นย่อย

     Toyota Innova ZENIX วางจำหน่ายใน 2 รุ่นย่อย คือ Smart และ Premium แต่ไม่ว่าจะเลือกรุ่นย่อยใด ก็จะได้เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Captain Seat แยกซ้าย-ขวาออกจากกัน ให้ความรู้สึกคล้ายกับรถระดับ Premium MPV ทั้งหลายที่ล้วนแต่มีราคาสูงกว่า

     ขณะที่เบาะนั่งแถวที่ 3 ก็มีพื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะอย่างเหลือเฟือ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนั่งโดยสาร 5-6 คนเป็นระยะทางไกลๆ แตกต่างจากรถ PPV ที่เบาะนั่งแถวที่ 3 มักจะค่อนข้างคับแคบ เหมาะสำหรับผู้โดยสารเด็กหรือผู้ที่มีรูปร่างเล็กเสียมากกว่า จึงถือเป็นรถที่สามารถนั่งโดยสารเบาะแถว 3 ได้จริง

     นอกจากนี้ ในรุ่น Premium จะได้อัปเกรดเบาะนั่งแถวที่ 2 เป็นเบาะปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าทั้ง 2 ที่นั่ง พร้อมเบาะรองน่องปรับขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้า (Ottoman) ช่วยเพิ่มความสบายในการโดยยิ่งขึ้นไปอีก

ขุมพลังไฮบริด 2.0 ลิตร ทั้งแรงและประหยัด

     แม้ว่า Innova CRYSTA เจเนอเรชันที่ 2 จะถูกติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลที่โดดเด่นในเรื่องแรงบิดสูงและอัตราสิ้นเปลืองที่สมเหตุสมผล แต่สำหรับ Innova ZENIX ก็ได้รับการพัฒนาเหนือชั้นยิ่งขึ้นด้วยการเลือกใช้เครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตรเป็นมาตรฐานทั้ง 2 รุ่นย่อย

     เครื่องยนต์ไฮบริดรหัส M20A-FXS ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 152 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 188 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 83 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 206 นิวตัน-เมตร ให้กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบอยู่ที่ 186 แรงม้า (PS) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT รองรับน้ำมันทางเลือกสูงสุด E10 และมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 21.3 กม./ลิตร

     ทั้งนี้ จากการทดสอบ In-house ของโตโยต้าพบว่า Innova ZENIX มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 9.87 วินาที เทียบกับ Innova CRYSTA เครื่องยนต์ดีเซลที่ทำได้ในเวลา 11.73 วินาที ขณะที่การทดสอบอัตราสิ้นเปลืองบนถนนจริงพบว่ามีตัวเลขเฉลี่ยในเมืองและนอกเมืองรวมกันอยู่ที่ 18.05 กม./ลิตร เทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่ทำได้ 14.85 กม./ลิตร จึงถือว่าทั้งแรงและประหยัดขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense (Gen 3) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

     นอกเหนือจากระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSM, ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA, ระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS, ระบบเบรก ABS / EBD / BA, สัญญาณไฟกะพริบเมื่อเบรกกะทันหัน ESS, สัญญาณกะระยะหน้า-หลัง และถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง ยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูง Toyota Safety Sense เจเนอเรชันที่ 3 เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเหมือนกันทั้ง 2 รุ่นย่อยด้วยเช่นกัน

     ระบบ Toyota Safety Sense ดังกล่าวจะทำงานผ่านกล้องและเรดาร์ที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้ารถ ซึ่งมีประสิทธิภาพการตรวจจับวัตถุได้ไกลและกว้างยิ่งขึ้น ประกอบด้วย 5 ฟังก์ชัน ได้แก่

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-speed และระบบลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง
  • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LTA
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB

     ทั้งหมดนี้แลกมาในราคาค่าตัวของรุ่น 2.0 HEV Smart อยู่ที่ 1,379,000 บาท และรุ่น 2.0 HEV Premium อยู่ที่ 1,479,000 บาท แลกกับรถครอบครัวที่มาพร้อมเบาะนั่งแถว 2 แบบ Captain Seat และเบาะนั่งแถว 3 ที่สามารถใช้งานได้จริง รวมถึงเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตรที่ทั้งแรงและประหยัด จึงถือเป็นรถที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวขยาย หรือบ้านที่มีผู้สูงอายุ จะใช้งานในชีวิตประจำวันก็ได้ วันหยุดจะพาครอบครัวไปเที่ยวก็ดี เรียกว่าครบคุ้มในคันเดียวจริงๆ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.