TDRI ชี้รัฐแบ่งจ่ายเงินดิจิทัล ฉุดตัวคูณเศรษฐกิจรอบ 2 แผ่วเหลือ 0.4-0.8 เท่า

ล่าสุด รัฐบาลระบุถึงการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านโครงการดิจิทัล วอลเล็ตว่า เตรียมนำโครงการฯ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ เพื่ออนุมัติโครงการฯเพื่อนำเงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ โดยจะแบ่งจ่ายเงินเป็น 2 กล่ม กลุุ่มแรก 140,000 ล้านบาท จ่ายเป็นเงินสดให้กับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการ และผู้พิการจำนวน 14.5 ล้านคน โดยผู้มีสิทธิสามารถนำเงินไปซื้อสินค้าอะไรก็ได้ ไม่ได้ยกเว้นเฉพาะสินค้าที่เป็น Negative List เหมือนที่ผ่านมา และสามารถซื้อสินค้าจากร้านค้าขนาดใดก็ได้ 

 

อีกกลุ่ม แจกให้สำหรับผู้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐประมาณ 30 ล้านคน โดยคาดว่า อาจมีการแบ่งจ่ายเป็นสองรอบ รอบแรก หากระบบโอนเงินเสร็จไม่ทัน จะจ่ายเงินสดจำนวน 5,000 บาท ภายในสิ้นปี 2567 ส่วนรอบสอง หากระบบเสร็จทันก็จะจ่ายเป็นดิจิทัลอีก 5,000 บาท 

 

ดร.นณริฏ พิศลยบุต นักวิชาการอาวุโส สถาบันการวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการแจกเงินดิจิทัลเป็นเงินสด ทำให้ประสิทธิภาพในส่วนที่แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางจะมีแนวโน้มดีขึ้นในภาพรวม เพราะแจกตรงเป้าหมายในกลุ่มที่ควรกระตุ้น คือคนที่ได้รับความเดือดร้อน และการใช้จ่ายทำได้ง่ายมากขึ้น เพราะเงินสดใช้ง่ายกว่าเงินดิจิทัล ข้อดี คือ จะเกิดการจ่ายเงินได้เร็ว ทันต่อเหตุการณ์ แต่ผลกระทบประสิทธิภาพจะอ่อนลง เพราะไม่สามารถจำกัดประเภทสินค้าได้ ทำให้เงินที่แจกอาจจะกระจายไปในสินค้าที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น เหล้า บุหรี่ หรือสินค้าที่เงินกระจายต่อในไทยไม่เยอะ เช่น การใช้หนี้ หวย สินค้าต่างประเทศ นับเป็นข้อเสียที่อาจจะเกิดขึ้น กลุ่มที่ไม่เปราะบาง มีความเสี่ยงที่จะไม่ใช้จ่ายเงินแต่เอาไปออมแทน จึงเกิดผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต่ำ

 

ส่วนการแจกเงินให้กับกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบางอีกที่มีการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ อีกประมาณ 30 ล้านคนนั้น มองว่า มีความจำเป็นที่ต้องกระตุ้นจำกัด จึงมักจะส่งผลให้การกระตุ้นทำได้ไม่เยอะมากนัก และน่าจะเป็นโครงการที่ไม่คุ้มค่าต่อการกระตุ้นในภาพรวม คือ ผลการกระตุ้นอาจจะเกิดผลได้ที่น้อยกว่าเม็ดเงินที่ลงไป การแจกเงินก็ส่งผลดี และผลเสียคล้ายคลึงกับข้อแรก แต่ในภาพรวมยังไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการ

“การแบ่งจ่ายเงินในโครงการฯ ทำให้เป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดเป็นพายุแน่ เพราะเป็นการอัดฉีดเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจ แต่อาจจะเกิดพายุไม่ใหญ่มากนัก โดยรอบแรก แจกเงินกลุ่มเปราะบางน่าจะมีตัวคูณการคลัง (Fiscal Multiplier) 1.2-1.8. เท่า แต่รอบหลังแจกเงินกลุ่มที่เหลือ ตัวคูณอาจจะเหลือเพียง 0.4-0.8 เท่า โดยนโยบายที่ดีควรจะมีตัวคูณไม่น้อยกว่า 1 เท่า และน่าจะส่งผลชัดๆ ในปี 2568 เป็นต้นไป” ดร.นณริฏ กล่าว

ขณะที่ ผลต่อวินัยการเงินการคลัง น่าจะไม่ต่างจากเดิมมากนัก คือ น่าเป็นห่วง เพราะตัวเลขประมาณการระยะกลางบ่งชี้ว่าหนี้สาธารณะน่าจะเพิ่มไปอยู่ที่ราวๆ 68-69% ของ GDP ใกล้เพดานหนี้สาธารณะที่ 70% ต่อGDP มาก 

 

ทั้งนี้  ดร.นณริฏ กล่าวย้ำว่า อยากแนะนำให้รัฐบาลยกเลิกการแจกเงินรอบ 2 ให้กับคนที่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง เพราะไม่เกิดความคุ้มค่า แต่ถ้าต้องแจกก็อยากให้แจกผ่าน App เดิมที่มี เช่น กรุงไทย หรือ PromptPay
 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.