กับดัก"บาทแข็งค่าเร็ว" คลังเร่งปิดจุดเสี่ยง-โผหุ้น'ได้-เสีย'ประโยชน์

     เมื่อ "ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว" อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันแตะระดับ 32.5 บาทต่อดอลลาร์ จาก 36 บาทต่อดอลลาร์ ถือว่าปรับแข็งค่าขึ้น 3.8% ตั้งแต่ต้นปี และในไตรมาส 3/2567จัดอยู่ในกลุ่มที่ค่าเงินแข็งเร็วนำสกุลภูมิภาค ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯหลังเฟดประกาศหั่นดอกเบี้ยมากกว่าคาด บวกต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ไทยตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม รวมถึงราคาทองคำขยับขึ้นสูงสุดใหม่ที่ 2,670 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ 

     "กระทรวงการคลัง" ถึงขั้นจับตาดูว่าระดับดังกล่าว "ไหว" หรือไม่กับสถานการณ์ค่าเงินที่เป็นอยู่ ด้าน "ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)"ก็เช่นกัน เกาะติดสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด พร้อมเข้าดูแลทันทีหากเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากผิดปกติ ด้วยหวั่นว่าหากยังแข็งค่าต่อเนื่องจะฉุดธุรกิจตัวจริงจนอาจจะล้มเป็นโดมิโนได้

     แม้ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออก เดือน ส.ค.67 เพิ่มขึ้น 7%y-y บวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และดีกว่าตลาดคาดการณ์โต 6%y-y ยอดนำเข้า ส.ค. ออกมา 8.9% สูงกว่าตลาดคาดไว้ที่ 6.5%y-y และพลิกกลับมาเกินดุลการค้า 625 ล้านเหรียญฯ แต่อย่าลืมว่าค่าเงินบาทในเดือนดังกล่าวไม่ได้"แข็งค่า"เบอร์นี้

     "ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเฉลี่ยทุกๆ 1% อาจกระทบรายได้ผู้ส่งออกเกือบ 1 แสนล้านบาท คิดเป็นกว่า 0.5% ของ Nominal GDP แต่สะท้อนเฉพาะผลในขั้นแรกที่เกิดจากการแปลงรายได้ในรูปเงินตราต่างประเทศของผู้ส่งออกมาเป็นเงินบาทเท่านั้น"

ส่งออกไทยเสี่ยงติดขัด

     ฝ่ายวิจัย บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า เงินบาทแข็งค่าเร็ว 5% สู่ 33.94 บาท/เหรียญฯในสิ้นเดือน ส.ค.67 ท่ามกลางเงินบาทที่แข็งค่ารวดเร็ว -10.5% นับตั้งแต่ปลาย 2Q67 สู่ระดับ 32.6 บาท/เหรียญฯ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงกดดันให้ภาคการส่งออกมีแนวโน้มเติบโตได้ต่ำลง ซึ่งหากเปรียบเทียบมูลค่าส่งออกต่อ GDP ในกลุ่มประเทศเอเชีย พบว่า “ไทย” พึ่งพาการส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 69% ต่อ GDP (ข้อมูลปี 2023)สูงสุดในภูมิภาค

     กรณีเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง อาจทำให้ภาคการส่งออกที่เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อเติบโตเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบหนักและกดดันภาพรวมในท้ายที่สุด ซึ่งคาดหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ กนง. นำไปพิจารณาในการปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีน

     สรุป ภาคการส่งออกถือเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อเติบโตเศรษฐกิจไทย แต่เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและรวดเร็วสู่ระดับ 32.6 บาท/เหรียญฯเพิ่มแรงกดดันต่อภาคการส่งออกไทยที่อาจมีแนวโน้มเติบโตต่ำลง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่ กนง. นำไปพิจารณาในการปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้

"GPSC-AAV"ได้ประโยชน์บาทแข็ง 

     ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เงินบาท/ดอลลาร์แข็งค่าที่สุดในรอบ 2 ปี ล่าสุด 32.6 บาท หุ้นเริ่ม Outperform ทั้ง GPSC เพิ่มขึ้น 1.62% , AAV เพิ่มขึ้น 1.52% มองแนวรับสำคัญทางเทคนิคค่าเงินบาทที่ 32.55 / 32.186 บาทต่อดอลลาร์ แนวต้าน 33.17 / 33.34 บาท เป็นจิตวิทบวกต่อ Fund Flow

     และบวกต่อหุ้นไทยช่วงไตรมาส 4/2567 คงเป้าดัชนี ณ สิ้นปี 2567 ที่ 1,540 จุด และบวกต่อหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ค่าเงินบาทแข็งค่า อาทิ โรงไฟฟ้า GULF, GPSC กลุ่มสายการบิน AAV กลุ่มอาหาร TVO กลุ่ม Mid Small อาทิ MOSHI , TAN , ICHI 

     กลยุทธ์เน้นหุ้น GPSC ราคาเป้าหมาย 54.1 บาท มองแนวรับ 45.25 / 44.5 บาท แนวต้าน 47.75 / 49.25 บาท Stop Loss หากหลุด 44 บาท ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าเป็น Upside ต่อกำไรราว 4% 

     และ หุ้น AAV ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 2.96 บาท มองแนวรับ 2.58 / 2.52 บาท แนวต้าน 2.72 / 2.8 บาท Stop Loss หากหลุด 2.48 บาท ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากที่สุดในกลุ่ม ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าเป็น Upside ต่อกำไรราว 1,000 ล้านบาท (จากคาดการณ์กำไรปี 67 ราว 54%)

     "ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็วและกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อสัปดาห์หน้าอาจนำมาสู่กระแสตลาดมองไปถึงโอกาสลดดอกเบี้ย อาจเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง ทั้ง โรงไฟฟ้า GULF, GPSC หนี้สูง MINT, TRUE เช่าซื้อ MTC, JMT ผลตอบแทนสูง ADVANC บวกกลุ่ม REIT และ Property Fund รวมถึงกลุ่มอสังหาฯที่เริ่มมีปัจจัยเร่งเข้ามาฝั่งโอกาสพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเน้น AP, SIRI, SPALI"

10 หุ้นได้อานิสงส์

     บล.ทิสโก้ ระบุว่า เงินบาทล่าสุดแกว่ง 32.5-32.6 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุดใหม่ในรอบ 20 เดือน ยังหนุนเงินทุนไหลเข้า โดยหุ้นได้ประโยชน์บาทแข็ง คือ BGRIM, EGCO, GPSC, TOP, PTT, IVL, PTTGC, TOA, COM7, SYNEX

     แต่หากบาทวกกลับมาอ่อนค่าจะช่วยกระตุ้นราคาหุ้นส่งออกฟื้นตัว เด่น ทั้ง HANA, KCE, SVI, AAI, ITC, SAPPE

 

เจาะลึก 15 หุ้น หลังบลูมเบิร์กอัพเป้าหุ้นเดือนกันยายน 2567 อนาคตดี น่าซื้อ?

ยอดจองซื้อ “กองทุนวายุภักษ์” ทะลุ 1.9 แสนล้านบาท

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.